EP 05
เพื่อนรัก
Lego part :
เขาเป็นใคร?
มันคือคำถามที่ติดอยู่ในหัวของผมมาตั้งแต่ช่วงบ่าย ตั้งแต่วินาทีที่ผมได้สบตากับใครคนนั้นที่เดินโอบไหล่พี่อาทิตย์ด้วยท่าทีสนิทสนม บอกตรงๆ ว่าห้าปีที่ผมอยู่กับพี่อาทิตย์มา ผมเองก็ไม่เคยเห็นเขายิ้มหรือดูเป็นกันเองกับใครแบบนั้นมาก่อน
“เครียดอะไรวะไอ้เลโก้ เมื่อกลางวันกูได้ยินพี่อาทิตย์เขาบอกว่าเขาจัดการเรื่องอาจารย์แดนสวรรค์ให้มึงเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ” ไอ้ปาล์มตะโกนถามเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรีภายในคลับ
คลับนี้เป็นคลับประจำของพวกผมเอง พวกผมจะมานั่งฟังเพลงกันแทบจะทุกวันศุกร์กับเสาร์ จนตอนนี้กลายเป็นลูกค้าวีไอพีของคลับไปแล้ว และที่นั่งประจำของพวกผมก็คือไพรเวทโซนบริเวณชั้นสองของคลับ สาเหตุที่พวกผมชอบมาที่นี่ก็เพราะเพลงเพราะ อาหารอร่อย ผู้หญิงงานดีปิดดีลง่าย ลูกค้าของที่นี่ส่วนมากเป็นพวกมีเงิน นิสัยก็ไม่ค่อยเกรียนแบบผับทั่วไป เหมือนเจ้าของคลับจะค่อนข้างเลือกลูกค้าพอสมควร
ผมช้อนตามองไอ้ปาล์มนิดหน่อยแต่ว่ายังคงไม่ตอบคำถาม เพราะขี้เกียจจะอธิบาย อีกอย่างเรื่องที่ทำให้ผมนั่งเงียบมาตั้งแต่ช่วงบ่าย ก็ไม่ใช่เรื่องอาจารย์แดนสวรรค์สักหน่อย เรื่องนั้นช่างมันไปเถอะ ผมรู้ว่าถ้าพี่อาทิตย์บอกว่าเรียบร้อย ก็คือเรียบร้อยนั่นแหละ
“อ้าว เงียบใส่กูอีก เออๆ กูเปลี่ยนเรื่องก็ได้วะ ถามจริงๆ ว่าพี่อาทิตย์ของมึงเขาเป็นเกย์ป่าววะ กูว่าพี่หน้าหวานที่มากับเขาวันนี้ดูเหมือนคู่ขาเขายังไงก็รู้นะ”
ผมว่าให้มันกลับไปพูดเรื่องเดิมเถอะ
“กูว่ามึงอย่าไปเสียเวลาพูดกับมันเลยไอ้ปาล์ม ไปๆ เด็กมึงมาโน่นแล้ว เก็บปากมึงไปเล่นกับปากน้องเขาดีกว่า” ไอ้บุ๊กที่เพิ่งจะพ่นกลุ่มควันสีขาวออกมาจากริมฝีปากสีแดงติดคล้ำหน่อยๆ ของมันปรามแทรกขึ้นมานิ่งๆ เห็นมันเงียบๆ แบบนี้ เสือร้ายนักล่าแต้มเลยนะจะบอก
ไอ้ปาล์มแอบหันมามองค้อนผมก่อนจะลุกออกไปหาน้องมะนาวหาวโห่ห่าเหวอะไรของมันสักอย่างที่ผมไม่ได้จำชื่อ เพราะไม่รู้จะจำไปทำไม ในเมื่อเดี๋ยวอาทิตย์หน้ามันก็เปลี่ยน
หลังจากไอ้ปาล์มลุกออกไปแล้วที่ตรงนี้ก็เลยเหลือแค่ผมที่นั่งจิบเบียร์สดเย็นๆ คนเดียวมาได้เกือบจะสามแท็ปแล้ว ไอ้บุ๊กเองก็ยังคงนั่งสูบบุหรี่มองหาเหยื่อของมันอยู่ไม่ไกลจากผมมากนัก ส่วนไอ้ยอร์ชน่ะเหรอ มันก็นั่งดูดปากกับใครสักคนที่เพิ่งจะไปหิ้วมาตอนขากลับจากห้องน้ำ มือหนาๆ ของมันล้วงเข้าไปใต้สาบเสื้อของเธอนั้นและกำลังขยำหน้าอกของเธอเล่นอย่างมันมือต่อหน้าผมและไอ้บุ๊กที่มองอย่างเบื่อหน่าย เสียงครางของเธอคนนั้นทำผมถอนหายใจทิ้งซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไปเปิดห้องมั้ยมึง” ไอ้บุ๊กที่เพิ่งจะขยับมานั่งข้างๆ ผมออกปากถาม แต่เชื่อเถอะว่าไอ้ยอร์ชมันไม่สนใจหรอก อีกอย่างผมจำได้ว่าคนที่มันเล็งว่าจะหิ้วกลับห้องคืนนี้ก็เธอไม่ใช่คนนี้อีกต่างหาก
ผมกับไอ้บุ๊กมองหน้ากันแล้วต่างคนต่างส่ายหัว หยิบเบียร์ขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว ในขณะที่ไอ้บุ๊กเองก็ต้องสาดเหล้าเข้าปากระหว่างที่เรากำลังดูหนังสดกันอยู่
“วันนี้มึงแดกเยอะนะ เดี๋ยวพี่มึงก็ด่าหรอก” ไอ้บุ๊กหันมาเตือนเมื่อเห็นว่าวันนี้ผมดื่มเยอะเป็นพิเศษ
ปกติแล้วลิมิตของผมจะดื่มแค่แท็ปเดียวเท่านั้น เหตุผลหลักที่ผมไม่ค่อยดื่มเพราะผมแพ้แอลกอฮอล์ ผมจะดื่มได้แค่เบียร์เท่านั้น ถ้าเป็นอย่างอื่นหรือแม้แต่เบียร์ที่ปริมาณมากเกินไป ร่างกายผมจะต่อต้านด้วยการสร้างเม็ดผดผื่นแดงๆ ที่คันฉิบหายวายวอดขึ้นมาในไม่กี่ชั่วโมง และนั่นจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พี่อาทิตย์จับได้และด่าผมในเช้าวันถัดมา
“ทีมึงดูดบุหรี่จัดกูยังไม่ห้ามเลย”
“อ๊ะ! เบาๆ หน่อยสิคะ”
เสียงสะดุ้งของหญิงสาวที่ปรับท่าทีขยับลุกขึ้นไปนั่งคร่อมร่างของไอ้ยอร์ชไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ดังแทรกขึ้นมา ผมกับไอ้บุ๊กที่กำลังนั่งคุยกันอยู่ถึงกับหันหน้าออกมาอีกทางเพราะเดาได้ไม่ยากว่าสองคนนั้นกำลังจะทำอะไรกันต่อ
“อ้ะ!”
