ผู้ชายที่ฮอตมากคนนั้นคือเพื่อน(เก่า)

1252 คำ
“แกๆ” เพื่อนที่นั่งกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารคณะสะกิดเพื่อนข้างๆ เหมือนให้มองอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่กล้ามองตรงๆ จนฉันเงยหน้าจากจานข้าว ฟาร์มและกลุ่มเพื่อนของเขาเดินมาใกล้โต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่ เราสบตากันแบบที่ฉันมั่นใจว่าเขาเห็น หัวใจมันดีใจแต่จะยิ้มก็ไม่กล้ายิ้ม จะทักก็ไม่กล้าทัก ระหว่างที่พยายามรวบรวมความกล้าอยู่นั้นฟาร์มกับเพื่อนก็เดินผ่านไป...โดยไม่ได้ทักทาย หัวใจฉันเหี่ยวเฉาลงในวินาทีนั้น ทำไมฟาร์มถึงไม่ทักฉันเลย กี่ครั้งแล้วล่ะที่ได้แต่มองเขาไกลๆ เห็นกันแว่บๆ แต่ไม่ได้พูดคุยกัน “หล่อมากแก” “คนไหน ฟาร์มเหรอ” “อืม กัปตันด้วย สเป็กทั้งคู่” “แต่ปลื้มก็หล่อนะ” สิ่งหนึ่งที่รู้หลังจากเปิดเทอมมาได้สามสัปดาห์คือฟาร์มฮอตพอตัว จากที่ก็เคยมองว่าเขาหล่ออยู่แล้ว แต่พอมาเจอกันอีกครั้งหลังจากที่ฟาร์มย้ายโรงเรียนตอนมอห้าเทอมสองยิ่งรู้สึกว่าเขาหล่อขึ้นมาก หล่อแบบที่ทำให้ใจสั่นได้เพียงแค่เผลอมองตา ฉันกับฟาร์มรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ แม่ฟาร์มเป็นแม่บ้านของที่บ้านฉัน เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็กๆ เหมือนแม่คนหนึ่งเลย ฟาร์มเลยเป็นเหมือนเพื่อนที่ฉันสนิทด้วยที่สุด แม้ไม่รู้ว่าเขาจะอยากสนิทด้วยหรือเปล่า เพราะฟาร์มเป็นคนไม่ค่อยพูด...แต่อยู่บ้านหลังเดียวกัน เล่นด้วยกันมันก็ต้องสนิทแล้วหรือเปล่า เราไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกันตั้งแต่เด็กๆ หรอก เพราะฉันเรียนโรงเรียนเอกชนจนถึงมอต้น แต่ฟาร์มก็เป็นเพื่อนเล่น และเวลาแม่ให้ฉันเรียนพิเศษอะไร ฟาร์มก็จะไปเรียนเป็นเพื่อน จนเรามาเรียนห้องเดียวกันตอนมอสี่ พอมอห้าเทอมสองฟาร์มก็ย้ายโรงเรียน ได้ยินคร่าวๆ ว่าคุณพ่อของเขาทำงานเป็นคนขับรถเศรษฐีคนหนึ่ง จนเป็นคนสนิท มีเงินมีงานที่มั่นคง ตั้งตัวได้เลยรับเมียกับลูกไปอยู่ด้วย ไม่ต้องให้มาทำงานเป็นแม่บ้านอีกแล้ว เราไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย แอบส่องโซเชียลบ้างแต่ก็ไม่ค่อยมีอะไรอัปเดต เป็นพวกไม่ค่อยเล่นโซเชียลกันทั้งคู่ จนมาเจอกันอีกครั้งตอนเข้ามหาวิทยาลัย เรียนคณะเดียวกันแต่คนละเอก ฟาร์มเรียนดนตรีสากล ส่วนฉันเรียนวอยซ์แจ๊ส แต่ถึงจะเรียนคนละสาขาแต่บางวิชาก็เรียนด้วยกัน แล้วอีกหน่อยเวลามีกิจกรรมก็ต้องทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ทำไมถึงทำตัวเหมือนไม่อยากรู้จักกัน ตอนนี้ฉันก็ได้แต่มองไกลๆ ไม่กล้าเดินเข้าไปทัก ยิ่งรู้ว่ามีคนกรี๊ดเขาเยอะก็ยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ ได้แต่แอบงอนเขาอยู่ในใจ...ฟาร์มก็นะ ไม่คิดจะทักกันบ้างเลย ทุกครั้งที่บังเอิญเจอฟาร์มแต่เขาทำเป็นเมินก็ทำให้ซึมไปทั้งวัน ได้แต่สงสัยว่าเพราะอะไร ยิ่งมันเกิดซ้ำๆ ก็ยิ่งกังวลใจ คนอยู่ด้วยกันมาตั้งสิบเจ็ดปีน่ะ จะไร้เยื่อใยขนาดนั้นเลยเหรอ เขาไม่เห็นฉันเป็นเพื่อนจริงๆ น่ะนะ...