บทนำ
บทนำ
พิธีมงคลสมรสของกษิดิศและอันธิตาเป็นไปอย่างเรียบร้อย ผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างมีสีหน้าแช่มชื่น แขกเหรื่อชื่นชมเป็นเสียงเดียวว่าทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวสวยสมกันราวกิ่งทองใบหยก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาและฐานะทางสังคม...
ทว่า... กิ่งทองใบหยกที่เขาเหล่านั้นชื่นชม กลับมิได้มีความยินดีปรีดาในพิธีวิวาห์นี้เลยแม้เพียงนิด โดยเฉพาะเจ้าบ่าว
อันธิตาเหลือบตามองเจ้าบ่าวของตนก่อนจะหลุบตาลงซ่อนความน้อยใจเอาไว้อย่างมิดชิด ใบหน้าหล่อคมคายของเขาแทบไม่ยิ้มเลยสักนิดทั้งที่เป็นวันแต่งงาน หล่อนรู้ว่าเขาไม่ได้รักหล่อน และที่ต้องแต่งงานกันก็เพราะความเห็นชอบของผู้ใหญ่และธุรกิจของทั้งสองที่ทำร่วมกัน แต่จะยิ้มสักหน่อยไม่ได้หรือ... อย่างน้อยก็ไว้หน้าหล่อนบ้าง
กระทั่งพิธีวิวาห์ผ่านพ้นไป ทั้งสองถูกพากลับเข้าห้องที่ตระเตรียมเอาไว้เพื่อใช้ส่งตัว ก่อนที่ทั้งคู่จะออกเดินทางไปฮันนีมูนตามที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายวางแผนกันเอาไว้แต่แรก...
มันแทบไม่มีความหมายใดๆ เมื่อยามที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายให้คำอวยพรคู่บ่าวสาว เพราะเมื่อเสร็จสิ้น กษิดิศก็ถอนหายใจยาวเหยียด สีหน้าของเขาเหนื่อยล้าและหม่นหมองจนหญิงสาวอยากร้องไห้...
“พี่ดิศคงลำบากใจมากใช่ไหมคะ”
เสียงหวานๆ ที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันภายในห้องหอซึ่งอยู่ภายในบ้านของหญิงสาวทำให้เขาหันไปมองหล่อนนิ่ง
“ก็คงเหมือนกับที่อันรู้สึก พี่ขอโทษที่ไม่สามารถปั้นหน้าให้ดูมีความสุขได้ตลอดงาน แต่อันคงเข้าใจพี่ใช่ไหม ว่าพี่ทำดีที่สุดแล้วสำหรับเราสองคน”
อันธิตานิ่งเงียบ เมื่อฝ่ายนั้นผุดลุกจากเตียงกว้างที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ หญิงสาวกวาดตามองกลีบบอบบางเหล่านั้นแล้วยอกแสลงใจ เมื่อคิดว่าชีวิตคู่ของหล่อนคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสียแล้ว...
ร่างสูงของกษิดิศก้าวตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เขาดึงเอาพวงมาลัยออกแล้วแขวนมันไว้กับตะขอแขวนไม่ไกล ดูไร้ความหมาย กระตุกเอาสูทสีขาวออกจากตัว ตามด้วยเนกไทสีเดียวกัน ก่อนจะหมุนตัวก้าวเข้าห้องน้ำ เขาปรายตามองเจ้าสาวของตนที่ใครๆ ต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวว่างดงามและน่าอิจฉาเขายิ่งนักแวบหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้งแล้วก้าวเข้าไปด้านใน
อันธิตาเม้มปากแน่น มือเรียวบางวางทับกันบนตัก จนได้ยินเสียงน้ำไหลจึงผุดลุกจากเตียงด้วยความหม่นหมองในอารมณ์ จิตใจหดหู่จนเรี่ยวแรงเหือดหาย ก้าวตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง นั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองเข้าไปในกระจกเงา มองดวงหน้าหวานหยดของเจ้าสาวหมาดๆ ที่ใครๆ ต่างชื่นชม ยกเว้นเจ้าบ่าวของหล่อน ที่มองหล่อนราวกับอากาศธาตุ ไร้ตัวตน ไร้ความน่าอภิรมย์ใดๆ
ชีวิตคู่ของหล่อนยังไม่ทันเริ่มก็เห็นจุดจบของมันเสียแล้ว...