นั่นไง ทำไมมันไม่ไปเปิดห้องวะ ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“ก็ผู้ปกครองกูก็ไม่ได้ดุเหมือนมึงนี่หว่า” ไอ้บุ๊กพยายามดึงสติออกมาจากเสียงครางกระเส่าที่เรากำลังได้ยิน ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่มีอะไรทำให้สติผมหลุดออกมาจากใบหน้าของชายแปลกหน้าเมื่อบ่ายคนนั้นได้หรอก
“อย่าคิดมากน่า กูว่ามันไม่มีอะไรแบบที่มึงคิดหรอก”
“มึงรู้เหรอว่ากูคิดอะไร” ผมรีบถาม
“มึงคิดแบบที่ไอ้เหี้ยปาล์มพูดไง” ไอ้บุ๊กมันรู้จริงๆ แฮะ
“มึงไม่ต้องปิดกูหรอก กูคบมึงที่ใจ ไม่ใช่รสนิยมทางเพศ” ไอ้บุ๊กพูดสั้นๆ ก่อนจะกระดกแก้วเหล้าที่มันเพิ่งผสมเสร็จสาดคอลงไปอีกครั้ง หากเทียบกันระหว่างพวกมันสามคนแล้ว ผมว่าไอ้บุ๊กนี่แหละเข้าใจยากที่สุด
“อ๊ะ แรงอีกนิดสิคะ”
ให้ตายสิ ทำไมผมต้องมาทนฟังเสียงอะไรแบบนี้ด้วยวะ แถมพอหันไปอีกทีก็เห็นไอ้ยอร์ชกำลังก้มหน้าลงไปนัวเนียอยู่กับหน้าอกของเธอคนนั้นเหมือนพวกโรคจิต
“กูก็ไม่ได้คิดจะปิดหรอก”
“กูรู้ แล้วกูก็ไม่คิดจะเสือกเรื่องรสนิยมของมึงด้วย ดีเสียอีกกูจะได้ตัดคู่แข่งไปได้อีกคน” ไอ้บุ๊กว่ายิ้มๆ ก่อนที่ผมกับมันจะหันกลับไปดูหนังสดตรงหน้าอีกครั้ง
กึกๆ ๆ
เสียงโซฟากระแทกกับพื้นดังเป็นจังหวะทุกครั้งที่ไอ้ยอร์ชออกแรงยกสะโพกของมันขึ้นมาจากโซฟา ส่งผลให้ร่างบางที่นั่งคร่อมตัวมันอยู่ถูกยกให้สูงขึ้นมาตามแรงส่ง หน้าอกของเธอขยับขึ้นลงไปตามแรงกระแทก เสียงครางที่หลุดออกมาจากปากของเธอทำให้ไอ้บุ๊กต้องล้วงบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้ออีกรอบ
“ลองมะ”
“ไม่ล่ะ แดกแค่เบียร์ก็เปลืองฉิบหายแล้ว ถ้ากูดูดบุหรี่อีกอย่างเงินกูคงไม่พอใช้” ผมแกล้งว่าเมื่อไอ้บุ๊กเผื่อแผ่น้ำใจยื่นบุหรี่มาให้ผม
“เออ ดี ไม่เปลืองของกู” มันว่าแล้วจุดบุหรี่สูบ ซึ่งคราวนี้มันก็นั่งสูบอยู่ข้างๆ ผมโดยไม่ลุกออกไปเหมือนตอนก่อนหน้า
“แปลกนะ มึงเป็นคนดี แต่ทำไมชอบกลบเกลื่อนด้วยการเป็นคนเลว”
“กูกลบเกลื่อนยังไงวะ?” ผมถามด้วยความสงสัย
“ก็มึงเที่ยวทุกคืน แต่เสือกแดกแค่เบียร์ แถมยังแดกเฉพาะวันศุกร์กับวันเสาร์ นอกนั้นมึงแดกน้ำเปล่า มึงไม่สูบบุหรี่ ไม่หลีหญิงอีกต่างหาก”
“แล้วกูแปลกตรงไหน คนแบบกูมีเยอะแยะ”
“หาได้ยากในที่แบบนี้ ส่วนมากหาได้ตามศูนย์การค้า” ไอ้บุ๊กเปรียบเทียบ