หรือที่ผ่านมาฟาร์มโกรธเกลียดฉันมาตลอดที่ชอบวุ่นวายกับเขา เลยทำเหมือนคนไม่รู้จักกันได้ขนาดนี้ “ใบชา เลิกเรียนแล้วไปไหนไหม ไปกินไอศกรีมปะ” พีร์ เพื่อนอีกคนที่ช่วงนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ถามหลังจากเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จ เขาเรียนเอกดนตรีเหมือนฟาร์มด้วย ยังมีเวลาชวนเพื่อนเอกวอยซ์ไปกินไอศกรีม “ออกนอกหน้านะมึง” มิ้งเพื่อนที่ไปไหนมาไหนกับฉันประจำดักอีกคนไว้ “อะไรของมึง ไม่ต้องมาสู่รู้” สองคนนี้น่าจะสนิทกันพอสมควร ดูจากคำพูดคำจาที่ใช้คุยกัน “แกจะไปกินไอศกรีมกับมันไม่ล่ะใบชา” มิ้งหันมาถามฉัน ฉันส่ายหน้า “พีร์กับมิ้งไปกันเลย เรารู้สึกหมดพลังงานแล้ววันนี้” “ไปเติมพลังด้วยไอศกรีมเย็นๆ ไง” พีร์ยังตื๊ออยู่ แต่ฉันก็ส่ายหน้าแบบเหนื่อยๆ “มึงดูหน้ามันก่อน หน้าแบบนี้คือแบตเหลือศูนย์จุดศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นต์แล้ว” มิ้งน่าจะชินกับฉันแล้วละ ที่ถ้าบอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไป “โอเค เอาไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้ไม่ไปก็ไม่ไป” พีร์ถึงยอมถอย แล้วก็ไม่มีใครได้ไปกินไอศกรีมสักคน แยกย้ายกันกลับ “อืม” ฉันแยกกับเพื่อนด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ แบบนั้นแหละ แต่ก็ไม่ได้รีบกลับบ้าน นั่งรถไฟฟ้าไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จริงๆ ก็อยากหาอะไรกินเหมือนกัน...แต่อยากไปคนเดียว แค่อยากกินชานมไข่มุกเย็นๆ สักแก้ว ฉันดูดชานมแก้วนั้นหมดภายในไม่ถึงห้านาที มีพลังให้เดินดูอะไรเรื่อยเปื่อยได้อีกสักสิบนาที ฉันเข้าร้านเครื่องเขียน ได้หนังสืออ่านเล่น สมุดโน้ตพร้อมพวกดินสอปากกาที่ซื้อมาสะสมไว้ไม่เคยใช้หมดเสียที แล้วก็เดินไปที่ร้านตุ๊กตา หอบเอาตุ๊กตาตัวใหญ่มาหนึ่ง ได้กอดอะไรนุ่มๆ แบบนี้ก็รู้สึกหัวใจได้รับการเยียวยา ได้เวลากลับห้องเสียที แต่ยังไม่ทันจะได้ออกจากโซนตุ๊กตาดีด้วยซ้ำฉันก็เจอกับคนที่ทำให้ฉันเฟลทั้งวัน เจอแบบประจันหน้าที่ฉันไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้...เหมือนห้วงเวลาหยุดหมุน ทำตัวไม่ถูก จนหลุดปากพูดคุยกับเขาได้เป็นครั้งแรก “ฟาร์ม” คนตรงหน้าแค่เลิกคิ้วขึ้นเป็นการรับคำทักทายนั้น...หรือไม่เขาก็อาจจะสงสัยอะไรบางอย่าง จนฉันเกิดความไม่มั่นใจขึ้นมา “จำชาได้ไหม” มันไม่ใช่สิ่งที่ควรถามเลย แต่มันก็น่านักไหมล่ะ เมินฉันขนาดนั้นจนมันอดคิดไม่ได้ว่าเขาจำฉันได้บ้างไหม ฟาร์มเลิกคิ้วอีกที แต่ครั้งนี้คิ้วเขาขมวดด้วย แม้จะอาการเพียงเล็กน้อยแต่ฉันก็ตีความได้ว่าหน้าฟาร์มเหมือนเจอเรื่องประหลาด แอบค่อนขอดเขาในใจ มาทำเป็นงง ก็ตัวเองไม่เคยทักกันเลย แล้วนี่ไม่ยอมตอบฉันอีก...รู้ไหมกว่าฉันจะใจกล้าทักเขาก่อนได้ “ได้อะไร” ฟาร์มไม่ได้ตอบคำถามนั้น หากสิ่งที่เขาถามกลับมาก็เหมือนกำลังให้คำตอบอยู่ใช่ไหมว่าเขาไม่ได้ลืมฉันอย่างที่ฉันกลัวจริงๆ “ก็หนังสือ ปากกา แล้วก็ตุ๊กตา ฟาร์มล่ะ มาทำอะไร” เขาเอามือล้วงกระเป๋า พยักหน้าเบาๆ เหมือนแค่รับรู้คำถามของฉัน หากก็ไม่ตอบ ถามไปเรื่องอื่นเลย “แล้วจะซื้ออะไรอีกไหม” บ้าจริง เมื่อก่อนว่าพูดน้อยแล้ว นี่หนักเข้าไปอีก เข้าขั้นเย็นชาแล้วนะฟาร์มน่ะ “จะกลับแล้ว” “เหรอ กลับไง” “บีทีเอส” “อืม ไปส่งไหม” ฟาร์มถามกลับมาทันทีเหมือนถามเรื่องลมฟ้าอากาศ แต่ทำให้ฉันสตั๊นไปเลย คนที่ไม่เคยพูดคุยกันสักคำตลอดเวลาสามสัปดาห์จนฉันคิดว่าเขาคงไม่อยากจะอะไรกับฉันแล้ว มาถามไปส่งที่ห้องในครั้งแรกที่ทักทายกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม