เวลาสิบโมงเช้าไม่ขาดไม่เกิน เสียงออดหน้าห้องทำให้ข้าวสวยที่กำลังนั่งจิตใจงุ่นง่านอยู่รีบเด้งตัวลุกขึ้น แล้วเดินเร่งรี่ไปที่ประตูแบบฉับพลัน เพราะรู้ว่าเป็นใครเธอจึงไม่รอช้า
บานประตูเลื่อนเปิดออกพร้อมกับสองร่างสูงที่ปรากฏแก่สายตาอยู่เบื้องหน้า เพียงได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าของเพนท์เฮ้าส์ หัวใจดวงน้อยก็สั่นไหวราวกับแผ่นดินไหวสิบริกเตอร์จนเกือบจะเก็บอาการไม่อยู่ รู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก
“หนูรอคุณอยู่พอดี”
พอมาเฟียหนุ่มและลูกน้องมือซ้ายเดินเข้ามาภายในเพนท์เฮ้าส์แล้ว ก็ไม่รอช้ารีบเปิดประเด็นถึงสิ่งที่รบกวนจิตใจตั้งแต่ตื่นนอนขึ้นมาทันที
“รอทำไม อยากโดน?” หรี่ตาถามพลางกดยิ้มมุมปาก ดูเจ้าเล่ห์พราวเสน่ห์เป็นอย่างมาก ทำเอาคนโดนถามกลับรู้สึกราวกับถูกเขาขุดหลุมพรางเอาไว้เบื้องหน้าและรอให้เธอกระโดดลงไป
“โดน? หนูไม่ได้อยากโดนอะไรทั้งนั้นค่ะ แค่จะปรึกษาคุณเรื่องที่ทำงาน”
คราแรกคิ้วเรียวขมวดเป็นปม และพอเข้าใจว่าเขาสื่อไปถึงอะไรก็รีบตรงเข้าเรื่องอย่างว่องไว ไม่คล้อยตามคำพูดสองแง่สองง่ามของเขาอย่างง่าย ๆ
“ตกลงเธอเรียนหรือทำงานกันแน่?” หรี่ตาถามอย่างสับสนงุนงง จำได้ว่าเมื่อวานเธอบอกต้องการเงินค่าเทอม จึงเข้าใจว่ากำลังเรียนอยู่
“หนูพักการเรียนมาหนึ่งปีเพราะต้องทำงานหาเงินค่าเทอม เพิ่งได้กลับมาเรียนปีนี้ค่ะ”
“ลาออกให้หมด ฉันเลี้ยงเธอได้สบาย ตั้งใจเรียนกับเอาใจเอาฉันก็พอ”
ขณะพูดนัยน์ตาลุ่มลึกก็เอาแต่จ้องมองคล้ายกำลังแทะโลมร่างบอบบางแสนขาวผ่อง รวมทั้งเชยชมใบหน้าสวยหวานที่มองยังไงก็ตราตรึงใจจนยากที่จะถอนสายตา
“ถ้าสักวันคุณเบื่อหนูก็ต้องไปใช่ไหมคะ?”
พลันได้ยินคำถามจากเรียวปากเล็กก็หุบยิ้มลง รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย ไม่ชอบใจเท่าไหร่แต่ก็พยายามไม่ถือสา พูดออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังแม้ใจลึก ๆ จะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นก็ตาม
“ก่อนที่ฉันจะเบื่อก็ผลาญเงินฉันให้เยอะ ๆ เธอจะได้สบายในอนาคต”
“คุณแปลกจังที่แนะนำอะไรแบบนี้ เคยเลี้ยงเด็กมาเยอะเหรอคะ หรือว่าหนูไม่ใช่คนเดียวที่คุณเลี้ยงอยู่?”
