ตอนที่ ๔
อยากสอนให้เด็กมันรู้
ก่อนที่นิ้วมือข้อใหญ่จะบีบลงมาที่ปลายคางของลิเลียน วาดิมยัดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์กวาดสายตามองกรอบหน้าที่สวยงามที่ไม่เหมือนเมื่อก่อน มีเพียงดวงตาเท่านั้นยังส่องประกายแววดื้อรั้นที่ยังคงไม่หายไปจากตัวของเธอ
“แล้วจะคอยดู” พูดจบวาดิมก็หันหลังกลับเดินตรงมาที่รถยนต์ของตัวเอง เธอจะทำอะไรเขาได้ไม่มีทางซะหรอก
เช้าวันใหม่รอนนี่มาปรากฏตัวที่บ้านของลูกชายในช่วงสาย บรูโน่ที่เห็นว่ามีแขกคนสำคัญมาเยือนถึงกลับรีบขึ้นไปห้องนอนของวาดิม ปกติแล้วเขาไม่อนุญาตให้ใครเข้ามารบกวนไม่ว่าจะเรื่องคอขาดบาดตายอะไร
“นายครับ นายท่านมาครับท่านรออยู่ข้างล่างแล้วครับ” บรูโน่ที่ยืนกระอักกระอ่วนใจที่หน้าห้องอยู่นานหลายนาทีสุดท้ายก็ยอมเคาะประตูห้องนอน ถึงไม่มีเสียงตอบรับก็ถือวิสาสะผลัดประตูเข้ามาปลุกให้เจ้าของห้องตื่นในตอนนี้
“อื้อ...บอกให้กลับไป”
“นายท่านรออยู่นะครับ ผมทำแบบนั้นไม่ได้นะครับ” บรูโน่พยายามปลุกให้วาดิมตื่น และมันก็ได้ผลเมื่อชายหนุ่มที่พึ่งได้นอนหลับไปเมื่อไม่นานตื่นขึ้นมา
วาดิมอยู่ในชุดคลุมสีดำผมดูยุ่งเหยิงเดินลงมาพบบิดาที่ห้องรับแขกด้านล่าง สายตายังคงเฉยชาก่อนทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอีกตัว รอนนี่ได้แต่จ้องมองบุตรชายด้วยสายตาเอือมระอาแล้วโยนสิ่งของในมือไปให้กับลูกชาย
“สัญญาหมั้น อ่านจบแล้วก็เซ็นซะ”
“ไม่เห็นต้องมาหาถึงนี้ ใช้เด็กเอามาให้ก็ได้ แต่ท่าจะดีก็ให้โทรมาก่อนจะได้ไม่เสียเวลา” เขาไม่หยิบเอกสารที่พ่อทิ้งลงมาตรงหน้าขึ้นอ่าน
“จะเสียเวลาอะไรอย่างน้อย ๆ ก็ได้ด่าลูกชายที่ทำตัวลอยไปลอยมา มีของดีอยู่กับมือแล้วก็ยังจะปาทิ้งอีก หนูลิเลียนทั้งสวยทั้งน่ารักแกจะหาเมียดี ๆ แบบนี้ได้จากที่ไหน ชอบจริง ๆ พวกดารานางแบบ” รอนนี่บ่นให้ลูกชายที่สีหน้าก็ยังคงเฉยฉาเหมือนเดิม
“มาแต่เช้าเพราะอยากพูดเรื่องพวกนี้เหรอครับ ทีหลังพ่อโทรมาก็ได้” เขาปิดปากหาวนอน
“มันไม่ซะใจเหมือนมาด่าต่อหน้านะสิ รีบ ๆ เซ็นสัญญายกเลิกการหมั้นหมายซะ ยื้อไปก็ไม่มีประโยชน์หนูลิเลียนคงโตเป็นสาวอยากมีแฟนแล้วถึงได้อยากยกเลิกสัญญาแบบนี้ ส่วนแก...ฉันจะปล่อยไปตามเวรตามกรรมแล้วกัน ถึงจะเสียดายหนูลิเลียนก็เถอะ”
“ผมบอกเมื่อไหร่ว่าจะยกเลิกสัญญาหมั้น บอกแล้วไงให้โทรมาถามก่อนจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” วาดิมพูดอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนยกน้ำเปล่าในแก้วที่บรูโน่นำมาให้ขึ้นดื่มอย่างหิวกระหาย สายตาเหล่มองไปทางบิดาที่เอาแต่จ้องหน้าของเขา
“จะมาไม้ไหนอีก ไหนบอกว่าคุยกันจบแล้วเมื่อวาน” รอนนี่ไม่เข้าใจที่ลูกชายกล่าว คงไม่ได้มีเรื่องเข้าใจอะไรกันผิดหรอกใช่ไหม
“คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไป มันง่ายไปไหมครับ” เขาเลิกคิ้วถาม “ผมจะสั่งสอนให้เด็กนั้นรู้ว่าสัญญาแบบผู้ใหญ่เขาทำกันยังไง ผมไม่ยกเลิกสัญญาไม่ดีเหรอครับ หรือว่าพ่ออยากให้ผมเซ็นชื่อลงในกระดาษใบนี้”
“คิดจะทำอะไร อย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ แกก็รู้ว่าพ่อกับพ่อของหนูลิเลียนเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าเกิดแตกหักขึ้นมาคงมองหน้ากันไม่ติด” เขาชี้หน้าบุตรชายเอาไว้เพื่อเป็นการคาดโทษก่อนที่วาดิมจะคิดทำอะไร
“ไม่เชื่อใจกันถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ ผมเสียใจนิด ๆ นะเนี่ย” วาดิมยกยิ้มมุมปาก
“ขอเตือนแกเอาไว้ก่อนเลยนะ ถ้าทำอะไรไม่ดีกับหนูลิเลียนละก็ รู้ใช่ไหมว่าต้องโดนกับอะไร” รอนนี่รู้ว่าขู่ไปก็คงไม่ทำให้บุตรชายนั้นเกรงกลัว ได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าให้วาดิมทำอะไรที่ไม่ดีกับลิเลียนไม่งั้นเขาเองก็คงต้องทำอะไรที่ฝืนใจเช่นเดียวกัน
ชายหนุ่มทำหูทวนลมเดินขึ้นมาบนห้องนอน ความเงียบกลับมาหาเขาอีกครั้งร่างสูงใหญ่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนกว้างอีกครั้ง เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีเสียงถอนหายใจของเขาก็ดังขึ้น
ดวงตาคมมองเพดานห้องสีขาวนิ่งอยู่นาน สมองกำลังไล่เรียงความคิดมากมายลิเลียนไม่เคยอยู่ในแผนการใช้ชีวิตของเขา ทั้งที่เซ็นชื่อในกระดาษสีขาวนั้นไปทุกอย่างก็จบแล้วแท้ ๆ ทำไมเขาถึงไม่อยากทำเช่นนั้น
จะหาคำตอบในตอนนี้มันช่างว่างเปล่า ต่อให้หาเหตุผลก็คงเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ได้ความพอที่จะยกขึ้นมาแอบอ้าง สุดท้ายวาดิมจึงทิ้งความคิดที่จนตรอกของตัวเองเอาไว้เพียงเท่านี้ ลุกเดินลงจากเตียงนอนตรงไปยังห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
เสียงร้องเพลงดังแว่วออกมาจากห้องอาบน้ำภายในอ่างอาบน้ำมีฟองสบู่สีขาวเกือบล้นขอบอ่าง ร่างบางกำลังหลับตานิ่งแต่ไม่ได้นอนหลับเพราะมือทั้งสองข้างที่วางพาดเอาไว้ที่ขอบอ่างกำลังเคลื่อนไหวไปตามบทเพลงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็ก
ลิเลียนยังคงร้องเพลงที่ตัวเองชอบอยู่นานหลายนาที ก่อนที่เสียงข้อความจากมือถือจะดังขึ้น เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อย ๆ ลืมตาตื่น ไม่มีความกระตือรือร้นที่จะคว้าเอาโทรศัพท์มาเปิดอ่านข้อความ
ร่างเปล่าเปลือยลุกออกมาจากอ่างอาบน้ำ ผิวขาวเต็มไปด้วยฟองสบู่ก่อนที่มันจะถูกชำระล้างด้วยน้ำจากฝักบัวเสียงกระเซ็นของน้ำดังอยู่นาน ลิเลียนหยิบชุดคลุมขึ้นมาสวมใส่ก่อนเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือเดินออกมาจากห้องน้ำ
เด็กสาวเปิดอ่านข้อความจากรุ่นพี่ที่สนิทก่อนโยนโทรศัพท์ลงไปบนเตียงนอนสีชมพูอ่อน แล้วตรงไปยังห้องแต่งตัวที่แบ่งแยกเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน เธอเดินเลือกเสื้อผ้าที่จะสวมใส่อยู่นานก่อนตัดสินใจอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเปลี่ยนใจเลือกชุดใหม่เพราะต้องใช้เวลาอีกมากอย่างแน่นอน