ทันทีที่เขาออกมาจากห้องน้ำ ร่างระหงก็ผุดลุกจากเก้าอี้ เมื่อเผชิญหน้ากันอันธิตาก็หลบสายตาคมกริบของสามีหมาดๆ แม้จะไม่มีความสุขเหมือนคู่บ่าวสาวคู่อื่น แต่เมื่อได้เห็นร่างสูงกำยำของสามีที่เปลือยท่อนบนโดยมีผ้าขนหนูพันกายไว้เพียงท่อนล่างเป็นครั้งแรก หญิงสาวก็อดที่จะรู้สึกเขินอายเสียไม่ได้ ตรงข้ามกันกับกษิดิศที่ไม่ได้รู้สึกใดๆ นอกจากจะเห็นใจหล่อนที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก
“ให้พี่ช่วยเอาออกให้ไหม”เขาเอ่ยถามอย่างมีน้ำใจเมื่อมองเครื่องประดับบนศีรษะของหญิงสาว เพราะดูจากสภาพแล้วหล่อนอาจจะต้องนอนในห้องน้ำก็เป็นได้ ขณะที่อันธิตาเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาแล้วสั่นหน้าเบาๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ อันขอตัวก่อนนะคะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็ก้าวเข้าห้องน้ำโดยไม่เหลียวหลัง นานนับชั่วโมงที่ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำ ส่วนกษิดิศออกไปนั่งที่ระเบียงห้องนอน เขาทอดสายตาออกไปอย่างไร้จุดหมาย ความคิดลอยไปไกลถึงอีกฟากโลก...
ปาริสา... ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง หล่อนทำใจได้หรือยัง ที่เขาต้องแต่งงานกับคนอื่น แทนที่จะเป็นหล่อนอย่างที่ได้สัญญากันเอาไว้
“ปลา... ผมขอโทษ” กษิดิศขมขื่นใจ เขายังจำเสียงร้องไห้ของปาริสาได้ไม่ลืมเมื่อเขาจำต้องบอกความจริงกับหล่อนว่ากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น แม้จะไม่ได้รักใคร่ไยดี ทว่าเขาไม่อาจปฏิเสธบิดามารดาได้ ไม่อาจทำลายความเชื่อมั่นที่ทุกคนมีให้เขา เรื่องความรักนั้นสำคัญแต่ครอบครัวของเขาย่อมสำคัญกว่าความสุขส่วนตัว...
“สักวัน ผมจะเป็นอิสระปลา สักวัน...” เขาบอกตัวเองเช่นนั้น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ร่างของใครบางคนค่อยๆ ถอยหลังกลับเข้าไปภายในห้อง น้ำตาคลอเบ้าและไหลลงท่วมหัวใจช้ำๆ
ร่วมครึ่งชั่วโมง เสียงเลื่อนประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงเนิบๆ ของฝีเท้าดังใกล้เข้ามาที่เตียงกว้าง อันธิตานอนตะแคงหันหลังให้เขา หัวใจของหล่อนอ่อนล้าไม่ใช่ตื่นเต้นอย่างที่ควรเป็น เตียงอีกด้านยุบยวบ การเคลื่อนไหวเบาๆ มีอีกครู่ก่อนจะสงบลงพร้อมเสียงหายใจหนักๆ ของคนที่เพิ่งล้มตัวลงนอน
กษิดิศเองไม่สบายใจสักนิดที่ต้องเป็นเช่นนี้ ความจริงเขาต้องการแยกห้องนอนกับหล่อนเสียด้วยซ้ำ ทว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของเขาแต่เป็นบ้านของหล่อน จำต้องนอนร่วมห้องกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาหันมองร่างระหงที่นอนหันหลังให้แล้วถอนใจเฮือก หล่อนคงหลับแล้วด้วยความอ่อนเพลีย ซึ่งก็ดี เพราะเขาเองไม่คิดจะทำหน้าที่สามีกับหล่อนเสียด้วย...