ผมกระตุกยิ้มนิดหน่อยเมื่อได้ยินไอ้บุ๊กบอก ก่อนจะนั่งมองมันพ่นกลุ่มควันสีขาวออกมาจากริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะที่สายตาของมันยังคงมองไปที่ร่างบางที่ยังคงส่งเสียงครางไม่หยุด ใบหน้าของเธอเริ่มเหยเก เล็บสีแดงๆ ของเธอจิกลงบนไหล่กว้างของไอ้ยอร์ชอย่างพยายามระบายออกถึงอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน ยิ่งไอ้ยอร์ชใกล้ถึงฝั่งฝัน เสียงของโซฟาที่กระแทกลงกับพื้นก็ยิ่งดังขึ้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนผมอดจะลุ้นตามไม่ได้
“กูว่าสักตัวก็ดีนะ”
จนแล้วจนรอดภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมต้องหันกลับพึ่งไอ้บุ๊ก มันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะโยนซองบุหรี่มาให้ผมโดยไม่คิดจะหวงแหน ไม่ต้องตกใจหรอก ผมสูบเป็น
ผมเริ่มสูบบุหรี่ตอนมัธยมปลาย ตอนนั้นก็คงเหมือนวัยรุ่นทั่วไปนั่นแหละที่อยากรู้อยากลอง จำได้ว่าตอนลองครั้งแรกผมสำลักจนน้ำตาไหล สูบเป็นได้ไม่นานก็ดันโดนอาจารย์จับได้จนต้องเชิญผู้ปกครองและถูกพักการเรียน
ครั้งนั้นพี่อาทิตย์โกรธผมมาก เขาไม่พูดกับผมเกือบสองอาทิตย์ ตอนที่ผมถูกเชิญผู้ปกครองครั้งนั้น พี่อาทิตย์พูดกับผมแค่ว่าถ้าผมอยากตายเร็วๆ เพราะคิดว่าชีวิตไร้ค่าก็เชิญผมสูบตามสบาย แต่อย่าสูบให้เขาเห็นเพราะเขารังเกียจ เขาไม่อยากตายผ่อนส่งไปพร้อมกับผม เขาอยากมีชีวิตอยู่กับครอบครัวและยังมีอีกหลายอย่างที่อยากทำ นั่นทำให้ผมคิดได้ และเลือกจะไม่แตะบุหรี่อีกนับจากนั้น
จนกระทั่งวันนี้ ที่อะไรหลายๆ อย่างมันพาผมไป ทั้งความสับสนในหัว ภาพตรงหน้าที่กำลังนำพาผมดำดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ที่ยากจะสะกดกลั้น ไหนจะยังคำว่าครอบครัวในคำสอนของพี่อาทิตย์ที่เปรียบเสมือนดาบสองคมสำหรับผมอีกล่ะ
ผมไม่มีหรอกครอบครัว ผมมีแค่เขา แต่มันจะมีประโยชน์อะไรถ้ามันมีความหมายกับผมแค่คนเดียว
ผมสูบบุหรี่จนหมดมวนก่อนจะกดมันลงกับถาดทรายกลางโต๊ะตรงหน้าเพื่อดับมัน ซึ่งไอ้บุ๊กเองก็กำลังทำเหมือนกันพร้อมกับหนังสดตรงหน้าจบลง ไอ้ยอร์ชกระซิบบอกอะไรกับน้องคนนั้นก่อนที่เธอจะรีบจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองแล้วลุกออกไปอายๆ ที่ไม่รู้เหมือนกันว่าเพิ่งมาอายอะไรตอนนี้
“มองกันเพลินเลยนะพวกมึง” ไอ้ยอร์ชหันขวับมาว่าระหว่างที่มันกำลังเอื้อมหยิบทิชชูเพื่อกำจัดหลักฐานในการทำสงครามเมื่อครู่ของมันทิ้งลงถังขยะ ผมได้แต่แค่นในลำคอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา
“มึงจะกลับรึยังไอ้ยอร์ช” ผมถามเมื่อเห็นว่านี่ตีหนึ่งแล้ว
“แหม มึงก็ให้เวลากูพักบ้างเถอะ กูนัดองุ่นไว้ ออกไปรับตอนนี้ก็ตายห่าพอดี”
“กูนึกว่าจะแน่” ไอ้บุ๊กรีบแซว
