ตอนที่ ๑ ยกเลิกสัญญา
ตอนที่ ๑
ยกเลิกสัญญา
“นั่งลงใจเย็น ๆ หายใจเข้าลึก ๆ ฟังที่ดี๊พูดก่อนดีไหม”
“หนูไม่ฟังอะไรทั้งนั้นก็แค่สัญญาเด็ก ๆ ไม่ได้มีผลตามกฎหมายดี๊ไม่เข้าข้างหนูเลย” ริมฝีปากบางที่เคยมีรอยยิ้ม มาตอนนี้กลับเหลือเอาไว้เพียงความขุ่นเคืองใจมองบิดาที่อยู่ตรงหน้าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ถ้าม๊ามี๊อยู่...”
“พอ ๆ ยกเรื่องมี๊มาพูดกับดี๊อีกแล้ว บอกดี๊หน่อยสิว่าเรื่องนี้ดี๊ผิดอะไร เป็นหนูเองไม่ใช่เหรอที่เซ็นสัญญากับทางฝั่งนั้น ตอนนั้นไม่คิดมาตอนนี้จะเปลี่ยนใจก็คงสายไปแล้ว”
“หนูไม่เชื่อหรอกค่ะว่าจะยกเลิกไม่ได้ หนูจะไปเจอกับแด๊ดดี๊รอนนี่” เสียงกระทืบเท้าดังออกไปจากคฤหาสน์
“ตามไป อย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้น” คนเป็นพ่อออกคำสั่งให้หญิงสาวที่เป็นพี่เลี้ยงของบุตรสาวมาตั้งแต่เด็ก ได้ดูแลรักษาความปลอดภัยของคนที่รักดั่งแก้วตาดวงใจของตนเอง
“รับทราบค่ะ” แวนด้าตอบรับอย่างรวดเร็วก่อนสาวเท้าออกเดินตามหลังของคุณหนูผู้ที่เอาแต่ใจออกไปจากคฤหาสน์
‘ลูคลัส รูมาร์โน่’ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศอิตาลี มีบุตรสาวสุดที่รักเพียงคนเดียวคือ ‘ลิเลียน รูมาร์โน่’ ภรรยาของเขาได้ตายจากไปแล้วด้วยโรคประจำตัวเมื่อหลายปีก่อน เขาจึงกลายเป็นพ่อหม้ายลูกหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้
ในเวลานี้มีเรื่องวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นในครอบครัว นั้นก็คือ...เรื่องการหมั้นหมายของลิเลียนกับลูกชายของเพื่อนสนิท หากแต่เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเอาไว้เมื่ออีกฝ่ายไม่ยินยอมที่จะถอนหมั้น
คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ชานเมืองเนื้อที่มากกว่าห้าสิบไร่แค่ถนนที่เข้ามาในคฤหาสน์ก็เดินแทบขาลากแล้วหากไม่มียานพาหนะนำทางคงใช้เวลานานมากทีเดียว ด้านหน้าเป็นป้อมใหญ่ที่มีชายฉกรรจ์หลายสิบคนยืนรักษาความปลอดภัย
ประตูรั้วเหล็กสูงท่วมศีรษะต้องต่อตัวถึงสองคนถึงจะปีนข้ามผ่านไปได้ เมื่อพวกเขาเห็นแขกผู้มาเยือนจึงเผยรอยยิ้มอย่างคุ้นเคย รถยนต์ของลิเลียนถูกปล่อยผ่านเข้ามาในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
“คุณหนูถึงแล้วค่ะ” แวนด้าที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องตามมา” เธอออกคำสั่งให้แวนด้ารออยู่ที่รถ เด็กสาวก้าวเท้าเดินเร็วเข้ามาด้านในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์
“กำลังรออยู่เลย หนูลิเลียน” เสียงของ ‘รอนนี่ ริสโซ่’ ดังขึ้นก่อนเดินเข้ามาสวมกอดเด็กสาวที่รักเหมือนกับลูกในไส้แท้ ๆ
“แด๊ดดี๊ขา” เธอทำเสียงอ้อนแล้วบีบน้ำตาเล็กน้อย “แด๊ดดี๊ต้องช่วยหนูนะคะ”
