bc

เป็นเด็กเลี้ยงของมาเฟียหื่น

book_age18+
1.1K
ติดตาม
11.4K
อ่าน
จบสุข
รักต่างวัย
มาเฟีย
ผู้สืบทอด
คนใช้แรงงาน
หวาน
ชายจีบหญิง
เบาสมอง
วิทยาลัย
เมือง
ออฟฟิศ/ที่ทำงาน
ปิ๊งรักวัยเด็ก
เจ้าเล่ห์
love at the first sight
like
intro-logo
คำนิยม

เห็นเธอแล้วปิ๊ง ๆ เกิดอารมณ์หงี่ ถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ แล้วจะช้าอยู่ใย ก็เสนอให้เป็นเด็กเลี้ยงไปเลยสิ...

เรื่องราวของมาเฟียหนุ่มที่กำลังหนีตายจากการถูกศัตรูลอบทำร้ายและได้มาเจอกับหญิงสาวที่อับจนหนทางในชีวิตในตอนฝนพร่ำ เขาจึงได้เสนอให้เธอไปเป็นเด็กเลี้ยงของเขา พร้อมสิ่งตอบแทนมากมายที่เธอจะได้รับ ไม่เว้นแม้แต่ความรักที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้น

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทที่ 1 โชคดีหรือโชคซวย
เสียงเครื่องปั่นดังขึ้นเป็นระยะ เสียงกดเครื่องชงกาแฟดังต่อเนื่อง เสียงพูดคุยดังเคล้าคลอกับเสียงเพลงอะคูสติกในเพลย์ลิสต์เพลงชิลล์ มีกลิ่นหอมหวานจากขนมที่ถูกอบใหม่เคล้ากลิ่นหอมกรุ่นของเมล็ดกาแฟที่ถูกคั่วใหม่ลอยตลบอบอวล กล่าวมาถึงตรงนี้คงไม่ต้องเดาให้เสียเวลาก็รู้ว่าสถานที่นี้คือร้านกาแฟอย่างแน่นอน หรือที่สาวกคนชอบนั่งชิลล์จิบกาแฟหรือชอบหามุมถ่ายรูปเรียกว่าคาเฟ่นั่นเอง “กลับก่อนนะ” ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่บอกเวลา เมื่อเห็นว่าถึงเวลาแห่งการร่ำลาก็กล่าวขึ้น หากแต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยน้ำเสียงกึ่งขอร้องกึ่งออดอ้อน “เดี๋ยวก่อนสวย อย่าเพิ่งกลับได้ป่ะ” “อะไรอีก?” คนชื่อสวย หรือ ข้าวสวย เปรมมิกา หันไปเลิกคิ้วถามเจ้าของเสียงรั้งอย่างอธิภรณ์ หรือ แอร์ ด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย ซึ่งทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษาตอนต้น จึงมีท่าทีเป็นกันเอง “เปิดไพ่หน่อยไหม?” แอร์รู้จักกับข้าวสวยมาตั้งแต่สมัยมัธยมศึกษาตอนต้น ทั้งคู่เรียนห้องเดียวกันมาโดยตลอด จึงได้กลายเป็นเพื่อนกันไปโดยปริยาย เรียกได้ว่าสนิทและตัวติดกันหนึบยิ่งกว่าตังเม หากแต่พอก้าวขาออกจากรั้วมัธยมศึกษาเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยทั้งคู่ก็ต้องห่าง เนื่องจากต้องแยกย้ายกันไปตามหาความฝันและใช้ชีวิตตามทางเดินที่เลือก ซึ่งในตอนนี้แอร์กำลังอยู่ในช่วงศึกษาและเก็บเกี่ยวประสบการณ์การดูดวงไพ่ยิปซีอยู่ เนื่องจากอยากหารายได้เสริมประกอบกับสนใจในศาสตร์การดูดวงนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอจึงอยากได้ลูกดวงมาช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ให้ชำนาญการมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ไม่พ้นต้องเป็นข้าวสวยทุกที “หลอกล่อฉันอีกแล้ว เดือนที่แล้วก็ทีนึงแล้วนะ ไปอัพสกิลมาแล้วเหรอย่ะ” กลอกตามองบนเป็นเลขแปดพลางเอามือกอดหน้าอกพูดบ่นกระปอดกระแปด “หน่านะ ให้ฉันลองไพ่หน่อยสิ ดูให้ฟรีไม่คิดค่าครูเลยสักบาท ถือว่าช่วยเพื่อนสั่งสมประสบการณ์หน่อย” “ปกติหมอดูง้อลูกค้าแบบนี้เปล่าวะ?” ข้าวสวยหรี่ตาถามด้วยใบหน้าสิ้นหวังและหมดคำจะพูด ครั้งก่อนที่ดูไปบอกตรง ๆ ว่าไม่แม่นเลยสักนิดเดียว หากแต่ก็ไม่กล้าพูดตรง ๆ เพราะกลัวเพื่อนจะเสียใจจนถอดใจไป “หึ” แอร์ส่ายหน้าตอบแบบหน้าซื่อตาใส ทำเอาคนโดนชักชวนถึงกลับยิ้มแหยและก็เลือกอะไรไม่ได้ ไม่กล้าปฏิเสธเพราะไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของเพื่อน “ก็ได้ ๆ แต่แป๊บเดียวนะ กลัวแม่เป็นห่วงกลับบ้านดึก” “เย้” ร้องเฮด้วยความดีใจ ก่อนจะจับมือคนที่เพิ่งรับปากให้นั่งลงเหมือนดังเดิม แล้วหยิบไพ่ทาโรต์หรือไพ่ยิปซีขึ้นมากล่าวอธิษฐานในใจและยกขึ้นเหนือหัว จากนั้นก็ยื่นไปให้ลูกดวงจำเป็น “สับไพ่ตามอายุของแกบวกหนึ่ง” “เป็นยี่สิบที?” “เยส” ข้าวสวยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะสับไพ่ตามจำนวนครั้งที่แอร์บอกแบบเก้ ๆ กัง ๆ เพราะไม่ค่อยถนัดมือ พอสับเสร็จก็ยื่นกลับไปให้คนที่เริ่มแทนตัวเองว่าแม่หมอ หลังจากแอร์กรีดไพ่เป็นครึ่งวงกลมจนสวยงามแล้วก็เงยหน้าขึ้นไปสบตากับลูกดวงจำเป็นด้วยแววตามาดมั่นบวกจริงจัง “ถามคำถามมา อยากรู้เรื่องอะไร” “ไม่มีเรื่องที่อยากรู้อ่ะ” “หน่า ถามสักเรื่อง” คนที่เก๊กหน้าจริงจังถึงกลับเก็บสีหน้าไม่อยู่ พ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เนื่องจากไปไม่เป็น อยากจะเอาหัวโขลกโต๊ะสักทีสองที เริ่มคิดหนักแล้วว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ขอร้องให้ยัยเพื่อนตัวดีนี่มาดูดวงกับตัวเอง “งั้นเอาเร็ว ๆ นี้ดวงฉันจะเป็นยังไงบ้าง” “ได้ หยิบไพ่มาสามใบ” ข้าวสวยทำตามที่บอกอย่างว่าง่าย เธอจับไพ่แบบสุ่ม ๆ มาสามใบอย่างไม่ได้คาดหวังกับคำทำนาย ทว่าคำทำนายกลับทำให้คิ้วเรียวยกสูงขึ้นด้วยความสงสัยใคร่อยากรู้ “โชคกำลังจะหล่นทับแก” “โชคแบบไหน?” “โชคดี โชคลาภเงินทองนี่แหละ” “ไม่ได้จะลบหลู่นะแต่ฉันไม่ได้ซื้อลอตเตอรี่” ยิ้มขำแห้ง ๆ พลางคิดว่าเธอไม่เคยเสี่ยงดวงหรือทำอะไรจำพวกนี้ จะไปเอาโชคดีหรือโชคลาภเงินทองมาจากไหนกัน อยากจะขำดัง ๆ หากแต่ก็ต้องถนอมน้ำใจเพื่อน “พ่อแกเข้าบ่อนเสี่ยงดวงนี่ ดีไม่ดีอาจจะปังก็ได้นะช่วงนี้” “......” ได้ยินดังนั้นก็คนที่กำลังขำแห้งอยู่ก็นิ่งงัน เธอคิดตาม จู่ ๆ หัวใจที่เคยเฉยชาก็เพิ่มอัตราการเต้นเร็วขึ้นพลางคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็คงดี “คำถามต่อไป” “ไม่มี ไม่รู้จะถามอะไรแล้ว” “ความรงความรักอ่ะ” “ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ ไม่ได้สนใจด้วย” ข้าวสวยพูดตามความจริง เธอไม่เคยคิดเรื่องพรรค์นี้เพราะวัน ๆ ท่องแต่ว่าต้องตั้งใจเรียนและทำงานเสริมเพื่อเก็บเงินเรียนมหาวิทยาลัยตามความฝัน หากพ่อแม่ไม่มีกำลังแรงส่งเสีย และใช่ว่าจะไม่มีคนเข้าหา เธอไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ติดไปทางสะสวยเสียด้วยซ้ำ จึงทำให้มีหนุ่ม ๆ หมายตาและเข้ามาพัวพันหรือขายขนมจีบมากมาย ทว่าเธอไม่ได้ให้ความสนใจจึงไม่ได้สานต่อ ทำให้พวกเขาค่อย ๆ หายเงียบไปเอง “โห งั้นฉันก็จะไม่ได้ดูให้แกต่ออะดิ” “ก็ฉันไม่มีอะไรอยากรู้อยากดู” แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยขวากหนามหรือปัญหาอุปสรรคมากมาย แต่เธอก็ไม่คิดพึ่งพาการดูดวง สู้ทำตัวเองให้แข็งแกร่ง สามารถฝ่าฟันต่อสิ่งพวกนั้นให้ผ่านพ้นไปได้ในแต่ละวันก็พอ “เซ็งอ่ะ” “ฉันต้องรีบกลับ จะมืดแล้วดูฟ้าด้วย” ชี้นิ้วไปยังด้านนอกที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีส้มนวลเป็นสีครามจนใกล้จะมืดมิดเต็มที แอร์จึงต้องยอมปล่อยให้ข้าวสวยได้กลับบ้านแต่โดยดี “ก็ได้ ๆ กลับดี ๆ นะแก วันหลังถ้ามาเจอกันอีกก็เตรียมคำถามมาด้วยล่ะ” “แกเนี่ยน้าาา” ข้าวสวยส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอาให้เพื่อนสนิท จากนั้นก็โบกมือร่ำลาแล้วเดินออกมาจากคาเฟ่ที่ผู้คนยังคงหลั่งไหลกันเข้าไปเยี่ยมชมภายในร้าน แม้ว่าใกล้จะถึงเวลาปิดร้านเต็มที ขณะอยู่บนรถแท็กซี่ใบหน้าสวยก็เหม่อมองออกไปนอกรถ ในหัวคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รวมทั้งอดคิดถึงชีวิตที่ต้องฝ่าฟันความลำบากตั้งแต่เยาว์วัยไม่ได้ หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ใครหลายคนต่างมุ่งหน้าเข้าศึกษาต่อในรั้วมหาวิทยาลัยเพื่อไล่ตามความฝันของตัวเองให้สำเร็จลุล่วง แต่ไม่ใช่กับเธอ เพราะเธอต้องพักความฝันนี้เอาไว้ชั่วคราว แล้วมุ่งสู่การทำงานเก็บเงินเพื่อย้อนกลับไปคว้าความฝันที่เพื่อนอายุเท่ากันได้ก้าวนำไปก่อนหนึ่งก้าวแล้ว “ถึงแล้วหนู” เสียงของลุงขับแท็กซี่ปลุกข้าวสวยให้หลุดออกมาจากภวังค์ความคิด รีบล้วงหยิบเงินตามจำนวนที่โชว์ในมิเตอร์ไปยื่นให้ จากนั้นก็เปิดประตูลงจากรถแล้วเดินตรงดิ่งเข้าบ้าน ในขณะที่กำลังถอดรองเท้าผ้าใบอยู่หน้าประตู เสียงข้าวของที่ตกแตกภายในบ้านก็ทำให้ข้าวสวยสะดุ้งตกใจ รีบลนลานเปิดประตูเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว “แม่ เกิดอะไรขึ้น!?” เพล้ง! พลันเสียงร้องถามจบลงแจกันบนโต๊ะก็ร่วงหล่นสู่พื้นบ้านโดยฝีมือผู้เป็นแม่ ทำเอาข้าวสวยยืนนิ่งชะงักงันด้วยความอึ้งเหวอ ใบหน้าถอดสี “ฉันไม่มีเงินส่งเสียแกแล้ว โอ๊ย! หมดตัวแล้วโว้ย!” พอเห็นใบหน้าของลูกสาวคนโต ผู้เป็นแม่ก็โวยวายขึ้นเสียงดังราวกับคนสติแตก ทั้งโกรธทั้งโมโหให้ผู้เป็นสามีที่ทำอะไรไม่คิดหน้าหลังให้ดีและไร้สติสัมปชัญญะ “หมายความว่ายังไง?” “พ่อแกเอาเงินเก็บไปถลุงเล่นในบ่อนหมดแล้วน่ะสิ” “แล้ว...” ข้าวสวยได้ยินดังนั้นก็พูดไม่ออกราวกับมีใครเอาก้อนหินหนัก ๆ มาทับที่หน้าอก พ่อกับแม่เคยเปรยไว้ว่าจะนำเงินที่เก็บได้ส่วนหนึ่งมาช่วยส่งเสียเธอเรียนต่อมหาวิทยาลัย ดูท่าว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว เธอคงต้องพึ่งพาตัวเองต่อไป “เงินหมดไม่พอ หนี้ก็บานปลาย ชีวิตเฮงซวย!” “......” “ระยำจริง ๆ !!” คนเป็นแม่ยังคงสบถและก่นด่าให้โชคชะตาไม่หยุด และเธอก็ทำได้เพียงยืนแน่นิ่งอย่างจุกในอก จนกระทั่งเสียงเปิดประตูบ้านดังขึ้น “กลับมาแล้วเหรอไอ้คนเฮงซวย!” คนเป็นแม่ยกกำปั้นและพุ่งเข้าไปหาคนเป็นพ่อหมายเอาเรื่องเต็มที่ พอถึงตัวก็ไม่รอช้าจัดการทุบหน้าอกรัว ๆ ด้วยความคับข้องใจบวกโมโหจนควบคุมสติไม่อยู่ ทำให้คนโดนกระทำต้องตะคอกปรามดุเสียงดังลั่น “โอ๊ย! หยุดนะ ทำบ้าอะไรของเธอ!?” “ยังจะมีหน้ามาถาม ก่อเรื่องอะไรไว้ล่ะ กะไม่เหลือเงินไว้ซื้อข้าวกินเลยหรือไง!” ตะคอกสวนกลับไปเสียงดังไม่แพ้กัน แต่ก็ถูกดันตัวออกห่างพร้อมสั่งเสียงแข็งกร้าว “หุบปากก่อน!” “ใครจะหุบได้ลง แกติดหนี้เท่าไหร่บอกมานะ ก่อนที่ฉันจะเอาเลือดหัวแกออก” “สามล้าน” “สะ..สามล้าน!” ข้าวสวยที่ยืนตะลึงงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถึงกลับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจจนใบหน้าซีดเซียว เพราะไม่คิดว่าจำนวนหนี้สินของผู้เป็นพ่อจะมากมายมหาศาลเช่นนี้ นั่นเลยทำให้คนเป็นพ่อเบี่ยงความสนใจมาที่ตัวเธอแทน “แกมีเงินเก็บเท่าไหร่สวย?” “หะ..ห้าหมื่น” ตอบไปด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่นใจ รู้สึกใจคอไม่ดี ซึ่งลางสังหรณ์ของเธอก็ไม่ผิดเลยสักนิด “โอนมาให้พ่อใช้หนี้ก่อน ถ้าไม่จ่ายมัน ๆ จะเอาชีวิตพ่อ แกคงไม่อยากกำพร้าพ่อหรอกใช่ไหม” “......” เธออยากแย้งว่านั่นคือเงินค่าเทอมที่เธอเก็บสะสมมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง หากแต่ก็พูดไม่ออกเพราะคำพูดของผู้เป็นพ่อจุกแน่นในอก และเธอก็ไม่อยากเสียผู้เป็นพ่อไป จึงได้แต่ล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโอนเงินไปให้ผู้เป็นพ่อแบบไม่ปริปากพูดอะไร “ประเสริฐจริง ๆ แกเป็นลูกที่ประเสริฐที่สุดยัยสวย” คนเป็นพ่อผลิยิ้มดีใจพลางกล่าวชื่นชมด้วยความภาคภูมิใจในตัวลูกสาว โดยที่ไม่ได้แยแสต่อสีหน้ากล้ำกลืนฝืนทนของลูกสาวเลยแม้แต่น้อย ส่วนคนเป็นแม่ก็ได้แต่เท้าสะเอวพลางทอดถอนหายใจออกมาอย่างละอายใจต่อลูกสาวและเอือมระอาต่อผู้เป็นสามีที่ไม่ได้เรื่อง หลังจากได้เงินก้อนหนึ่งมาจากลูกสาวคนโต คนเป็นพ่อก็รีบจัดการเคลียร์หนี้ โดยคนที่หาเงินมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองไม่สามารถทนมองหรือยืนอยู่ ณ ตรงนี้ต่อได้ “จะไปไหนยัยสวย!?” เสียงร้องถามของผู้เป็นแม่ทำให้ฝีเท้าเล็กชะงัก หันไปตอบโดยที่พยายามบังคับน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือ “หนูจะไปหาเพื่อน” “รีบไปรีบกลับ” ข้าวสวยพยักหน้ารับคำ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกมาจากบ้านกึ่งไม้กึ่งปูนขนาดค่อนไปทางกลาง ไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่า เธอเดินออกมาโดยที่จิตใจล่องลอยเหมือนคนไร้สติผ่านบ้านเรือนของเพื่อนบ้านมาเรื่อย ๆ ได้ยินเสียงสุนัขเห่าตามหลังดังระงมลอยเข้ามาในโสตประสาทก็ไม่ได้ใส่ใจ เดินหน้าต่อไปโดยไร้จุดหมายปลายทาง เธอหมดแล้วซึ่งความหวังหรือความฝัน เงินเก็บเพียงก้อนเดียวในชีวิตถูกฉกไปด้วยบุพการีที่เลี้ยงดูมา เพราะคำว่าบุญคุณและไม่อยากเสียเขาไปทำให้เธอยอมทิ้งความฝัน เธอเลือกถูกแล้วจริง ๆ ใช่ไหม? คำถามผุดขึ้นในหัว แต่ถึงแม้มันจะถูกหรือผิดก็คงไม่ทันเสียแล้ว ต่อไปนี้ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ความตั้งใจเดิมที่มีหายไปหมดสิ้น เหลือเพียงสมองที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งความคิดใด ๆ อย่าเพิ่งท้อและทำงานหาเงินใหม่อย่างนั้นเหรอ... หลายคนคงอยากจะพูดปลอบใจเธอแบบนี้ แต่หารู้ไม่ว่าเงินก้อนนั้นเธอล้างจานจนมือเปื่อย เดินเสิร์ฟอาหารจนข้อเท้าบวม ใส่ชุดมาสคอตร้อน ๆ แจกใบปลิวให้คนที่พอรับไปก็ขย้ำทิ้ง และเธอก็ใช้เวลาเก็บรวบรวมเงินจากงานพวกนี้มาตั้งหลายปี นึกย้อนไปถึงคำทำนายของเพื่อนสนิทซึ่งเป็นหมอดูมือใหม่อย่างแอร์ข้าวสวยก็แทบอย่างสบถออกมาดัง ๆ ให้คนทั้งโลกได้ยินความคับแน่นภายในใจของเธอ โชคหล่นทับบ้าอะไร! เวรกรรมชัด ๆ !!

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
10.6K
bc

วิญญาณตามรัก

read
1K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
2.1K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
16.9K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
7.4K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

หยุดหัวใจไม่รักดี

read
4.3K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook