ค่ำนั้น หลังจากพาปาริสารับประทานอาหารเสร็จแล้ว หญิงสาวออดอ้อนชายหนุ่มให้เขาพาไปนั่งฟังเพลงที่ผับแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มอยากปฏิเสธแต่เมื่ออีกฝ่ายรบเร้ามากๆ เขาจึงจำใจต้องพาไปจนลืมคิดไปว่าการออกไปกับหญิงสาวสองต่อสองอาจตกเป็นเป้าสายตาของคนรู้จักยิ่งเมื่อคิดถึงท่าทางไม่สนใจไยดีของอันธิตา ความน้อยใจก็พุ่งสูง ทำให้มองข้ามความเหมาะสม ว่าการออกไปกับผู้หญิงอื่นซึ่งไม่ใช่ภรรยาด้วยท่าทางสนิทสนมเกินไป อาจนำความเสื่อมเสียมายังครอบครัว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ปาริสาจะพอใจมาก เพราะหล่อนต้องการประกาศให้ใครก็ตามได้รู้ว่า เขาและหล่อนเป็นอะไรกัน...
และราวกับโลกกลม เมื่อเพื่อนรักของอันธิตาอย่างยิหวาและกมลชนกพร้อมกับคนรักของพวกหล่อนเดินทางมานั่งฟังเพลงยังสถานที่แห่งนี้เช่นกัน ยิหวาซึ่งตาไวเช่นเดิมพยายามเบิ่งตามองให้แน่ชัดว่าตนไม่ได้ตาฝาด กระทั่งมั่นใจจึงรีบหันไปสะกิดหัวเข่าของเพื่อนรักที่นั่งเคียงกันรัวๆ
“ยัยนก! นั่นมันคุณดิศสามียัยอันนี่หว่า”
กมลชนกหันไปมองตามสายตาเพื่อนพลางย่นคิ้วกวาดตาหา
“ไหนล่ะ ฉันไม่เห็น”
“ก็คนนั้นไง ที่หันหลังให้เราน่ะ นี่ๆ หันมาแล้ว นั่นไงๆ”
เมื่อร่างสูงหันกลับมาพร้อมกับนั่งลงพร้อมกับผู้หญิงอีกคนกมลชนกก็เบิกตากว้าง แล้วหันไปสบตาเพื่อนอย่างไม่คาดคิด
“คุณดิศจริงด้วย แต่เอ๊ะ! ผู้หญิงคนนั้นใคร ไม่ใช่ยัยอัน”
พึมพำพลางหันไปมองคนทั้งสองก่อนจะหันมาทำตาโตกับเพื่อนรักที่หรี่ตาครุ่นคิด “แกคิดเหมือนฉันไหม?”
คนถูกถามแสยะยิ้ม พลางมองไปยังคนทั้งสองที่นั่งเบียดชิด โดยเฉพาะผู้หญิง ที่แทบจะขึ้นมานั่งตักสามีเพื่อนรักด้วยความเจ็บใจแทน!
“แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ ฉันต้องโทร.หายัยอัน” พูดจบยิหวาก็ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเพื่อนรักทันที กมลชนกที่มองทางโน้นทีทางนี้ทีรอฟังใจจดจ่อ
“ฮัลโหล อันเหรอ กลับถึงบ้านหรือยัง ฮะ? ยังไม่กลับ ทำงานอยู่ จะขยันไปไหนยะ นี่มันมืดแล้วนะ ใกล้เสร็จแล้ว เออดีเลยงั้นว่างหรือเปล่า ว่างก็ดี ฉันอยากจะชวนแกมาที่ร้านพี่ฉันหน่อย เออ ใช่ๆ ร้านนั้นแหละ มานะ โอ๊ย อย่าอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนนัก ออกมาเปิดหูเปิดตาบ้างเผื่อจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เออน่า เอาไว้มาถึงแล้วจะบอก ฉันกับยัยนกรอแกอยู่ มีเรื่องอยากเมาท์เยอะ ต้องมาให้ได้นะ โอเค แล้วเจอกัน”
“ตกลงมาใช่ไหม” คนถูกถามตวัดสายตามองไปยังหญิงชายคู่นั้นแล้วแสยะยิ้ม
“มาสิ! ไอ้เราก็นึกว่าจะเป็นคนดี ที่ไหนได้ ร้ายลึก! คอยดูนะ ฉันจะให้ยัยอันจัดการเสียให้เข็ด” ดวงตาของยิหวาวาวโรจน์ ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนรักที่สะกิดหล่อนเบาๆ พลางถามว่าพวกหล่อนมองใคร อีกฝ่ายจึงรีบเล่าให้คนรักฟังอย่างรวดเร็ว