“มา ๆ อยากให้ช่วยอะไรบอกมาได้เลย” รอนนี่ยิ้มกว้างพาลิเลียนมานั่งที่โซฟาหนังสีดำตัวใหญ่ “มีอะไรถูกลูคลัสดุมาใช่ไหม เดี๋ยวดี๊คนนี้จะช่วยเองไม่ต้องห่วง”
“เปล่าค่ะ คือ...คือ...หนูอยากมายกเลิกสัญญาหมั้นนะคะ ตอนนั้นหนูเด็กเกินไปไม่ทันคิด แด๊ดดี๊รอนนี่ขา” เธอลากเสียงยาวงัดลูกอ้อนออกมาหลายอย่างเพื่อให้ชายวัยกลางคนตรงหน้าทำตามที่ขอร้อง
“เรื่องหมั้นเองเหรอ ทำยังไงดีล่ะอันนี้หนูลิเลียนต้องไปคุยกับพี่เขาแล้วล่ะ ดี๊คนนี้ทำอะไรไม่ได้เลย” เสียงพูดอย่างสิ้นหวังของรอนนี่แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้ม นึกถึงใบหน้าของบุตรชายที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ใด
“แด๊ดดี๊เป็นพ่อนะคะ ทำไมถึงจะยกเลิกไม่ได้คะ วันนั้นที่หนูทำสัญญาก็มีแค่แด๊ดดี๊สองคนที่เป็นพยานเท่านั้นไม่เห็นจะเกี่ยวกับพี่เขาเลย”
“งั้นดี๊ให้หนูลิเลียนดูสัญญาดีไหมจะได้ไม่หาว่าดี๊โกหก” เขาเรียกให้คนสนิทไปนำสัญญาออกมาให้กับเด็กสาวได้ดู
“ใช่สัญญาอันนี้แน่เหรอคะ หนูว่ามันไม่ใช่นะคะ ตอนนั้นหนูเขียนเป็นลายมือแต่อันนี้พิมพ์เป็นตัวหนังสือ” เธอมองสัญญาในมือแล้วขมวดคิ้วยุ่งเหยิง โดยไม่ได้มองเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของผู้ชายตรงหน้า
“ก็ในตอนนั้นหนูบอกว่าให้ทำสัญญาแบบจริงจัง ดี๊ทั้งสองก็เลยทำสัญญาอันนี้ขึ้นมาดูสิมีลายมือของพี่เขาด้วยนะ ลายมือของหนูลิเลียนก็มีด้วย ถ้าจะยกเลิกสัญญาก็ต้องไปคุยกับพี่เขาด้วยตัวเองแล้วล่ะ”
“คือ...” ลิเลียนมองสัญญาในมือ นึกถึงใบหน้าของคู่หมั้นในสัญญาก็นึกฉุนเฉียวขึ้นมาจนมือเล็กขยำกระดาษอย่างลืมตัว
“เดี๋ยวดี๊บอกว่าพี่เขาอยู่ไหนหนูอยากไปเจอแล้วคุยหน่อยไหม”
“แด๊ดดี๊คุยให้หนูไม่ได้เหรอคะ หนูไม่อยากไปเจอพี่เขา หนูไม่สะดวก” เธอทำเสียงอ้อนอีกครั้ง
“ทำยังไงดีล่ะ ดี๊คุยแล้วแต่เจ้าตัวไม่ตอบอะไรเลย งั้นเอาแบบนี้หนูไปคุยกับพี่เขาตอนนี้เลยไหม จะให้ลูกน้องพาไปส่งถึงที่หนูลิเลียนจะได้สบายใจ” รอนนี่ยิ้มเช่นเคย
“......” สีหน้าของเด็กสาวกำลังครุ่นคิดว่าจะไปเจอกับเขาดีหรือไม่สุดท้ายก็ยอมไปเจอกับคู่หมั้นของตัวเอง
แวนด้าขับรถตามท้ายรถยนต์สีดำของคนสนิทรอนนี่โดยมีลิเลียนนั่งโดยสารมาด้วยที่เบาะด้านหลัง ใช้เวลานานถึงหนึ่งชั่วโมง รถยนต์ก็จอดนิ่งที่หน้าประตูรั้วใหญ่สีดำ รอเพียงไม่นานประตูนั้นก็เปิดออก
“ที่นี่ไม่ต่างจากคฤหาสน์คุณรอนนี่เลยนะคะ” แวนด้าเอ่ยกับคุณหนูที่นั่งเงียบมาตลอดทาง
“วันนี้จะจบเรื่องทุกอย่างได้ไหมนะ” เธอตั้งคำถามกับตัวเอง
ลิเลียนถูกนำมายังห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ที่รายล้อมเอาไว้ด้วยชายชุดดำนับสิบคน เป็นภาพที่คุ้นชินตาไปเสียแล้วหากมาที่ตระกูลริสโซ่ ซึ่งมี ‘วาดิม ริสโซ่’ มาเฟียชื่อดังที่ร่ำรวยใครบ้างจะไม่รู้จักกับชื่อนี้
