แต่ถึงจะสงสัยก็เผลอพยักหน้า
“เอ่อ ฟาร์มไปส่งได้เหรอ” แล้วก็ทำเป็นถามแบบเกรงใจ ฟาร์มทำสีหน้าเหมือนรำคาญ...ฉันรู้เขาไม่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ แต่ฉันก็ติดนิสัยย้ำคิดย้ำทำ เวลาที่ดีใจที่เขาจะให้อะไรหรือทำอะไรให้น่ะ
อย่างที่คิดว่าเขาไม่ยอมตอบ แต่หมุนตัวแล้วเดินนำเลย ก็เลยต้องรีบก้าวให้ทันจนมาเดินข้างๆ เขา แหงนหน้ามองคนข้างๆ แว่บหนึ่งก็เกิดคำถามว่าฟาร์มสูงขึ้นเท่าไหร่นะ ปกติผู้ชายจะหยุดสูงตอนอายุกี่ปีกัน ตอนนี้หัวฉันสูงเลยไหล่เขามานิดเดียว
ฟาร์มพาฉันไปยังรถมอเตอร์ไซค์ของเขา รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเหมือนกันเมื่อคิดว่าไม่ได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ฟาร์มนานมากแล้ว แม้ว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้มันจะคันใหญ่กว่าที่เคยซ้อนท้ายเขาก็ตาม ฉันไม่รู้ว่ามันเรียกอะไร คล้ายๆ บิ๊กไบค์ แต่ไม่น่าใช่
ฟาร์มหยิบหมวกกันน็อกให้ฉัน มองหน้าแว่บหนึ่งก็ทำให้ฉันใจสั่นเมื่อเขาจัดการสวมมันให้เลย คงเพราะเห็นว่าฉันอุ้มตุ๊กตาอยู่เลยกลัวชักช้า
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกข่มความตื่นเต้นตัวเอง พอฟาร์มสตาร์ตรถก็ขึ้นไปนั่งซ้อนเขา ดีที่ฉันใส่กระโปรงพลีตเลยนั่งซ้อนได้สะดวกหน่อย
พอออกมาจากห้างก็รู้สึกว่าจะนั่งเบียดตุ๊กตาตัวโตเฉยๆ ไม่ได้แล้วละ มันหวิวๆ เลยต้องจับเสื้อเขาไว้ด้วยข้างหนึ่ง ถ้าทำได้ก็อยากกอดเอวเลย...ยิ้มให้ความคิดตัวเอง ฉันโตพอที่จะยอมรับความรู้สึกตัวเองได้แล้วใช่ไหมว่ารู้สึกพิเศษกับฟาร์ม...ไม่พยายามที่จะปัดมันทิ้งเหมือนก่อนที่เราจะแยกจากกัน
ฟาร์มจอดมอเตอร์ไซค์ที่คอนโดฉันในที่สุด เขาดับเครื่องให้ฉันลงจากรถ ถอดหมวกกันน็อกตัวเองแล้วก็มาถอดของฉันให้อีกที สายตาเหยี่ยวคู่นั้นมองฉันอย่างไร้อารมณ์ แต่ก็เอ่ยคำถามที่น่าแปลกใจ
“หิว บนห้องมีมาม่าไหม”
หมายถึงอะไร ฟาร์มจะขึ้นไปบนห้องด้วยเหรอ
“ออ ลืมไป ไม่น่ามี” แล้วฟาร์มก็ตอบเอง พยักหน้ากับตัวเองเหมือนตัดสินใจ ฉันต้องรีบให้คำตอบเขา
“มี” พอฉันตอบไปแบบนั้นฟาร์มก็มองฉันเหมือนอยากได้คำตอบจริงจังกว่านั้น
“เดี๋ยวนี้ต้มมาม่าเป็นแล้วนะฟาร์ม ทำกับข้าวเป็นด้วย” เมื่อก่อนฉันทำอะไรไม่เป็นจริงๆ เวลาแม่ฉันกับแม่เขาไม่อยู่ ก็ได้ฟาร์มนี่แหละต้มมาม่าให้กิน ฟาร์มคงไม่รู้หรอกว่าระหว่างที่เขาหายไป...ชีวิตฉันเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง
เขาขมวดคิ้วเหมือนไม่อยากเชื่อ แต่สุดท้ายก็พยักหน้า ไม่ได้มีคำพูดใดระหว่างเราสองคน ฉันยิ้มให้เขาแล้วก็เดินนำเขาเข้ามาในคอนโด ขึ้นลิฟต์ จนมาถึงห้องในที่สุด