แหงล่ะ เพิ่งเสร็จกิจรอบแรกมา ไอ้ยอร์ชคงต้องพักสักหน่อยก่อนจะไปทำศึกอีกรอบกับน้ององุ่นของมัน ผมนี่ถึงกับต้องส่ายหัว ก่อนจะนั่งจิบเบียร์ไปพลางๆ ระหว่างรอ เพราะยังไงเสียผมก็ต้องกลับพร้อมมันนี่นา
“ไอ้เหี้ยเลโก้ น้องคนนั้นฝากนี่มาให้มึง” ไอ้ปาล์มที่เพิ่งจะเดินกลับเข้ามายื่นแก้ววอดก้าให้ผม ทำเอาผมและคนอื่นๆ ที่นั่งกันอยู่ถึงกับมองหน้ามันด้วยความแปลกใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมามันก็รู้ว่าผมดื่มแค่เบียร์
“กูรู้ กูไม่ลืมหรอก แต่คิดซะว่าทำเพื่อกูสักครั้งนะ”
เพื่อมันงั้นเหรอ ถ้าให้ผมเดา เพื่อมันนี่คงหมายถึงน้องคนที่ยืนอยู่ข้างผู้หญิงที่มันบอกว่าฝากวอดก้ามาให้ผมใช่รึเปล่า
“มึงก็รู้ว่าไอ้เลโก้มันแพ้ เล่นเหี้ยอะไรของมึง”
“เอาน่า แค่ผื่น เดี๋ยวพรุ่งนี้กูพาไปหาหมอ”
น้ำตาผมแทบไหล ซาบซึ้งในความรักเพื่อนของมันจริงๆ
ผมถอนหายใจทิ้งก่อนจะรับแก้ววอดก้ามาจากไอ้ปาล์มแล้วหันไปมองหน้าเธอคนนั้นอีกครั้ง เธอส่งยิ้มมาให้พร้อมกับจะชูแก้ววอดก้าในมือขึ้นมาเป็นเชิงชนแก้วกับผม ซึ่งผมคงทำอะไรไม่ได้นอกจากดื่มเพราะตกกระไดพลอยโจน
อึก~
ปั่ก!
แล้วผมก็กระดกวอดก้าจนหมดแก้ว ก่อนจะวางแก้วช็อตกระแทกลงกับโต๊ะกระจกแรงๆ เป็นอันจบเรื่อง
“พรุ่งนี้กูไปรับมึงเอง ไอ้เหี้ยยอร์ชพักหนึ่งวัน”
“ดี คืนนี้กูจะได้จัดให้น้ององุ่นสาสมใจ”
“สมใจมึงล่ะสิ” ไอ้บุ๊กพูดอย่างรู้ทัน
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมหลงเข้ามาอยู่ในวังวนแบบนี้กับพวกมันได้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นร่วมหัวจมท้ายกับพวกมันไปแล้ว
หลังจากที่ผมกระดกวอดก้าเพื่อไอ้ปาล์มไปหนึ่งช็อต มันก็หายหัวไปเลย ซึ่งไม่ต้องห่วงมันหรอก ไอ้ปาล์มมักเป็นแบบนี้เสมอ เหลือแค่ผม ไอ้ยอร์ชแล้วก็ไอ้บุ๊กที่แยกย้ายกันกลับ หลังจากหารค่าเหล้าค่าเบียร์กันเรียบร้อย
“อ่ะ กูให้”
แล้วอยู่ๆ ไอ้บุ๊กก็โยนบุหรี่ของมันให้ผมมาทั้งซอง ถึงจะเหลือไม่เต็มซองแต่ก็หลายมวนนั่นแหละ อีกอย่างผมไม่ได้คิดจะสูบจริงจังสักหน่อย ก็แค่ช่วงอารมณ์ที่อยากรู้สึกผ่อนคลายเท่านั้น
“กูว่ากูกำลังอยากจะเลิกว่ะ”
“มึงจะเลิก แล้วโยนมาให้กูเนี่ยนะ”
รักกูกันฉิบหายเลยนะพวกมึงแต่ละคน...
“กูสูบุหรี่เป็นครั้งแรกตอนอกหัก” ไอ้บุ๊กพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินออกออกไป เหลือแค่ผมกับไอ้ยอร์ชที่หันมามองหน้ากันงงๆ
“มึงอกหักเหรอ?”
“มึงอกหักเหรอ?” ไอ้ยอร์ชรีบถาม
คำถามของไอ้ห่ายอร์ชแม่งไม่เคยเข้าหูผมเลย แล้วนี่อะไร ผมต้องรับบุหรี่จากไอ้บุ๊กไว้จริงๆ งั้นเหรอ ท่าทางผมเหมือนคนอกหักมากอย่างนั้นเชียว?