ใบหน้าช่างสงสัยทำให้คนถูกถามนึกขำปนเอ็นดู อยากจับเธอมาฟัดแก้มสักสองสามทีให้หนำใจ หากแต่ทั้งคู่เพิ่งได้เจอกันเพียงสองวัน จึงไม่อยากทำให้เธอแตกตื่นตกใจ แค่เมื่อวานเห็นเธอตื่นตระหนกเหมือนลูกแมวน้อย ๆ ที่กลัวราชสีห์ขย้ำก็รู้สึกเห็นใจมากพอแล้ว
“หึ เธอคนแรก ฉันถูกชะตาเธอเป็นคนแรก”
แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมีความรู้สึกเช่นนี้กับเธอ แต่มันก็ทำให้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว หัวใจดวงน้อยพองโตอย่างน่าประหลาดใจ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่ตกลงปลงใจมาเป็นเด็กเลี้ยงของเขาอย่างง่ายดายเช่นนี้
“อาบน้ำแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“ฉันจะพาไปช็อปปิ้ง”
“คุณว่างเหรอ?” เงยหน้าช้อนสายตาถามอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากเชื่อว่ามาเฟียที่พกปืนติดตัวไว้ตลอดเวลาเช่นเขาจะมีเวลาว่าง จนสามารถพาเธอไปเดินชิลล์ ๆ ช็อปปิ้งได้
“ไม่ว่างฉันจะเสนอหน้ามาหาเธอเหรอ”
ย้อนถามกลับแบบตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาทเล็กน้อย ทำเอามุมปากของลูกน้องมือซ้ายแสยะยิ้มออก เพราะก่อนหน้านี้ใช่ว่ามาเฟียหนุ่มจะไม่มีงานการต้องทำ มีทั้งประชุมและเจรจาการค้ากับบริษัทคู่ค้า หากแต่ก็ยกเลิกและเลื่อนออกไปทั้งหมดเพราะอยากพาเด็กเลี้ยงใหม่คนนี้ไปช็อปปิ้ง ทำเอาลูกน้องมือขวาควบตำแหน่งเลขาส่วนตัวอย่างลีออนต้องรับภาระหนักเลื่อนงานให้เจ้านายแบบจ้าละหวั่น
“ไปเปลี่ยนชุดสิ”
“หนูไปชุดนี้ได้” ยืนหยัดเสียงหนักแน่น
“มันมอซอ”
“แต่ชุดนี้ดีสุดที่หนูมีแล้ว”
“...อืม” พอเห็นใบหน้าสวยจ๋อยลงก็ทำเอาพูดไม่ออกไปหลายวินาที ก่อนที่สุดท้ายจะพยักหน้ารับอย่างจำยอม
ใช้เวลาเดินทางมาที่ห้างสรรพสินค้าเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม โดยบวกเวลารถติดแล้ว สองร่างเดินเคียงคู่กันโดยมีบอดี้การ์ดที่ควบตำแหน่งลูกน้องคนสนิทสองคนเดินตามหลัง และอีกสี่คนคอยเดินตามแบบห่าง ๆ เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก
มาเฟียหนุ่มพาคนตัวเล็กที่เพิ่งได้ตำแหน่งเด็กเลี้ยงเข้าไปลองชุดสวยมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์เนมราคาแพง แล้วกว้านซื้อทั้งหมดจนหมดเงินไปหลายแสน แถมยังยัดเยียดกระเป๋าแบรนด์เนมคอลเลกชันใหม่ล่าสุดอีกสามใบให้แม้ว่าเธอจะปฏิเสธก็ตาม กระนั้นเขาก็ยังไม่พอใจถอยโทรศัพท์มือถือแบรนด์ยอดฮิตให้เธอใหม่เอี่ยมด้วย ทำเอาคนรับถึงกลับตั้งรับไม่ทัน ได้แต่อึ้งเหวอกับยอดเงินที่เกินเจ็ดหลักไปไกล
“คุณ”
ขณะกำลังจะเลี้ยวเข้าร้านแบรนด์เสื้อผ้ายอดฮิตมือเล็กก็คว้าหมับเข้าที่แขนแกร่ง เมื่อเหลือบเห็นป้ายโฆษณาร้านอาหารชื่อดังที่เธออยากลิ้มลองมานาน นั่นเลยทำให้มาเฟียหนุ่มชะงักและเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“อะไร?”
“หนูอยากกินสุกียากี้” ว่าพลางชี้นิ้วไปยังป้ายโฆษณา เห็นดังนั้นมาเฟียหนุ่มก็ไม่รอช้า จับจูงมือเล็กเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นอาหารนั้นทันที
รอคิวไม่นานนักก็ได้เข้าไปนั่งทาน โดยมาเฟียหนุ่มเป็นคนจัดแจงให้ทุกอย่าง ลูกน้องคนสนิททั้งสองก็อนุญาตให้นั่งทานอีกโต๊ะด้วย
“อร่อยไหมล่ะ?” ถามขึ้นหลังจากเนื้อวากิวชิ้นแรกถูกคีบเข้าปากคนตัวเล็ก
“อร่อยค่ะ” ตอบด้วยแววตาเปล่งประกาย รสชาติแสนอร่อยทำให้เธอมีความสุขจนเหมือนแสงออกปาก ไม่รอช้าคีบเนื้ออีกชิ้นขึ้นมาห่อปากเรียวเล็กเป่าให้หายร้อนแล้วยัดเข้าปากเคี้ยวตุ่ย ๆ ทำเอาคนที่มองจ้องทุกการกระทำเห็นแล้วก็อยากยัดอะไรใหญ่ ๆ ยาว ๆ เข้าไปในปากของเธอบ้าง
มันน่าจะพอดีปาก...หรือเปล่า?
