intro
intro
เคยรู้สึกมั้ยว่าเรื่องความรักถ้าไม่ใช่ก็ไม่สามารถทำใจให้เปิดใจรักได้ แต่ทว่าในทางเดียวกันความสัมพันธ์บางอย่างก็ทำให้ฉันตระหนักรู้ได้ว่า
บางทีการที่วันนี้ไม่ใช่ไม่ได้แปลว่าวันหน้าจะยังไม่ใช่อยู่เหมือนเดิม และคนที่เคยคิดว่าใช่ในอนาคตเขาก็กลายเป็นคนไม่ใช่ได้เหมือนกัน
ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนทำให้ฉันเรียนรู้ได้ว่าถ้าใจยังไม่แข็งพอก็อย่าเอาตัวเองเข้าไปเล่นกับไฟ
เขา..
ลึกลับ โดดเด่น และหัวรุนแรงกับทุกอย่าง
ฉันเคยคิดว่าเขาเป็นคนต้องห้ามแต่ใครจะคิดว่าสักวันหนึ่งฉันกลับโหยหาเพียงแต่เขาเพียงคนเดียว..
"ของขวัญ แกน่าจะเปิดใจรักใครสักคนให้มันจบ ๆ ไปสักที ทำไมต้องปล่อยให้ตัวเองโสดทั้งที่สวยหน้าตะลึงขนาดนี้"
'ชิชา' เพื่อนร่วมกลุ่มฉันเอ่ยขึ้น เธอมองหน้าฉันอย่างไม่เข้าอกเข้าใจมากนักและวินาทีต่อมามือบางก็ลูบแก้มฉันเบา ๆ
"แกดูสิ ผู้ชายโต๊ะนั้นก็มองแก โต๊ะนี้ก็มองแก ใคร ๆ ก็ล้วนแต่มองแกทั้งนั้นเลย และฉันก็อิจฉามากที่แกสวยขนาดนี้"
คำชื่นชมจากเพื่อนทำเอาฉันเกือบตัวลอย แววตาที่มองกันเปล่งประกายไปด้วยความจริงจังจนฉันเผลอหลุดขำออกมาเบา ๆ
"อิจฉาทำไม คนสวยไม่ได้แปลว่าจะเจอคนที่รักจริงสักหน่อย"
ฉันหยิบขนมเข้าปาก การศรัทธาในความรักสำหรับฉันมันจางหายไปนานมากแล้วละ
"แต่อย่างน้อยก็เพิ่มคอเนกชั่นทางสายตามากกว่าคนหน้าตาเฉย ๆ อย่างฉันละน่า"
ชิชาทำหน้าเศร้าโศก เธอขยับมาซุกใบหน้าลงบนต้นแขนฉันแล้วส่งเสียงอู้อี้ราวกับน้อยอกน้อยใจในตัวเอง
"ฟังนะชิชา ความสวยไม่ได้การันตีว่าเราจะเจอคนที่จริงใจ เข้าใจมั้ย?"
ชิชาถือเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่ฉันเคยคิดว่าเราคงไม่มีทางสนิทกันได้ แต่ทว่าสุดท้ายเธอกลับเป็นคนหนึ่งที่ฉันไว้ใจและสนิทที่สุด
"จ้า จ้า ชิชาเชื่อที่ของขวัญพูดก็ได้"
เธอทำทีรับปากทั้งที่สีหน้าดูไม่ค่อยเชื่อถือกันมากเท่าไหร่นัก เพื่อนตัวดีบางทีก็ควรโดนทุบสักทีสองทีจะได้หลาบจำ
"น่ารักมาก ถ้างั้นเดี๋ยวแยกกันตรงนี้เลยนะเพราะฉันต้องไปทำงานต่อแล้ว"
"โอเคจ้า"
เราร่ำลากันเสร็จฉันก็เดินตรงไปยังป้ายรถเมล์เพื่อเดินทางกลับมายังหอพักของตัวเอง
ขอเกริ่นก่อนว่าฉันชื่อ 'ของขวัญ' เป็นนักศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 3 ฉันโสดและโสดสนิทมาก ลำพังแค่มีเวลานอนก็ถือว่ามากพอแล้วฉะนั้นเรื่องความรักตัดออกไปได้เลย
ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนที่กรุงเทพเพียงลำพัง ครอบครัวมีฐานะปานกลางพอกินพอใช้แต่ฉันกลับภูมิใจในความรักที่ตัวเองได้รับมาจากครอบครัว เพราะรักครอบครัวมากฉันจึงทำทุกวิถีทางให้ตัวเองสามารถแบ่งเบาภาระทางบ้านให้ได้มากที่สุดและทางที่ฉันเลือกก็คงไม่พ้นการทำงานพาร์ทไทม์ที่สามารถเก็บเงินได้เยอะมากกว่าอาชีพอื่นพอสมควร