“คุณหนูลิเลียนรอสักครู่นะครับ” ชายชุดดำที่นำทางเธอมาที่นี่เอ่ยแล้วหายออกมาอีกฝั่ง ที่เป็นด้านสระว่ายน้ำขนาดใหญ่
“มีอะไร?” คนสนิทเจ้าของบ้านเอ่ยถามขึ้น
“นายท่านให้ผมพาคุณหนูลิเลียนมาเจอกับคุณชายครับ” เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นแล้วเดินจากไป ทิ้งให้เป็นหน้าที่คนสนิทของวาดิมที่ต้องรับช่วงดูแลแขกของบ้านนี้ต่อจากเขา
“นายครับ คุณหนูลิเลียนมารอพบที่ห้องรับแขกแล้วครับ” บรูโน่รายงานในทันทีเมื่อร่างของเจ้านายเดินขึ้นจากสระว่ายน้ำ
“ไล่กลับไป” น้ำเสียงเย็นชาไม่ต้อนรับแขกของวาดิมเป็นที่คุ้นเคยอย่างดีของคนสนิทที่ทำงานร่วมกันมาหลายปี นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินชื่อนี้ทำให้นึกถึงใบหน้าเจ้าของชื่อที่ได้ยินจนเบื่อในเมื่อก่อน
“แต่นายท่านเป็นคนส่งมานะครับ คงมีเรื่องสำคัญถึงได้ให้คนที่คฤหาสน์นำทางมาที่นี่” บรูโน่รอฟังคำสั่งใหม่อีกครั้ง
“แล้วไง ไล่กลับ” เขายังยืนยันคำพูดเดิมเดินไปนั่งที่เก้าอี้สีขาวข้างสระว่ายน้ำ วาดิมคิดถึงใบหน้าของเด็กสาวที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี
เมื่อก่อนลิเลียนอายุสิบสามปีเอาแต่วิ่งตามเขาต้อย ๆ ไม่รู้ทำไมถึงได้เลิกวิ่งตามทั้งที่จริงจังถึงขั้นทำสัญญาว่าจะหมั้นหมายและแต่งงานกับเขา พ่อของเขาเห็นดีเห็นงามด้วยสุดท้ายวาดิมก็ต้องลงชื่อในสัญญาให้จบ ๆ ไปเพราะไม่อยากรำคาญใจจากการรบเร้าของบิดา
“นายครับ คุณลิซมาครับรออยู่ห้องรับแขกแล้วครับ คุณหนูลิเลียนก็ยังไม่กลับครับ” บรูโน่เดินเข้ามารายงานอีกครั้ง สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับการมาพบเจอกันโดยบังเอิญของผู้หญิงทั้งสองคน
เด็กสาวนั่งจ้องหน้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่เป็นมิตรกับตัวเอง รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวคนนี้ดูคุ้นหน้าคุ้นตาพอให้นึกดูดี ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอคือดารานางแบบสาวที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้
ริมฝีปากบางยกยิ้มเหยียดแล้วหัวเราะในลำคอนี่คงเป็นเหตุผลที่วาดิมปฏิเสธที่จะให้เธอพบหน้าในวันนี้ ลิเลียนพอเดาเหตุผลออกแล้วก็ยังคงนั่งนิ่งรอพบหน้าผู้ชายที่เคยวิ่งตามและพร่ำบอกว่ารักเขามากจนไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหนได้เข้าใกล้
แต่เธอก็ได้เรียนรู้แล้วว่าต่อให้วิ่งตามแค่ไหน หากเขาไม่คิดที่จะหยุดรอเธอเลยแล้วเดินไปด้วยกัน ก็คงต้องวิ่งตามวาดิมไปตลอดชีวิตและมันทำให้เกิดความเหนื่อยล้าวันเวลาที่วิ่งตามเขามาหลายปีมันคงเพียงพอให้เธอได้หยุดพักสักที