ด้านอันธิตาหลังวางสายจากเพื่อนรักก็เงยหน้าขึ้นมองออกไปยังด้านนอก ฟ้ามืดแต่มีแสงสีแห่งราตรีสว่างแทน เมื่อมองนาฬิกาจึงทราบว่าค่ำมากแล้ว หญิงสาวผ่อนลมหายใจพรืด รู้ตัวดีว่าเหตุใดจึงต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ก็เพื่อให้ลืมใครบางคน ลืมการกระทำและคำพูดร้ายๆ ของเขา พลางคิดถึงเพื่อนรักและบอกตนเองว่าดีเหมือนกัน ออกไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง จะได้ไม่ต้องกลับไปนอนคิดถึงคนที่ไม่เคยคิดถึงหล่อน นอกจากความสุขส่วนตัว…
ไม่นานนัก หญิงสาวก็เดินทางมาถึงสถานที่แห่งนั้น เมื่อยิหวาและกมลชนกหันมาเห็นเพื่อนก็รีบโบกมือโบกไม้ อันธิตายิ้มให้สองคนพร้อมสาวเท้าก้าวไปหาอย่างรวดเร็ว
“ว่าไงอัน กว่าจะออกมาได้”
อันธิตาก้าวเข้ามานั่งข้างเพื่อนที่รีบขยับที่ให้หญิงสาว ท่ามกลางเสียงเพลงที่คลอเคล้าไปกับแสงไฟวับแวม ก่อนจะหันไปทักทายคนรักของทั้งคู่พร้อมรอยยิ้ม
“ก็ดี รถไม่ค่อยติด ว่าแต่มากันนานแล้วสิคะเนี่ย”
“ครับ สาวๆ เขาอยากจะมานั่งฟังเพลงชิลชิลพวกเราก็เลยพามา”
แฟนหนุ่มของยิหวาเป็นคนตอบ ขณะที่สองสาวเพื่อนรักต่างสบตากัน และเป็นยิหวาที่เป็นฝ่ายบอกกับอันธิตาขึ้น
“อัน ความจริงที่ฉันชวนแกออกมาวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะบอกกับแก” อันธิตาสบตาเพื่อนพลางขมวดคิ้ว ฝ่ายนั้นตัดสินใจแน่วแน่พลางบอก
“ฉันเจอคุณดิศที่นี่ มากับผู้หญิงอื่น ดูสนิทสนมมาก เลยอยากให้แกออกมาเห็นด้วยตาแกเอง”
คนฟังใจหายวาบ ใบหน้างามเผือดลง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า กษิดิศอยู่กับใครทุกเย็นไปจนดึกดื่นค่อนคืน ทว่าไม่คิดว่าฝ่ายนั้นจะกล้าพาคนรักของเขาเปิดตัวรวดเร็วจนเป็นการหักหน้าหล่อนขนาดนี้
ยิหวาสบตาเพื่อนรักพลางบุ้ยปากบอก...
“นั่นไง โต๊ะนั้น ยัยนั่นแทบจะนั่งตักสามีแกอยู่แล้ว”
เมื่อหันไปยังจุดที่เพื่อนบอกและพบเจอภาพบาดตาบาดใจ หญิงสาวก็เจ็บร้าวที่อกข้างซ้าย มือเรียวกำแน่นก่อนจะเมินหน้าจากภาพของสองคนนั้นด้วยสีหน้านิ่งขรึม ทำให้ยิหวาและกมลชนกมองด้วยความเป็นห่วง
“อัน ฉันขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า พวกเราไม่อยากให้แกต้องขับรถมาทั้งที่โกรธอยู่ เลยต้องบอกแกกะทันหันแบบนี้ ที่สำคัญ ฉันไม่อยากให้แกโดนสวมเขา”
แม้จะเสียหน้า อับอายมากขนาดไหน แต่อันธิตายังฝืนยิ้มให้คนทั้งสี่ได้
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกหวา ยังไงต้องขอบใจเธอสองคนมากนะที่บอกกับฉัน”
ขณะที่กล่าวออกมา ร่างบางนั่งนิ่ง ไม่หันไปมองคนคู่นั้นอีก และไม่มีทีท่าว่าจะเดินเข้าไปหา ต่อว่าหรือเกรี้ยวกราดอย่างที่เพื่อนคิด ทำให้คนทั้งสี่ค่อนข้างแปลกใจกับพฤติกรรมของเพื่อนรัก ซึ่งผิดวิสัยข้าวใหม่ปลามัน
“อัน นี่แกไม่คิดจะเข้าไปแสดงตัวว่าแกเป็นใครหรือไง ผู้หญิงคนนั้นจะได้รู้ ว่าผู้ชายที่อยู่ด้วยน่ะมีเมียอยู่แล้ว” กมลชนกเอ่ยขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้กับท่าทางร้าวรานใจระคนเย็นชาของเพื่อนรัก
