ลินในสภาพมอมแมม เสื้อผ้าเก่าและหลวมจนแทบไม่พอดีตัว ผมยาวจับตัวเป็นก้อนเหนียวเหนอะและส่งกลิ่นเหม็นจากการไม่ได้สระมาหลายวัน ก้าวขึ้นเรือสำราญขนาดมหึมาในสภาพที่เหนื่อยล้า หัวใจเธอเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งด้วยความตื่นเต้นปนหวาดกลัว เรือที่เธอเพิ่งแอบขึ้นมาเต็มไปด้วยเสียงผู้คน เสียงเครื่องยนต์ดังเบาๆ จากส่วนล่างของเรือผสมกับเสียงฝีเท้าของพนักงานและผู้โดยสารที่เดินสวนไปมา ลินพยายามกลั้นลมหายใจ เธอก้มตัวและเบี่ยงหลบผู้คน พลางมองหาที่ซ่อน
เธอเลี้ยวไปตามทางเดินยาวที่ปูพรมหนานุ่ม สายตาสอดส่ายหาประตูที่ไม่ได้ล็อกหรือมุมมืดที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ในที่สุด เธอพบห้องเก็บของเล็กๆ ที่เปิดแง้มไว้ เธอแอบเข้าไปนั่งในมุมมืด มือจับกระเป๋าแน่นขณะพยายามสงบสติอารมณ์
ภายในห้องเก็บของนั้นมีชั้นวางเรียงรายไปด้วยกล่องกระดาษและอุปกรณ์ทำความสะอาด ลินซุกตัวในมุมที่มืดที่สุด กลั้นลมหายใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงฝีเท้าผ่านมาหน้าประตู เสียงพูดคุยเบาๆ ของพนักงานดังลอดเข้ามา
“เหมือนจะมีคนแปลกหน้าขึ้นมาบนเรือนะ เช็กให้ละเอียดด้วย” คำพูดนั้นทำให้ลินตัวแข็งทื่อ ร่างกายสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว
เธอรู้ว่าการซ่อนตัวอยู่ในที่เดียวตลอดเวลาไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัย เธอต้องหาทางย้ายที่ซ่อนก่อนจะถูกพบตัว เมื่อเสียงฝีเท้าค่อยๆ เงียบไป ลินแอบเปิดประตูแง้มออกมา มองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง ก่อนจะก้าวออกไปตามทางเดิน
ลินหลบซ่อนตัวในจุดต่างๆ ของเรือ ตั้งแต่ใต้บันไดที่มีเงามืดครอบคลุม ไปจนถึงมุมเล็กๆ ระหว่างกำแพงของห้องเครื่องยนต์ เธอต้องซ่อนตัวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา และขยับตัวเฉพาะเมื่อมั่นใจว่าปลอดภัย เสียงกระเพาะของเธอร้องเบาๆ ด้วยความหิวโหย เธอแทบไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ก้าวขึ้นเรือ
เมื่อความหิวทนไม่ไหว ลินตัดสินใจเดินไปยังห้องครัวของเรือ เสียงจานชามและหม้อกระทบกันดังขึ้นจากทางเดิน เธอค่อยๆ แง้มประตูห้องครัวและมองเข้าไป เห็นพนักงานกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหาร เธอฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีใครมอง เดินเบี่ยงเข้าไปที่มุมหนึ่งของห้อง หยิบขนมปังชิ้นเล็กๆ ใส่กระเป๋าอย่างรีบเร่ง แต่ก่อนที่เธอจะทันหนีออกมา เสียงตะโกนก็ดังขึ้น “เธอเป็นใคร! มาทำอะไรที่นี่!”
ลินสะดุ้งโหยง กระเป๋าที่ถืออยู่หล่นลงพื้นพร้อมขนมปังที่เธอแอบหยิบมา เธอรีบหันหลังวิ่งหนี แต่ไม่ทันพนักงานสองคนที่พุ่งมาดักทางไว้ ลินถูกจับตัวไว้ เธอดิ้นสุดแรง น้ำตาไหลอาบแก้ม
“ปล่อยฉันเถอะ ขอร้องล่ะค่ะ ” แต่เสียงของเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“แอบขึ้นเรือมางั้นเหรอ?” ชายคนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ลินพยายามดิ้นหนี แต่แรงของเธอเทียบไม่ได้กับแรงของชายสองคนที่จับเธอไว้แน่น
“ปล่อยฉันๆ ”
เสียงเอะอะทำให้พนักงานคนอื่นๆ เริ่มเข้ามามุงดู แต่ในจังหวะนั้นเอง เสียงทุ้มสุขุมก็ดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” ทุกคนหันไปมอง เจ้าของเสียงคือชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์สีขาว ใบหน้าคมเข้มที่ประดับด้วยแว่นตากรอบบาง ดวงตาของเขาฉายแววสงสัยและเยือกเย็น
“เธอแอบขึ้นเรือมาครับ หมอเจสัน” พนักงานคนหนึ่งตอบ ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า ดร.เจสัน ฟิลิปส์ เดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าลิน ดวงตาของเขากวาดมองเธอจากหัวจรดเท้า สภาพมอมแมมและน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเธอทำให้เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ปล่อยเธอ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“แต่หมอครับ…” พนักงานเริ่มแย้ง แต่เจสันยกมือห้าม “ผมจะจัดการเอง เธออยู่ในความรับผิดชอบของผม” พนักงานลังเลเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมือจากลิน
เมื่อทุกคนแยกย้ายไป เจสันหันมามองลินที่นั่งตัวสั่นอยู่กับพื้น เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าสะอาดให้เธอ
“เช็ดน้ำตาซะ แล้วบอกผมว่าคุณเป็นใคร ทำไมถึงแอบขึ้นเรือมา”
ลินรับผ้าเช็ดหน้าด้วยมือที่สั่นเทา เธอพยายามพูดแต่เสียงติดขัดในลำคอ
“ฉัน… ฉันชื่อลิน ฉันไม่มีที่ไป… ฉันแค่หนีจากบางสิ่ง”
ดวงตาเธอหลุบต่ำ แต่เสียงของเธอแฝงด้วยความหวังบางเบา
เจสันมองเธอด้วยสายตาที่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “คุณไม่ต้องกลัว ผมจะไม่ทำร้ายคุณ แต่ผมต้องรู้ความจริง เพราะตอนนี้คุณอยู่บนเรือและคุณขึ้นมาแบบผิดกฏ และผมต้องแน่ใจว่าคุณจะปลอดภัย” เสียงของเขานุ่มลึกและเต็มไปด้วยความมั่นคง ในวินาทีนั้น ลินรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับโอกาสครั้งใหม่ ชายคนนี้อาจเป็นความหวังเดียวที่เธอเหลืออยู่
เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังก้องในทางเดินแคบๆ ก่อนจะหยุดลงที่หน้าประตู เสียงบานพับถูกผลักออกพร้อมเสียงกระแทกประตูดังลั่น ลินสะดุ้งเฮือก เธอหดตัวจนแทบซุกลงไปกับเก้าอี้ ร่างเล็กของเธอสั่นสะท้านราวกับลูกนกตกน้ำ ขณะที่ชายร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาในห้อง ดร.เจสัน ฟิลิปส์เงยหน้าขึ้นมอง รอยขมวดคิ้วปรากฏบนใบหน้าของเขาเมื่อเห็นชายที่ก้าวเข้ามา
ร่างของ อเล็กซ์ แฮมิลตัน เจ้าของเรือสำราญ Hamilton ลำที่ใหญ่ที่สุดในโลกยืนตระหง่านในกรอบประตู แสงจากโคมไฟในห้องสะท้อนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตัดเย็บอย่างประณีตและกางเกงสีดำเนื้อดีที่เข้ารูปพอดีกับเรียวขายาวสมส่วน ใบหน้าคมเข้มราวกับรูปสลักของเขาเต็มไปด้วยเสน่ห์และความน่าเกรงขาม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเย็นชาของเขากวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะหยุดนิ่งที่ร่างของลิน
ลินเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตากลมโตที่เปียกชื้นด้วยน้ำตามองสบสายตาของเขาเพียงแวบเดียวก่อนจะรีบหลบ สายตาของอเล็กซ์นั้นราวกับเหล็กร้อนที่แผดเผา เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกตรึงไว้กับเก้าอี้โดยไร้ทางหนี
“นี่เหรอ? คนที่แอบขึ้นเรือของฉันมา?” เสียงของอเล็กซ์เย็นเยียบและหนักแน่น น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนการตัดสินคดีทำให้ลินตัวแข็งทื่อ เธอกัดริมฝีปากแน่นจนเกือบเจ็บเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น
“ใช่ เธอแอบขึ้นเรือมา ผมพบเธอในห้องครัว” เจสันตอบเรียบๆ ขณะมองหน้าอเล็กซ์ด้วยสายตาที่ประเมินสถานการณ์
อเล็กซ์ก้าวเข้ามาในห้อง เสียงรองเท้าหนังของเขากระทบพื้นไม้ดังก้องในความเงียบ เขาเดินวนไปรอบๆ เก้าอี้ที่ลินนั่งอยู่ ความสูงใหญ่ของเขาและเงาที่ทอดลงมาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นเพียงจุดเล็กๆ ที่กำลังถูกล่า
“ชื่ออะไร?” เขาถาม ดวงตายังคงจับจ้องที่เธอ ลินกลืนน้ำลายเอื๊อก ขณะพยายามรวบรวมเสียงที่สั่นเครือ “ลิน…ค่ะ” เธอตอบเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน
“ลิน…” อเล็กซ์ทวนชื่อช้าๆ เสียงเขาราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัวราวกับกำลังประเมินสิ่งที่อยู่ตรงหน้า “หนีขึ้นเรือของฉันมาทำไม? คิดว่าจะรอดเหรอ?”
ลินตัวสั่น เธอก้มหน้าแน่น น้ำตาไหลอาบแก้มขณะพยายามเปล่งเสียง “ฉัน… ฉันไม่มีที่ไป… ฉันแค่…”
“แค่หนี?” อเล็กซ์พูดขัด น้ำเสียงของเขาทวีความเย็นชา “หนีจากอะไร? หรือเธอคิดว่าฉันเป็นคนโง่ที่จะเชื่อคำแก้ตัวของใครก็ตามที่เข้ามารุกล้ำทรัพย์สินของฉัน?”
ลินสะอื้นเบาๆ เธอไม่รู้ว่าควรพูดอะไร หัวใจของเธอเต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะระเบิด เจสันที่ยืนอยู่ข้างๆ ยื่นมือมาแตะแขนอเล็กซ์เบาๆ “อเล็กซ์ ใจเย็นก่อน เธอไม่ใช่ภัยอะไร เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่สิ้นหวัง”
อเล็กซ์หันไปมองเจสันด้วยสายตาเย็นเยียบ “สิ้นหวังหรือไม่ ฉันไม่ยอมให้ใครแอบขึ้นเรือของฉันโดยไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล” เขาหันกลับมามองลินที่ยังคงนั่งตัวสั่นบนเก้าอี้
เขาก้มตัวลงเล็กน้อย ใบหน้าคมเข้มของเขาใกล้กับเธอจนลินสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มากขึ้น “ฉันจะถามเธออีกครั้ง บอกฉันมาให้หมด เธอหนีจากอะไร และทำไมถึงต้องมาอยู่บนเรือของฉัน?”
ลินเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา แต่ในวินาทีนั้นเธอรู้ว่าการเงียบอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง เธอพยายามกลั้นสะอื้น ก่อนจะพูดเสียงสั่น “ฉันหนีจากคนที่จะทำร้ายฉัน… ฉันไม่มีที่ไป… ได้โปรด…”
ดวงตาของอเล็กซ์หรี่ลงเล็กน้อย เขายืนตัวตรงอีกครั้ง ขณะที่ความเงียบที่ตามมานั้นช่างน่ากลัวราวกับพายุที่กำลังก่อตัวในทะเล “ได้โปรด?” เขาทวนคำอย่างเย้ยหยัน “เธอคิดว่าคำว่า ‘ได้โปรด’ จะทำให้ฉันปล่อยเธอไปง่ายๆ งั้นเหรอ?”
เจสันก้าวเข้ามาแทรกอีกครั้ง “เธอเป็นแค่คนที่กำลังกลัวและสิ้นหวัง คุณมีเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก คุณจะไม่ให้อภัยใครได้บ้างเลยเหรอ?”
อเล็กซ์ยืนนิ่ง ดวงตาของเขายังคงจับจ้องที่ลิน เขาหายใจลึก ก่อนจะพูดช้าๆ “เธอจะอยู่บนเรือนี้ต่อไปได้… แต่เธอจะอยู่ในสายตาของฉันทุกย่างก้าว” คำพูดของเขาเหมือนคำพิพากษาที่ไม่อาจเลี่ยงได้ “และอย่าคิดว่าจะหนีไปไหนได้อีก”
เขาหันหลังเดินออกไปจากห้อง เสียงรองเท้าหนังของเขาดังก้องในความเงียบ ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกหนักอึ้งในใจของลิน เธอหันไปมองเจสันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและคำถามที่ไม่มีคำตอบ
อเล็กซ์หันกลับมามองหมอเจสัน ฟิลิปส์ที่ยืนอยู่ข้างลินซึ่งยังคงตัวสั่นอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เสียงของเขาเรียบนิ่งแต่ทรงพลัง “หางานให้เธอทำซะ หมอ คุณรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย” คำพูดนั้นชัดเจนราวกับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาสูงสุด เขาไม่สนใจคำตอบหรือคำคัดค้านใดๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง เสียงฝีเท้าหนักๆ ของเขาดังก้องบนพื้นไม้จนประตูปิดตามหลังด้วยเสียงดังสนั่น
ลินหายใจอย่างยากลำบาก เธอยังคงก้มหน้าลงต่ำ น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะที่ร่างของเธอสั่นไหวจากแรงกดดันที่เกิดขึ้น ดร.เจสันถอนหายใจเบาๆ ขณะถอดแว่นออกเพื่อเช็ดเลนส์ ดวงตาของเขาเหลือบมองประตูที่เพิ่งปิดลง ก่อนจะเอ่ยเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความหนักใจ “สำหรับอเล็กซ์…แค่นั้นคือความเมตตาสูงสุดแล้ว”
เขาหันกลับมาหาลิน ใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน “เธอไม่ต้องกลัวแล้ว เขาให้โอกาสเธออยู่บนเรือนี้ได้ แต่เธอต้องทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเอง”
ลินเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความกลัวและน้ำตาจ้องมองหมอหนุ่มด้วยความลังเล “ฉัน…ฉันทำอะไรได้บ้างคะ?”
เจสันยิ้มเล็กน้อย เขานั่งลงตรงหน้าเธอในระดับสายตา มือข้างหนึ่งวางเบาๆ บนเก้าอี้เพื่อให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย “เราค่อยคิดเรื่องนั้นกัน เธออาจจะเริ่มจากงานง่ายๆ ในครัว หรือช่วยทำความสะอาด แต่ที่สำคัญที่สุด…คือเธอต้องไม่ก่อปัญหาอีก เข้าใจไหม?”
ลินพยักหน้าเบาๆ ดวงตายังคงสะท้อนความไม่มั่นใจ “ฉันจะทำค่ะ… ขอแค่ได้อยู่ที่นี่” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ แต่ในนั้นแฝงด้วยความหวังที่เริ่มก่อตัว
เจสันลุกขึ้นยืน ดึงกระดาษโน้ตกับปากกาออกมา เขาเขียนบางอย่างลงไปอย่างรวดเร็วก่อนจะฉีกกระดาษส่งให้ลิน “นี่คือคำแนะนำเบื้องต้น เธอไปที่ห้องครัว บอกพวกเขาว่าฉันส่งเธอมา พวกเขาจะหางานให้เธอทำ”
ลินรับกระดาษแผ่นนั้นด้วยมือที่ยังสั่นเล็กน้อย เธอกลืนน้ำลายและพยักหน้า ขอบคุณเขาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ รู้สึกเหมือนน้ำหนักที่กดทับในใจเริ่มเบาลงเล็กน้อย
เจสันมองตามเธอขณะที่เธอเดินออกจากห้อง ดวงตาเขาฉายแววครุ่นคิด “หวังว่าเธอจะพิสูจน์ตัวเองได้… ก่อนที่อเล็กซ์จะหมดความอดทน” เขาพึมพำเบาๆ ขณะใส่แว่นกลับและเริ่มจัดโต๊ะทำงานอีกครั้ง ในใจเขารู้ดีว่าโอกาสที่ลินได้รับนี้…เป็นเพียงเส้นด้ายบางๆ ที่หากเธอผิดพลาดเพียงครั้งเดียว เธออาจไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกเลย…