ร่างสูงโปร่งของบัลลังก์เดินกลับมายังโรลส์-รอยซ์คันหรูที่จอดทิ้งเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยร่องรอยของความเครียดเคร่ง หากนำเหตุผลของน้อง ๆ ทุกคนมาชั่งน้ำหนักดูแล้ว คนที่หนีไม่พ้นการแต่งงานตามคำสั่งของคุณย่าคงไม่พ้นเป็นเขาซึ่งเป็นทั้งพี่ใหญ่ไร้ข้อผูกมัด รวมถึงมีการงานมั่นคง อายุอานามก็พรั่งพร้อมสำหรับการสร้างครอบครัว
มือหนายกขึ้นจับที่ปลายคางอย่างใช้ความคิด พอดีกับที่บอดีการ์ดหนุ่มพ่วงด้วยตำแหน่งผู้ช่วยส่วนตัววิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหา “เจ้านายครับ ให้ผมเป็นคนขับกลับนะครับ งานที่ช่วยคุณหญิงพิสมัยเรียบร้อยแล้วครับ"
“ขอบใจดินไทย" บัลลังก์ตอบแบบประหยัดคำ ดินไทยลูกน้องคนสนิทเปิดประตูรถให้เขาเข้าไปนั่ง ก่อนจะรีบวิ่งอ้อมไปทำหน้าที่สารถีเหมือนอย่างเคย
“เจ้านายเครียดเรื่องอะไรเหรอครับ… คุณ ๆ ทั้งหลายก็ด้วย ขอโทษที่ผมถามละลาบละล้วงนะครับ" ดินไทยถามอย่างคนซื่อ เจ้านายหนุ่มก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าหากเขาจะรับรู้ด้วย
“ก็… เรื่องสร้างครอบครัวนั่นแหละ นายว่าอายุอย่างฉันควรมีเมียมีลูกหรือยัง บอกตามตรงฉันยังอยากทำงานมากกว่า" บัลลังก์เอนหลังพิงกับเบาะรถ ทอดสายตาเหม่อมองไปยังทัศนียภาพรอบนอก
“คุณท่านบังคับให้เจ้านายแต่งงานเหรอครับเนี่ย…” ดินไทยพึมพำขณะที่ลดความเร็วลงเมื่อเห็นสัญญาณไฟจราจรอยู่ไม่ไกล
“อืม... ก็ไม่เชิงหรอก แต่คนอย่างฉันจะไปชอบผู้หญิงที่ไหนได้ เอาเวลาไปทำงานยังดีซะกว่า นี่ฉันมองดูเรื่องประมูลที่ดินแถบภาคตะวันออกเพื่อทำโกดังไว้กระจายสินค้าอยู่นะ แล้วก็…”
“ลองพักเรื่องงานดูครู่หนึ่ง แล้วนึกถึงเรื่องอื่นที่ทำให้หัวใจเต้นแรงดูบ้างดีไหมครับเจ้านาย" บอดีการ์ดหนุ่มถือวิสาสะชี้แนะ คำกล่าวนั้นทำให้บัลลังก์นิ่ง พอดีกับที่บรรยากาศโดยรอบเริ่มมีสายฝนพรำลงมา
มองดูจากภายในรถแล้ว หยาดน้ำฝนเย็นชื่นฉ่ำนี้ดูคล้ายกับเจ้าก้อนน้ำแข็งสีขาวโพลนที่ร่วงกราวลงมาจากฟ้า ชวนให้บัลลังก์นึกถึงช่วงเวลาที่เขาได้เห็นนางฟ้าเป็นครั้งแรกด้วยตาทั้งสองข้างของตน…
…
หนึ่งปีก่อน
การมาศึกษาดูงานที่ต่างประเทศสำหรับคนที่รักการทำงานอย่างบัลลังก์แล้วถือเป็นขนมหวานจานโปรด ส่วนเหล่าลูกน้องที่ติดสอยห้อยมาด้วยมองว่านี่คือยาขมหม้อโตที่ไม่มีใครอยากกระเดือก อากาศติดลบทำให้บัลลังก์เลือกหยิบเสื้อโคตยาวสีดำสนิทมาใส่ แม้ร่างกายจะป่วยจนมีการอาการไอค่อกแค่กเล็กน้อย แต่เขาก็ยังใจสู้ออกมานั่งที่คาเฟ่เพื่อทำงานต่อให้เสร็จ
ใบหน้าที่หล่อเหลาจนพนักงานในบริษัทเหลียวคอแทบหักจำต้องถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากอนามัยสีเดียวกันกับเสื้อโคต
ช่วงเช้าแบบนี้ ผู้คนในเมืองลอนดอน ณ ประเทศอังกฤษค่อนข้างพลุกพล่าน เพราะต่างก็ต้องการใช้บริการรถสาธารณะเพื่อเดินทางไปให้ถึงที่หมาย เช่นเดียวกับกลุ่มสาวเอเชียที่นั่งอยู่โต๊ะไม่ไกลจากโต๊ะของบัลลังก์
‘อีกประมาณแปดนาทีรถบัสคันที่ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยก็จะมาแล้วนะ...’
‘ไปก่อนเลยก็ได้ เราจะรอออเดอร์ของเอมิลี่ด้วย รายนั้นไปจองที่นั่งในห้องเลกเชอร์รวมให้พวกเราจนไม่มีเวลาซื้อกาแฟเลยนะ พวกเธอก็รู้ ถ้าเอมิลี่ขาดคาเฟอีนเข้า อีกเดี๋ยวต้องกลายร่างแน่ ๆ’ เสียงหวานเจื้อยแจ้วของหญิงสาวคนหนึ่งดังทะลุแอร์พอดที่บัลลังก์สวมอยู่ เขาจึงถอดออกแล้วตั้งใจฟังเสียงนั้นมากขึ้น แม้จะยังไม่เห็นหน้าคนพูดเพราะถูกบดบังด้วยกลุ่มเพื่อนของเธอก็ตาม
‘เป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ เลยนะ เอ้า งั้นพวกฉันสองคนไปรอข้างหน้าร้านก่อนเลยแล้วกัน รีบออกมานะ เดี๋ยวจะตกรถ’ สองสาวที่ยืนบังอยู่ค่อย ๆ เดินออกไป วินาทีนั้นบัลลังก์จึงได้เห็นเจ้าของเสียงที่ตนสนใจ
เธอเป็นหญิงสาวผิวสีขาวเหมือนน้ำนม บางจุดอมชมพูโดยเฉพาะพื้นที่ที่โดนความเย็น ดวงตากลมสีดำสนิทลุ่มลึกน่าหลงใหลรับกับแพขนตาสวยได้รูป จมูกโด่งเชิดรั้นแสดงออกถึงความซุกซน และริมฝีปากสีพีชตัดกับสีแก้วกระเบื้องของช็อกโกแลตร้อนที่เธอกำลังยกขึ้นดื่ม
บัลลังก์รู้สึกเหมือนกำลังเห็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ แสร้งจำแลงกายเป็นมนุษย์เพื่อเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มหอมฉุย หัวใจของเขาชักจะเต้นถี่ขึ้น ความอบอุ่นของอะไรบางอย่างโอบล้อมทั่วร่างกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพียงแค่ได้เห็นหน้าก็รู้สึกเหมือนจะหายป่วย… เป็นนางฟ้าจริง ๆ ด้วย
‘ออเดอร์ได้แล้วค่ะคุณลูกค้า’ เสียงของพนักงานที่เคาน์เตอร์ทำให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์ที่ตกลงไปเมื่อครู่ เขาเห็นหญิงสาวลุกขึ้นไปรับเอาถุงกระดาษที่ภายในมีแก้วเครื่องดื่ม รอยยิ้มที่แจกให้กับพนักงานช่างสดใสจนเหมือนมีดวงอาทิตย์อีกดวงโดดเด่นอยู่กลางคาเฟ่แห่งนี้
‘สวยเป็นบ้าเลย…’ บัลลังก์ลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว ตั้งใจว่าจะเดินเข้าไปถามชื่อของเธอให้รู้แล้วรู้รอด ‘คุณครับ…’
‘เหวอ!’ จังหวะนั้นคุณนางฟ้าตัวจ้อยลื่นไถลใกล้กับประตู บัลลังก์จึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยประคองเธอไว้กันไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น ชั่วพริบตาต่อมาชายหนุ่มจึงได้รู้ว่าร่างของหญิงสาวนั้นร่วงหล่นลงในอ้อมแขนเขาพอดี
กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของคนในอ้อมกอดยิ่งทำให้สมองของบัลลังก์ประมวลผลช้ายิ่งขึ้น เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจนกระทั่งเธอเป็นฝ่ายขืนตัวเองออกไปจากอ้อมกอดก่อน พร้อมกับก้มหัวขอโทษและขอบคุณเขายกใหญ่
‘ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้ ไม่งั้นฉันคงล้มก้นจ้ำเบ้าไปแล้ว ขอโทษด้วยนะคะที่รบกวน ฉันนี่ซุ่มซ่ามจริง ๆ เลย...’ เธอขอโทษเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงเป๊ะเสมือนเป็นเจ้าของภาษา ‘ขอตัวก่อนนะคะ…’
รถบัสคันใหญ่จอดเทียบที่ป้ายจุดจอดหน้าร้าน เป็นเหมือนยานพาหนะที่นำเอานางฟ้าออกไปจากอ้อมอกของเขาโดยที่ยังไม่ทันได้ถามชื่อ บัลลังก์ยิ้มจาง ๆ ใต้หน้ากากอนามัยที่สวมอยู่ ก่อนจะไอโขลกออกมาเมื่อความเย็นแทรกซึมผ่านประตูที่ปิดไม่สนิทมาโดนตัว
‘แค่ก… ถ้ามีโอกาสได้พบกันคราวหน้า ผมต้องรู้ชื่อของคุณให้ได้… คุณนางฟ้า’
…
“เจ้านายครับ!” เสียงตะโกนของดินไทยดึงเอาสติของบัลลังก์กลับมาจากอังกฤษได้ในที่สุด ฝนที่ตกอยู่ด้านนอกแรงขึ้นเรื่อย ๆ “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมเรียกหลายทีแล้ว ไม่เห็นเจ้านายขานรับเลยต้องตะโกนครับ…”
“โทษที มีอะไรหรือเปล่า" ผู้เป็นเจ้านายตอบพร้อมกับเด้งตัวนั่งให้หลังตรง
“มีสายเรียกเข้าครับ แต่เหมือนเจ้านายไม่ได้ยิน ผมเลยต้องเรียกครับ"
บัลลังก์พยักหน้ารับ หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากเพื่อนซี้ที่เขารู้ว่าถ้าหากรับสายนี้แล้วจะต้องได้รับการชักชวนไปที่ไหน
“สรุปว่าเจ้านายนึกออกหรือยังครับ” ดินไทยถามย้อนไปถึงเรื่องที่พูดค้างไว้ก่อนหน้านี้ “สิ่งที่ทำให้เจ้านายหัวใจเต้นแรงจนลืมเรื่องงานได้น่ะครับ…”
บัลลังก์ยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก “นึกไม่ออกหรอก… นึกไม่ออกเลยจริง ๆ”
นึกไม่ออกเลยว่าเขาจะได้พบนางฟ้าคนนั้นอีกหรือเปล่า…
ถ้าหากจะต้องแต่งงานตามคำสั่งคุณย่าจริง ๆ ล่ะก็ เจ้าสาวของเขาพอจะเป็นคุณนางฟ้าคนนั้นได้หรือเปล่านะ…