ลิเลียนเดินลงมาด้านล่างมองเห็นบิดาที่กำลังนั่งจ้องหน้าไอแพดอยู่จึงเดินเข้ามาสวมกอดอย่างเช่นที่เคยทำ คนเป็นพ่อถึงกลับยิ้มกว้างสวมกอดบุตรสาวเพียงคนเดียวอย่างหวงแหน
“วันนี้ไม่ออกไปเที่ยวไหนเหรอ”
“ไปค่ะ แต่ยังไม่ถึงเวลานัดค่ะ วันนี้หนูอาจกลับดึกหน่อยนะคะ พอดีเพื่อนชวนไปปาร์ตี้งานวันเกิดค่ะ”
“ช่วงนี้ออกงานบ่อย ไม่ใช่ว่ามีแฟนหรอกนะ” เขาวางงานที่กำลังทำในมือลง “ไม่ได้มีแฟนใช่ไหม” คำถามที่เน้นย้ำทำให้ลิเลียนเอียงคออย่างไม่เข้าใจ เพราะบิดาไม่เคยคัดค้านเรื่องที่เธอจะมีแฟนหรือคบหากับใคร
“เปล่าค่ะ ทำไมดี๊ถึงได้ถามอะไรแบบนี้คะ” เธอพูดทั้งหัวเราะ เพราะกำลังขำสีหน้าที่ดูจริงจังของพ่อ
“ก็เพราะมีไม่ได้นะสิ” ลูคลัสเอ่ยเสียงเบา
“หมายความว่าไงคะ ทำไมหนูถึงจะมีแฟนไม่ได้คะ ไหนดี๊บอกว่าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ไงคะ จะให้หนูเป็นคนตัดสินใจไม่ใช่เหรอคะ หรือว่าจะกลับคำพูด” เด็กสาวเริ่มมีสีหน้าเศร้า
“เปล่าคือ...สัญญาหมั้นยังไม่ได้ยกเลิก”
“อะไรนะคะ!!” ลิเลียนลุกขึ้นยืนด้วยอาการไม่พอใจ “ไหนวันนั้นคุยเข้าใจกันแล้วไงคะ ทำไมเขาถึงไม่ยอมถอนหมั้น หนูจะไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องค่ะ”
“ใจเย็นก่อน” เขารีบคว้าแขนของบุตรสาวเอาไว้อย่างรวดเร็ว “นั่งลงก่อนคุยกับดี๊ก่อน” น้ำเสียงนุ่มนวลที่กล่าวออกมาหวังให้ลูกสาวใจเย็นลงมากกว่านี้เพราะเขารู้ว่าลิเลียนเป็นคนใจร้อน
“จะให้หนูใจเย็นได้ยังไงคะ ดี๊รอนนี่ก็บอกว่าจะยกเลิกสัญญาหมั้นให้ หนูไปคุยกับเขาแล้วนะคะแล้วทำไมถึงมากลับคำคะ” ไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นวาดิมถึงไม่ยอมยกเลิกการหมั้นหมาย
“ดี๊คุยกับพี่เขาแล้ว พี่เขาบอกว่ายากแต่งงานกับลูกเขาดูจริงใจมากเลยนะ อีกอย่างดี๊เองก็ไม่ไว้ใจใครอย่างน้อย ๆ ก็ลูกเพื่อนไว้ใจได้กว่าคนอื่นที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า”
“ไว้ใจได้อะไรกันคะ ดี๊ก็รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง เจ้าชู้ควงสาวไปเรื่อยวันนั้นหนูยังไปเจอแฟนของเขาเลยค่ะ ไปหากันถึงบ้านเลยนะคะ” ลิเลียนรีบฟ้องสิ่งที่เห็นมากับตา ไม่มีทางที่วาดิมอยากจะแต่งงานกับเธอเพราะเขาก็มีหญิงสาวที่เพียบพร้อมรอแต่งงานอีกมากมาย
“เอาแบบนี้ดีไหม ดี๊จะให้เวลาสามเดือนถ้าเข้ากันไม่ได้เดี๋ยวดี๊จะเป็นคนยกเลิกงานหมั้นนี้เองเป็นไง อย่างน้อย ๆ ครอบครัวของเราก็มีมิตรภาพดี ๆ ให้กันมาตลอดนะลูก”
“ดี๊ยกเลิกสัญญาหมั้นตอนนี้ก็ได้ ไม่เห็นต้องรอถึงสามเดือนเลย หนูไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเขาอีกแล้ว” เธอพูดไม่ได้ว่าตัวเองแอบมาเลียแผลใจอยู่นานหลายปีกว่าบาดแผลนี้จะทุเลาลงไป