“อะแฮ่ม ๆ”
เมื่อสมองเผลอคิดลามกไปไกลก็เรียกสติขึ้นมาโดยการกระแอมไอ เรียกสายตาของคนที่กำลังสวาปามเนื้อแสนอร่อยให้เงยขึ้นมองอย่างสงสัย
“อะไรติดคอเหรอคะ?”
“เปล่า” ส่ายหน้าตอบ ก่อนจะคีบเนื้อที่สุกแล้วไปใส่ถ้วยให้เธอ “กินเยอะ ๆ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉีกยิ้มร่าและจัดการยัดเนื้อชิ้นนั้นลงคออย่างรวดเร็ว ความหิวไม่เข้าใครออกใคร การได้กินในสิ่งที่วาดฝันไว้ถือเป็นการประสบความสำเร็จ ทำให้เธอรู้สึกชีวิตนี้มีความหมายได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“อือ!”
ขณะกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย อาการกระหายน้ำทำให้ต้องหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดูด ทว่าด้วยความซุ่มซ่ามทำให้น้ำล้นออกจากปากและหยดลงบนเสื้อยืดสีน้ำตาลอ่อน เธอจึงหยิบทิชชูมาซับน้ำ ทว่าการกระทำของเธอกลับดูเซ็กซี่เย้ายวนในสายตาของมาเฟียหนุ่มที่เอาแต่จดจ้องเธอแบบไม่วางตา มองจ้องจนตาไม่กะพริบพร้อมทั้งลอบกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึกจนลูกกระเดือกขยับเขยื้อนไม่พัก ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยได้กินสุกียากี้เท่าไหร่เพราะไม่ค่อยชอบนัก แต่เขาก็อิ่มอกอิ่มใจเพราะแทะเล็มเธอทางสายตาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“คุณไม่ค่อยกินเลย”
“ฉันอิ่มเธอ เฮ้ยไม่ใช่ หมายถึงอิ่มง่าย”
“หนูดูกินเยอะไปเลยถ้าเทียบกับคุณ”
“เวลาเธอกินน่ารักดี”
กล่าวชมด้วยแววตาหวานล้ำ ทำเอาคนถูกชมใบหน้าเห่อร้อน แก้เขินด้วยการดูดน้ำไปหลายอึกพลางเสมองไปทางอื่น ไม่กล้าสบตากับเขา ซึ่งอาการของเธอก็ทำให้เขาชอบใจไม่น้อย กระตุกยิ้มมุมปาก สายตาไม่ละไปจากใบหน้าสวยหวานแม้แต่วินาทีเดียว
หลังจากเช็กบิลเสร็จก็ออกมาเดินย่อยกันต่อ เขาลากเธอเข้าออกร้านนั้นร้านนี้ไม่พัก จนสองมือของลูกน้องมือซ้ายมือขวาหรือแม้แต่ลูกน้องที่คอยดูอยู่ห่าง ๆ เต็มไปด้วยถุงกระดาษจากหลากหลายแบรนด์ดัง
“กลับกันเถอะค่ะ สงสารลูกน้องคุณ”
ด้วยความเห็นใจให้พวกลูกน้องของมาเฟียหนุ่มทำให้คนเป็นเด็กเลี้ยงต้องปฏิเสธเสียงแข็งทุกข้อเสนอที่เขาหยิบยื่นมาให้ นั่นเลยทำให้เขายอมโอนอ่อนไม่ยัดเยียดให้เธออีกแต่โดยดี
“งานไม่ทำเปย์กระหน่ำเลยนะครับนาย”
ลีออนเดินเข้าไปกระซิบแซวให้ผู้เป็นเจ้านายอย่างเอือมระอา เรียกสายตาขุ่นเคืองที่ตวัดมองจนสะดุ้งออกอย่างรวดเร็วราวกับต้องของร้อน รอยที่เห็นท่าทีของเพื่อนก็ถึงกลับหลุดหัวเราะอย่างสะใจ อดที่จะพูดสมน้ำหน้าสำทับตามไปด้วยไม่ได้
สงครามทางสายตาของเจ้านายกับลูกน้องทำให้ข้าวสวยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเดินนำหน้าไปก่อน
ขณะที่กำลังล้วงหาลิปสติกในกระเป๋าเพื่อหวังเอาขึ้นมาเติมปากอยู่ ตั๋วรถเมล์ที่เคยยัดใส่กระเป๋าไว้ก่อนหน้านี้ก็ร่วงหล่นลงพื้น เธอจึงรีบก้มลงไปเก็บ ทำให้คนที่อยู่ด้านหลังหันไปเห็นก้นโก่งเด้งปะทะแบบเต็มตา จึงรีบชี้นิ้วสั่งให้ลูกน้องหันไปมองทางอื่น ส่วนตัวเองนั้นเอาแต่จ้องมองตาเป็นมัน
มาเฟียหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคอไปหลายอึก ก้นงามงอนยั่วสายตากับเย้ายวนใจชวนให้ลุ่มหลง จนรู้สึกอยากบีบขย้ำและเคล้นคลึงให้เต็มแรง
ขณะที่สมองกำลังคิดเรื่องสิบแปดบวกในหัว หางตาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่เดินผ่านไปผ่านมาลอบมองเด็กเลี้ยงคนสวยด้วยแววตาเพ้อฝัน นั่นเลยทำให้ดวงตาของมาเฟียหนุ่มพลันดำมืด อารมณ์ฉุนจนต้องเดินไปประกบและเอาแขนโอบไหล่แสดงความเป็นเจ้าของ ทำเอาผู้ชายพวกนั้นมองตามตาละห้อยด้วยความเสียดาย พอเห็นใบหน้าถมึงทึงและรังสีอำมหิตของเจ้าของคนสวยก็รีบหันหนีแทบไม่ทัน
แต่กระนั้นก็ยังมีผู้ชายบางคนที่ไม่ใส่ใจ ส่งสายตาวาววับมาให้เธอไม่หยุดหย่อน จนมาเฟียหนุ่มทนไม่ไหวต้องส่งสายตาบอกลูกน้องมือซ้ายให้ไปจัดการ ก่อนที่จะฉุดรั้งคนที่เป็นตัวต้นเหตุแห่งความฉุนเฉียวออกมาจากตรงนั้น
“มานี่!”
“อื้อคุณ!”
พอมาถึงรถยนต์คันหรูมาเฟียหนุ่มก็ทำการยัดร่างบางเข้าไปในรถ ทำเอาเธอหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย จากนั้นก็สั่งห้ามให้ลูกน้องมือขวาและคนอื่น ๆ อยู่ให้ห่างจากตัวรถ แล้วตามร่างบางขึ้นไปบนรถ โดยที่ปิดประตูรถจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
มาเฟียหนุ่มดึงเรียวแขนคนตัวเล็กให้เข้ามากระแทกกับแผงอกแกร่ง แล้วก้มหน้าลงไปพูดเปิดประโยคขึ้นด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากตามแรงอารมณ์ฉุนเฉียว โดยที่ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
“เซ็กซ์แอพเพียวเธอโคตรสูงรู้ตัวบ้างหรือเปล่า!?”
“ไม่ค่ะ หนูไม่เคยสนใจว่าใครจะมองยังไง”
“วันนี้ควรสนใจ เพราะมันทำให้ฉันไม่สบายใจ”
“แต่หนูเป็นของคุณนะ คงไม่มีใครกล้ามายุ่ง”
“เธอยังไม่ได้เป็นของฉันโดยสมบูรณ์ ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้เอาเธอ”
“คุณบอกจะรอให้หนูอายุครบยี่สิบ”
เธอย้ำเตือนอีกรอบ นั่นเลยทำให้เขาต้องขบกรามแน่นข่มความต้องการที่อัดแน่นภายในกายและพร้อมที่จะปะทุทุกเมื่อหากสติขาดผึ่ง
“ฉันกำลังรอ แต่ในระหว่างรอเธอก็ต้องให้ฉันแทะเล็มสักนิดสักหน่อยบ้าง จะไม่ให้แตะต้องเป็นพระกับสีกาก็คงไม่ได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงได้อกแตกตาย”
“หนูยินดีทำตามที่คุณต้องการ”
มาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มร้ายกาจแฝงด้วยความเจ้าเล่ห์ แล้วเคลื่อนใบหน้าเข้าไปกระซิบชิดข้างใบหูขาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเพื่อบอกถึงความต้องการให้เธอได้ยินชัด ๆ ทำเอาเธอถึงกลับขนอ่อนในกายลุกซู่ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรงเป็นกลองศึก
“งั้นฉันขอนวดนมหน่อย”
เพิ่งเจอกันได้ไม่กี่ชั่วโมงแต่เขากลับมีอิทธิพลต่อหัวใจของเธอจนยากที่จะห้ามไม่ให้หวั่นไหวได้
และเขาก็ไม่เพียงกระซิบบอกเพียงเท่านั้น เอาลิ้นสากตวัดเลียใบหูหมายหยอกเย้าให้เธอเสียอาการ ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามอย่างรุนแรงจนแทบจะกระเด็นหลุดออกมาจากหน้าอก ก่อนที่สติจะเตลิดไปไกลเมื่อถูกประกบริมฝีปากจูบแบบไม่ทันตั้งตัว