งานที่ว่าก็คืองานเอนเตอร์เทนลูกค้าในผับหรูแห่งหนึ่ง ฉันถือเป็นหนึ่งในที่นิยมที่แขกมักจะจองตัวเพื่อไปเอนเตอร์เทนหรือชงเหล้าให้แขกดื่ม แรกเริ่มค่าตัวพอถูไถแต่ตอนนี้มันขยับขึ้นมาในระดับที่พอเจือจุนมาจ่ายค่าเทอมของตัวเองได้แล้ว
"น้องฮานะคนสวยของพี่ มาครับมาชงเหล้าอร่อย ๆ ให้พี่ดื่มดีกว่า"
'คิน' หนึ่งในลูกค้าประจำที่มักจะมาดื่มในผับนี้และเป็นหนึ่งในแขกที่มักจะใช้บริการฉันเสมอ
ฉันที่อยู่ในชุดเมดสาวญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเซ็กซี่พอตัวก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้โซฟาแขกเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง
"สวัสดีค่ะ เดี๋ยววันนี้ฮานะจะบริการให้คุณลูกค้ามีความสุขที่สุดนะคะ"
'ฮานะ' คือชื่อในนามของฉัน ที่นี่มีกฎที่แขกห้ามล่วงเกินพนักงานไม่อย่างนั้นจะถูกแจ้งความฉันมองว่าเป็นเรื่องที่ดีจึงรู้สึกเบาใจอยู่ไม่น้อย
"ครับ ๆ พี่วางใจฮานะอยู่แล้ว ฝีมือชงเหล้าก็อร่อยอย่าบอกใครเลย"
พี่คินเอ่ยชมฉัน เขาถือเป็นแขกที่ค่อนข้างให้เกียรติพนักงานพอสมควรอีกทั้งยังเป็นคนที่ขี้เล่นมากอีกด้วย
"ฮานะชงให้ตัวเองสักแก้วก็ได้นะครับ ถือเป็นของแถมสำหรับหน้าที่นี้"
ฉันฉีกยิ้มหวานที่คิดว่าโปรยเสน่ห์พอตัวแล้วส่ายหน้าปฏิเสธความใจดีตรงหน้าไป
"ไม่เป็นไรค่ะ ฮานะชงให้คุณคินกับเพื่อนดื่มดีกว่าค่ะ"
"โอเคครับ"
สิ้นสุดการตกลงร่วมกันฉันก็เริ่มชงเหล้าตรงหน้าตามความสามารถที่ผ่านการเคยชินทันที
แต่ทว่าบุคคลที่คิดว่าคงไม่หวนกลับมาเจอกันอีกแล้วก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าให้ฉันหวาดหวั่นด้วยความขี้ขลาด
"อ้าวซัน มาแล้วเหรอ ๆ มา ๆ มานั่งนี้เดี๋ยวให้น้องคนสวยชงเหล้าให้กิน"
เสียงพี่คินเอ่ยทักเพื่อนตัวเองผ่านเข้าประสาทหูฉันและฉันก็คงไม่คิดสนใจมากถ้าบุคคลนั้นไม่ได้เรียกชื่อจริงฉันออกมาได้อย่างเต็มปาก
"ของขวัญ"
สุ้มเสียงที่แสดงถึงอารมณ์ของความตกใจดึงความสนใจของฉันให้เงยหน้าขึ้นไปสบตากัน วินาทีที่สองสายตาประสานกันจังหวะหัวใจฉันก็สั่นรัว
แค่เพียงได้สบตาอีกครั้งรอยแผลลึก ๆ ก็กระตุ้นให้รู้สึกปวดร้าวขึ้นมาอย่างเจ็บปวด
ผู้ชายที่ชื่อ 'ซัน' มองหน้าฉัน สายตาที่มองมาแสดงออกได้อย่างชัดเจนว่าเขาดูจะสมเพชฉันที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา
"รู้จักน้องเขาด้วยเหรอวะ หรือมึงแอบมาใช้บริการที่นี่บ่อยแล้วไม่บอกกู ไม่ได้นะเว้ยน้องคนนี้กูจองแล้วกูห่วง"
พี่คินคัดค้านเสียงเด็ดขาดแต่ผู้ชายตรงหน้ากลับบิดยิ้มราวกับไม่แยแสต่อฉัน สายตาแสดงออกว่าเขาไม่ได้อยากจะเข้าใกล้ผู้หญิงที่ตัวเองใช้สายตามองอย่างดูถูกอย่างฉัน
"กูไม่คิดจะเอาผู้หญิงที่เอาตัวแลกกับเงินมึงก็รู้"
คำพูดนั้นบาดลึกเข้ามาในใจฉันจนฉันกำแก้วน้ำใบนั้นเอาไว้แน่น
"บ้า พูดแรงไปแล้วน้องเขาทำงานสุจริตมึงอย่าดูถูก"
"หึ.."
เอาตัวเข้าแลกงั้นเหรอ
ดูถูกกันเกินไปมั้ยล่ะ?
"มานั่ง ๆ แหม่.. พอหมั้นกับน้องวิวาห์แล้วหายหน้าหายตาไปเลยนะ ติดหญิงเกินไปมั้ย"
"กูก็รักของกู ว่าแต่เธอเถอะทำงานแบบนี้ได้เงินจากผู้ชายไปกี่คนแล้วล่ะ?"
ซ่า...
ฉันอดทนให้คำพูดนั้นทำร้ายตัวเองมาสักพักใหญ่ เมื่อความอดทนจบลงเหล้าที่พึ่งชงเสร็จก็ถูกสาดใส่หน้าผู้ชายที่ดูถูกเหยียดหยามกันอย่างสนุกปากทันที
อารมณ์ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดว่าผลที่ตามมาคืออะไร ฉันคิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ความโกรธนี้ได้รับการระบายที่สาสม
"ของขวัญ!"
เสียงดุตวาดลั่น ข้อมือฉันถูกฉุดกระชากให้ลุกขึ้นตามแรงดึงดันที่คนตรงหน้ามีให้กัน
"ถ้าปากไม่มีเรื่องจะพูดก็อมน้ำแข็งไป"
ฉันหยิบน้ำแข็งที่อยู่ในถังมายัดใส่ปากผู้ชายตรงหน้าด้วยความโกรธ
เราไม่เจอกันพักใหญ่เขาก็พูดจาน่าเกลียดใส่กัน เป็นพฤติกรรมที่ฉันมองว่ามันแย่ที่สุด
"เธอนี้มันร่านอย่างที่ใคร ๆ เขาพูดกันจริง ๆ ด้วย ชาตินี้คงหาไม่ได้หรอกผู้ชายที่รักเธอจริง ๆ"
ฉันถูกร่างหน้าผลักลงไปบนโซฟาจนเสียหลักล้มลงไปอย่างแรง ความสนใจตรงน่าดึงดูดให้คนภายในร้านหันมามองกันเป็นตาเดียว
"เฮ้ย ๆ ไอ้ซัน มากเกินไปแล้ว เบา ๆ ดิน้องเขาเป็นผู้หญิงเดี๋ยวก็ช้ำหมดหรอก"
พี่คินเข้ามาจับผู้ชายสารเลวตรงหน้าให้แยกออกจากกัน
ความรู้สึกหน้าชาเหมือนใบหน้ากำลังแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ฉันเกลียดสายตาที่ผู้คนเอาแต่มองมาและพูดส่งต่อถึงความไม่ดีที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงมันเป็นยังไง
รวมถึงผู้ชายคนนั้นด้วย แฟนเก่าหน้าโง่ที่หลงเชื่อคนอื่นมากกว่าฉันที่เป็นแฟนตัวเอง พอเจอหน้ากันฉันก็มักจะถูกดูถูกจนน่าเจ็บ
ทั้งที่ผ่านมาฉันคิดเสมอว่าเขาคือคนที่ใช่ เขาคือคนที่ฉันต้องการใช้ชีวิตร่วมด้วยแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันพลิกผัน คนที่ใช่กลับกลายเป็นคนที่แย่ที่สุดในชีวิต
แย่! โคตรแย่!