ตอนที่ ๕
ตำตาตำใจ
“ถ้าหนูทำให้เขาเปลี่ยนใจก่อนสามเดือนก็ได้ใช่ไหมคะ” เมื่อการโน้มน้าวใจของเธอไม่เป็นผล จึงทำได้เพียงถอนหายใจแล้วยอมรับข้อแม้ของบิดาอย่างจำใจ
“ได้ ถ้าเขายอมยกเลิกสัญญาหมั้นเอง ดี๊ก็ไม่มีปัญหา” ลูคลัสไม่อยากทำแบบนี้ แต่เขาสามารถเชื่อใจครอบครัวรอนนี่ได้มากกว่าครึ่ง หากจะฝากลูกสาวเอาไว้กับใครสักคนเขาก็อยากฝากฝังกับคนที่สามารถดูแลลิเลียนได้
สามารถให้ในสิ่งที่เธอเคยได้และมากเพิ่มยิ่งขึ้นในอนาคต ถึงแม้จะเป็นวิธีที่ทำให้ลูกสาวไม่พอใจเมื่อถึงคราวจำเป็นจึงทำเป็นเมินเฉยต่อความทุกข์ของลูกเพื่อวันข้างหน้าจะได้สบายทั้งกายและใจ
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
“ดี๊รู้ว่าลูกสาวของดี๊ มีเหตุผลเสมอยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนมี๊ของลูก” เขาวางมือลงบนศีรษะของลิเลียนสายตาเต็มไปด้วยความรักและเอ็นดู “ดี๊รักหนูมากนะ ดี๊มีแค่หนูเท่านั้น”
“หนูก็รักดี๊มากค่ะ รักมาก ๆๆๆๆ” คำเน้นย้ำให้รู้ว่าความรักของเธอมีมากแค่ไหน พร้อมกับอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของทั้งสองร่าง “ดูแลสุขภาพหน่อยนะคะ”
“ถ้ามีหลานถึงจะพักได้”
“อะไรนะคะ ดี๊อยากเลี้ยงหลานเหรอคะ หนูยังไม่มีแฟนเลยจะเลี้ยงหลานได้ยังไงคะ” เธอย่นจมูกแล้วหัวเราะ “ใช้เวลาตอนนี้ให้สนุกเถอะค่ะ ถ้ามีหลานแล้วจะไม่ได้ออกไปไหนนะคะ”
“ดี๊ยอม” เขาตอบพร้อมเสียงหัวเราะ
“ไม่คุยเรื่องนี้แล้วค่ะ หนูจะสายแล้วไปก่อนนะคะ หนูรักดี๊นะคะ” เด็กสาวลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนเดินออกจากบ้านไม่ลืมที่จะโน้มใบหน้าลงมาหอมแก้มบิดาและยิ้มหวานอย่างเช่นทุกครั้ง
ลูคลัสทำได้เพียงส่ายใบหน้าคมให้กับความน่ารักของลิเลียน ในสายตาของเขาเธอยังเป็นเด็กน้อยสำหรับคนเป็นพ่ออยู่เสมอ ต่อให้โตเป็นสาวสวยแล้วแต่ก็ยังไม่โตในสายตาของเขาเช่นเดิม
เด็กสาวนั่งรถยนต์ออกมาจากคฤหาสน์โดยมีแวนด้าคอยทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้ เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงล้อรถหยุดหมุนด้านหน้าห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
“จะให้มารับกี่โมงดีคะ” แวนด้ามองกระจกมองหลังถามเจ้านายน้อยที่กำลังคว้าเอากระเป๋าถือใบเล็กติดมือลงจากรถยนต์
“เดี๋ยวโทรหายังไม่รู้เวลากลับเลยค่ะ” เธอยิ้มผ่านกระจกมองหลังแล้วเปิดประตูรถยนต์เดินตรงเข้ามาในห้างสรรพสินค้า
จุดหมายปลายทางคือร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เธอชอบนัดกับเพื่อน ๆ ภายในร้านดูเงียบสงบเพราะเป็นเวลาที่ร้านพึ่งเปิดมีลูกค้าเข้าร้านแค่หนึ่งโต๊ะนั้นก็คือโต๊ะที่มีเพื่อน ๆ ของเธอนั่งอยู่แค่สองคนเท่านั้น
“มาช้า” หญิงสาวที่นั่งหันหน้ามาทางลิเลียนเอ่ยทักขึ้นเธอยกแก้วน้ำดื่มขึ้นดื่มก่อนที่เพื่อนอีกคนที่นั่งหันหลังให้ลิเลียนจะหันมามอง
“วันนี้ไม่แต่งตัวจัดเต็มเหรอ ส้นสูงก็ไม่ใส่จะมีแรงเดินเหรอวันนี้” ซาร่าเอ่ยแซวเพราะทุกครั้งที่ลิเลียนออกมาพบเพื่อน ๆ เธอมักจะแต่งตัวสวยกว่าใครในกลุ่มเพื่อนเสมอ
“พอเลย เลิกแซวได้แล้ว” ลิเลียนเลื่อนเก้าอี้ข้างซาร่าแล้วนั่งลง
วันนี้เธอแต่งกายเสื้อยืดเอวลอยสีฟ้าอ่อนพร้อมกระโปรงยีนสีซีดและสวมรองเท้าผ้าใบสีขาว ดูต่างจากทุกครั้งเพราะวันนี้เธอขี้เกียจแต่งหน้าทำผมจึงได้ลุคแต่งกายแบบเรียบง่าย
“วันนี้กะจะมาเดินซื้อของสินะ ถึงได้เรียกให้พวกฉันออกมาที่ห้างแบบนี้ ที่จริงอยากได้อะไรแค่กดสั่งออนไลน์ก็ได้แล้วไหม เสียเวลาดูซีรี่ย์” มิเกลอดบ่นไม่ได้
“สั่งออนไลน์นะได้ แต่ที่จะซื้อที่ร้านออนไลน์ไม่มีนะสิ อีกอย่างมาซื้อที่ร้านได้ลองของด้วย” ลิเลียนมองดูเมนูอาหารก่อนที่จะสั่งอาหารเพราะเพื่อน ๆ สั่งไปก่อนหน้านี้แล้ว
“ลิเลียน วันนี้แกมีอะไรเห็นถอนหายใจหลายครั้งแล้วตั้งแต่นั่งเนี่ย” ซาร่าถามด้วยความสงสัยมิเกลเองก็มองมาอย่างตั้งคำถามเช่นเดียวกัน
“ก็เรื่องสัญญาหมั้นนะสิ” ลิเลียนตัดสินใจเล่าเรื่องของตัวเองให้เพื่อนทั้งสองฟัง
“หล่อไหมเอารูปมาให้ดูหน่อยสิ” มิเกลขอดูรูปวาดิม
“หาในเน็ตเลย มีเพียบ” เธอบอกชื่อของเขาให้กับเพื่อนได้ค้นหา ไม่นานรูปภาพของเขาและสาว ๆ ที่เขาเคยควงก็โชว์บนหน้าจอมือถือ “เป็นไงหล่อไหม”
“หล่อมาก ไม่แปลกที่ผู้หญิงจะวิ่งเข้าหา เป็นฉันได้ควงแขนเขาวันเดียวก็ยอม” ซาร่าพูดแล้วหัวเราะ แต่มองเห็นสีหน้าของลิเลียนแล้วเสียงหัวเราะของเธอจึงได้หายไป “ไม่ต้องคิดมากหรอก”
“ใช่ ๆ เขาอาจถอดเล็บมาประจบแกก็ได้ ผู้ชายแบบนี้ตายเพราะผู้หญิงทั้งนั้น” มิเกลรีบพูดปลอบไม่อยากให้ลิเลียนคิดมาก “คนหล่อรวยก็แบบนี้ ผู้หญิงคนไหนไม่อยากได้เป็นพ่อของลูก”
“ฉันนี่ไง ไม่อยากได้” เธอตอบกลับคำพูดของมิเกลอย่างรวดเร็ว “คนที่จะมาเป็นพ่อของลูกฉันต้องไม่ใช่ผู้ชายแบบนี้”
“อย่าคิดมากเลย สามเดือนก็นานนะเขาอาจเปลี่ยนใจยกเลิกสัญญาก็ได้ อีกอย่างพวกแกสองคนก็ไม่ได้รักกันไม่ใช่เหรอ” ซาร่าพูดแล้วตักอาหารเข้าปากเคี้ยวอย่างอร่อย
“ขอให้เขาเปลี่ยนใจเถอะ ผู้หญิงก็มีมากไม่เห็นต้องมาจองเวรฉันเลย” ลิเลียนบ่นกับตัวเอง