“ไม่ล่ะนก เขาอยากจะทำอะไรก็เรื่องของเขา ฉันไม่สนหรอก ดีเสียอีก จะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับฉัน”
ทั้งหมดนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าเพื่อนจะเย็นชาและทำใจกับสิ่งที่เพิ่งได้รู้ อาการนั้นทำให้เพื่อนสาวทั้งสองคนรวมทั้งคนรักของพวกหล่อนมองด้วยความไม่เข้าใจหนักขึ้นไปอีก
“ฉันไม่เข้าใจเลยอัน ทำไมเธอดูไม่เดือดร้อนเลยล่ะ” ยิหวาถาม พลางมองเพื่อนสลับกับคนที่กำลังตกเป็นหัวข้อสนทนา แต่อันธิตากลับยิ้ม ไม่คิดจะตอบ ซึ่งพอดีกับที่ร่างสูงของใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาพร้อมกับเพื่อนๆ ของเขาและหันมาเห็นหญิงสาวเข้าจึงสาวเท้าเข้ามาทักทาย
“สวัสดีครับคุณแอนนี่”
เสียงทุ้มสุภาพที่ดังขึ้น ทำให้คนทั้งห้าเงยหน้ามอง ทำให้อีกสองสาวถึงกับตาค้างเมื่อพบกับหนุ่มหล่อนัยน์ตาสีน้ำข้าว จนถูกคนรักที่นั่งข้างกันกระแอมในลำคอ สองสาวจึงยิ้มแหยให้ก่อนหันมองเพื่อนรักที่กำลังสบตาชายรูปหล่อพร้อมกับยิ้มให้อย่างงงๆ
“อ้าวคุณมาร์ค มากับใครคะ”
“ผมมากับเพื่อนครับ นั่งอยู่ด้านโน้น” เขาบอกพลางบุ้ยปาก ซึ่งมีเพื่อนชายสองสามคนทั้งไทยและเทศนั่งรวมกันอยู่ ก่อนจะกวาดตามองทุกคนในโต๊ะด้วยแววตาผูกมิตร หญิงสาวจึงรีบแนะนำให้เพื่อนรู้จักกับชายหนุ่ม ทั้งหมดทักทายกันก่อนที่มาร์คจะเอ่ยขอตัวอย่างรู้มารยาท
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกๆ คนนะครับ ผมต้องขอตัวก่อน พอดีว่าเพื่อนรออยู่”
“ขอบคุณที่เข้ามาทักนะคะ เชิญคุณมาร์คตามสบายค่ะ”
ชายหนุ่มสบตาหญิงสาวยิ้มๆ ก่อนจะจากไป ทั้งสี่คนมองมาดชายหนุ่มคนใหม่ที่เพิ่งเดินกลับไปด้วยสายตาทึ่งๆ กมลชนกและยิหวาจึงหันมาถามเพื่อนรักทันที
“ใครอะอัน! หล่อมาก ดูตาที่มองอันสิ หวานซะ!” ยิหวารำพึงรำพันด้วยความตื่นเต้น และมองไปยังชายหนุ่มที่กลับไปรวมกลุ่มเพื่อนของเขา ฝ่ายนั้นยังหันกลับมายังหล่อนอีกครั้ง อันธิตาจึงเมินหน้ากลับมาเสีย
“อัน! เขาหันมามองแกด้วยอัน”
อันธิตาส่ายหน้ากับน้ำเสียงตื่นเต้นของเพื่อน ไม่ได้สนใจสายตาของฝ่ายนั้น เพราะหัวใจกระวนกระวายอยู่กับสามีตีตราและผู้หญิงที่เป็นมากกว่าภรรยาเมื่อเทียบกับหล่อนคนนั้น
“นี่อัน ฉันว่าหนุ่มหล่อคนนั้นเข้าท่านะ” ยิหวายังกล่าวต่อ กมลชนกค้อนเพื่อนพลางแขวะ
“จะบ้าหรือยะ ยัยอันยังมีสามีทั้งคน แกจะมาชี้โพรงให้กระรอกแบบนี้นะ”
“บ้าสิ” ยิหวาหันมาแหวใส่เพื่อน ทำตาเขียวปัด
“ฉันแค่บอกว่าเขาเข้าท่าเฉยๆ ไม่ได้จะให้ยัยอันหันไปสนใจสักหน่อย เออว่าแต่รู้จักได้ยังไงเหรออัน”
“เราติดต่อทำธุรกิจร่วมกันอยู่น่ะ”
“อ๋อ...” สองสาวทำเสียงรับรู้ในลำคอ ก่อนจะหันไปคุยกับคนรัก แต่ก็ยังไม่วายซุบซิบถึงหนุ่มหล่อต่างชาติคนนั้น ขณะที่หญิงสาวปรายตามองไปยังสามีและปาริสา ที่ไม่สนใจใครนอกจากกันและกัน