รีบเอาของวางไว้แล้วไปเปิดตู้เย็นตัวเองว่ามีวัตถุดิบอะไรบ้าง
“มีไข่ มีหมูนะฟาร์ม ผัดกะเพรา หรือผัดผักได้นะ”
“ต้มมาม่านั่นแหละ มีไหม”
“อืม มี” ฉันเดินไปเปิดตู้กับข้าวที่มีมาม่าในนั้น เปิดแก๊ส ตั้งหม้อเพราะรู้ว่าฟาร์มชอบต้มมาม่าแบบไหน
“ใส่ผักกับไข่ไหมฟาร์ม”
“ใส่ๆ มาเถอะ”
ฉันใส่ทุกอย่างลงไปในหม้อเยอะๆ แบบที่จำได้ว่าฟาร์มชอบกินมาม่าชามใหญ่ พอเสร็จแล้วก็ตักใส่ชามจัมโบ้ให้เขา ของตัวเองก็เอาชามใหญ่แบบปกติพอ ซึ่งพอฉันตักใส่ถ้วยเสร็จฟาร์มก็มาช่วยยกไปที่โต๊ะกินข้าวเล็กๆ...แต่มีเก้าอี้ตัวเดียว
“แป๊บนะ เดี๋ยวไปเอาเก้าอี้ในห้องก่อน” หมายถึงในห้องนอน ที่จริงๆ ก็ไม่ได้มีห้องแยก มันก็ห้องเดียวกันนี่แหละ แค่รู้สึกว่าห้องนอนมีความแยกเป็นสัดส่วนเล็กน้อย ฉันเดินไปยกเก้าอี้โต๊ะอ่านหนังสือหัวเตียง
“มีน้ำจิ้มสุกี้ เอาไหม” ตอนนี้ฟาร์มนั่งเฝ้าชามมาม่า ยังไม่ได้ลงมือเลย อาจจะรอมันเย็นกว่านี้อีกหน่อย
“เอามาก็ได้”
ลุกไปหยิบน้ำจิ้มสุกี้ที่มีติดตู้เย็นไว้ พร้อมน้ำอัดลมกระป๋องให้เขาด้วย แล้วกลับไปเอาน้ำเปล่าอีกที ถึงค่อยได้นั่งลงตรงข้าม
ฟาร์มใช้ตะเกียบคีบเส้นมาม่าเข้าปาก ใช้ช้อนซดน้ำซู้ดแบบที่มองแล้วหิวตามทันทีเลยต้องกินของตัวเองบ้าง เขากินโดยไม่ใส่น้ำจิ้มสุกี้ แต่พอกินไปสักครึ่งก็ใส่ ฉันก็ลองใส่ด้วย มันอร่อยจริงๆ นะ
“ยังเหลือในหม้อนะ เอาอีกไหม” ถามตอนที่เขากินใกล้หมดแล้ว ฟาร์มเงยหน้ามองฉัน ไม่ตอบ แต่ยกชามลุกไปตักเอง
“เธอจะเอาเพิ่มไหม”
“ไม่อะ อิ่มแล้ว” ฟาร์มก็เลยเทมาม่าที่เหลือจนหมดหม้อ แม้เส้นจะเริ่มอืดแล้วแต่เขาก็ยังกินได้อร่อย จนหมดชามไปอีกรอบ...คนทำให้ก็ชื่นใจเลย
“เดี๋ยวเอาถ้วยไปเก็บให้” ไม่รู้ว่าจะชวนคุยอะไรจึงอาสาเอาถ้วยเขาไปเก็บ แต่ฟาร์มก็จัดการยกถ้วยตัวเองกับถ้วยฉันไปที่อ่างล้างจานเอง แล้วก็ล้างให้เรียบร้อย ล้างหม้อเช็ดเตาจนสะอาดเอี่ยม...อดนึกถึงเมื่อก่อนไม่ได้ ที่เขาเป็นคนล้างให้ประจำ แม้จะขอลองทำเองบ้างหรือช่วยเขาบ้าง แต่ก็อาจจะชักช้าเกะกะเลยไม่ค่อยได้ทำ
พอเขาจัดการกับถ้วยชามเสร็จก็เดินมาที่โต๊ะอีกครั้ง แต่ไม่ได้นั่งลง ฉันรู้สึกว่าต้องคุยอะไรกับเขาสักอย่างแต่ก็หัวตื้อขึ้นมาดื้อๆ จนฟาร์มเป็นคนพูดก่อน
“กลับละนะ”
ก็เลยหงอยเลย...
“อืม” ลุกจากโต๊ะเพื่อไปส่งเขาที่ประตู
“ขับรถดีๆ นะ”
“อืม” ตอบสั้นๆ แค่นั้นแล้วก็ออกจากห้องไป ประตูห้องปิดลงพร้อมความรู้สึกว่างโหวงในอกฉัน...ยังไม่ทันได้คุยอะไรกันเลย แต่พอถามตัวเองว่ามีอะไรให้คุยก็คิดไม่ออกอีก จะถามว่าทำไมที่ผ่านมาถึงเมินฉัน ไม่ทัก ไม่คุย ก็ใช่เรื่อง
เฮ้อ เอาเถอะ จะถือว่าวันนี้เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วกัน เจอกันที่คณะฟาร์มคงไม่เมินฉันอีก