เมื่อทานอาหารเสร็จทั้งสามจึงเดินเข้าออกร้านขายเสื้อผ้ารองเท้าและเครื่องสำอางของผู้หญิง เมื่อได้เดินเลือกซื้อของทำให้เด็กสาวลืมเรื่องที่ทำให้กังวลไปเสียสนิท
“อ๊ะ!!” ลิเลียนตกใจเมื่อเดินถอยหลังแล้วชนเข้ากับใครสักคน เมื่อหันมองจึงได้พบกับหญิงสาวใบหน้าสวยที่กำลังกล่าวขอโทษเธอ “ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเองก็ไม่ได้ดูทางเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวพูดอย่างสุภาพก่อนที่เธอนั้นจะหันไปมองผู้ชายที่เดินตามหลังมา “ช้าจัง” เธอเดินเข้าไปสวมกอดลำแขนของผู้ชายร่างสูงใหญ่
“......” ลิเลียนที่ได้มองเห็นผู้ชายตรงหน้าถึงกลับยืนตัวแข็งทื่อ จ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งกระด้างแล้วเหยียดยิ้มมุมปาก ก่อนที่จะเดินหันหลังไปหาเพื่อนที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก
“ใช่ไหม ใช่เขาหรือเปล่า” มิเกลใช้มือจับที่แขนของลิเลียนแล้วเขย่าเหมือนกำลังเขย่าขวดนม
“ที่แกบอกว่าเจ้าชู้คงจริง อย่าเอาผู้ชายแบบนี้มาทำพ่อพันธุ์เลย” ซาร่าส่ายใบหน้าไปมาก่อนที่จะดึงให้ลิเลียนเดินตามเข้ามาในร้านขายรองเท้า เป็นการดึงดูดความสนใจใหม่ให้กับลิเลียน
“ผู้หญิงคนนั้นฉันเคยเห็นที่ไหนนะ” มิเกลนั่งลงที่โซฟาแล้วครุ่นคิด ในขณะที่ซาร่ากับลิเลียนที่กำลังเดินเลือกรองเท้า “นึกออกแล้ว!” เธอลุกเดินไปหาเพื่อน
“จะเสียงดังทำไมอยู่กันแค่นี้” ซาร่าปรามให้มิเกลลดเสียงลงหน่อยเพราะลูกค้าที่อยู่ในร้านต่างมองมาทางพวกเธอเป็นตาเดียว
“แกรู้จักเจ้าของโรงแรมXXXใช่ไหม นั่นแหละลูกสาวเจ้าของโรงแรม ฉันนึกออกแล้วเพราะเคยเห็นเธอออกงานตอนที่ฉันเคยไปกับแม่” มิเกลที่มีความจำเป็นเลิศเอ่ยออกมา
“แล้วไงใครจะสนใจ” ซาร่าหันมองไปทางลิเลียนที่ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของมิเกล “พอเถอะจะเป็นใครก็ไม่สำคัญหรอก ลิเลียนคงไม่อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นหรอก”
“ขอโทษ ฉันไม่ได้จะอะไรนะแค่คุ้นหน้าแล้วนึกออก” มิเกลเดินกลับไปนั่งรอเพื่อนที่โซฟาอีกครั้งก่อนที่จะหันมองไปทางชายหญิงที่กำลังควงแขนกันเดินเข้ามาในร้านขายรองเท้าที่พวกเธอกำลังเลือกซื้ออยู่ “ซวยแล้ว!”
“อะไรของแกอีกเนี่ย!” ซาร่าหันขวับไปมองมิเกลที่กำลังดึงชายเสื้อของตัวเอง “เป็นอะไร”
“ซวยแล้ว ไม่มีอะไรซวยไปกว่านี้แล้ว เราไปร้านอื่นกันดีไหม”
“ทำไมต้องไปร้านอื่น ร้านนี้มีรองเท้าสวย ๆ ทั้งนั้นเลยนะ” ลิเลียนหันมายิ้มในมือกำลังถือรองเท้าที่ตัวเองชอบ สายตามองเลยไปยังชายหญิงที่เธอเพิ่งเดินจากมา
“นั่นไงเหตุผล” มิเกลพยักหน้าไปทางประตูร้าน