ไม่นานนัก เสียงลมหายใจของชายหนุ่มก็สม่ำเสมอ ต่างจากอันธิตาที่เบิกตาโพลงภายในความมืด แล้วน้ำตาแห่งความน้อยใจก็ไหลริน ใครจะเหมือนหล่อนบ้าง ที่ต้องนอนร้องไห้ในวันเข้าหอ...
เช้าตรู่ คู่สามีภรรยาคู่ใหม่ตื่นแต่เช้า กระเป๋าของทั้งสองถูกลำเลียงเข้าไปในรถยนต์คันใหญ่ เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปฮันนีมูน แต่ก่อนไป ทั้งสองยังต้องอยู่รับประทานอาหารเช้ากับบิดามารดาของอันธิตาท่ามกลางสายตาชื่นชมของบิดามารดาและแววตาล้อเลียนของสาวใช้ในบ้าน เพราะคิดว่าทั้งสองคงสุขสมอย่างน่าอิจฉา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าคู่บ่าวสาวนอนหันหลังให้กันทั้งคืน...
“จะไปกันอาทิตย์หนึ่งสินะ ว่าแต่บ้านที่ดิศจะพาน้องไปอยู่ตรงไหนนะจ๊ะ” คุณอารยาเอ่ยถามบุตรเขยรูปหล่อที่กำลังตักอาหารให้บุตรสาวของตนด้วยความพอใจ โดยมีสายตาของผู้เป็นสามีมองมาอย่างใคร่รู้เช่นกัน
“ที่ประจวบฯครับ เป็นบ้านพักตากอากาศของผมเอง สร้างเอาไว้เมื่อสามปีที่แล้ว บรรยากาศดีครับ คิดว่าอันคงชอบ” เขาตอบแม่ยายของตนพลางหลุบตามองภรรยาตัวน้อยด้วยแววตาอ่อนโยน ทำให้คนมองอยู่ก่อนแล้วหันไปยิ้มให้กันเพราะคิดว่าผู้ชายตรงหน้าคงทั้งรักและเอ็นดูลูกสาวของพวกตนไม่น้อย
อันธิตาได้แต่ยิ้ม ไม่แสดงความคิดเห็นใด เพราะรู้ดีว่าการกระทำของเขามันก็แค่ละครฉากหนึ่งที่จะแสดงออกมาก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่...
“ดีจริง ยัยอันชอบทะเล คราวนี้คงได้พักผ่อนสมใจนะ ช่วยคุณพ่อทำแต่งานมานานแทบไม่ได้พักผ่อน” คุณอารยากล่าวถึงบุตรสาวซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งเลขานุการและผู้ช่วยของบิดาด้วยความรักใคร่ เพราะรู้ดีว่าหญิงสาวไม่มีเวลาได้พักผ่อนนัก หล่อนทำแต่งานและเป็นลูกสาวที่ทั้งสองภูมิใจ อันธิตาวัยแค่ยี่สิบห้าปีแต่เป็นที่ยอมรับของหุ้นส่วนจนได้รับการไว้วางใจให้เป็นมือขวาของบิดา
คุณอารยาคิดพลางมองไปยังบุตรเขยของตน กษิดิศก็เช่นกัน รูปหล่อ สง่างาม ในวัยสามสิบปีเต็มเขาเป็นชายหนุ่มในฝันของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ เป็นสุภาพบุรุษที่มีชื่อเสียงด้านธุรกิจไม่น้อย แม้กิจการของตระกูลพัฒนากิจขจรจะไม่ใหญ่โตเท่ากิจการของตระกูลธนาภรณ์ของท่านเพราะเกิดขึ้นภายหลัง แต่ก็มองเห็นอนาคตอันสดใส จนทั้งสองครอบครัวเห็นพ้องต้องกันว่าควรให้หนุ่มสาวทั้งสองครองคู่กัน เพื่ออาศัยความสามารถของทั้งสองในการสืบสานกิจการของตระกูลให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก...
แต่ไม่มีใครคิด ว่าการกระทำเหล่านี้ยังความเจ็บปวดอันท่วมท้นแก่คนทั้งสอง แม้ภายนอกจะแต้มด้วยรอยยิ้ม แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำที่ไม่อาจบอกใครได้เลย...