ประกบริมฝีปากจูบอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน มือหนาเริ่มปัดป่ายหาหน้าอกตูมที่ยั่วยวนสายตาจนกระทั่งเจอ ไม่รอช้าบีบเคล้นเต็มแรงจนปริออกตามง่ามมือ ความนุ่มเด้งทำให้อารมณ์ปรารถนาพุ่งทะยานจนฉุดไม่อยู่ แก่นกายปวดหนึบไปทั้งลำ
“เต็มไม้เต็มมือดี ฉันชอบ อ๊าา”
หลังจากถอนริมฝีปากออกมาเฟียหนุ่มก็เอ่ยออกมาอย่างพึงพอใจในรูปร่างอันแสนเย้ายวนของคนตัวเล็ก เปล่งเสียงครางกระเส่าเคล้าอารมณ์ที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาอันเปี่ยมล้น กระนั้นก็พยายามหักห้ามใจและท่องเอาไว้ว่าต้องรอให้เธออายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์เสียก่อนซ้ำไปซ้ำมา
มาเฟียหนุ่มดันร่างบางให้นอนราบกับเบาะหลัง ถลกเสื้อยืดขึ้นไปกองที่เหนือเนินเต้าอวบ จากนั้นก็สอดมือเข้าไปใต้บราเซียร์ แล้วใช้มือหนาบีบขย้ำเต้าอวบเด้งทั้งสองข้างสลับไปมา รวมทั้งคลึงจุกยอดจนชูชันโดยไร้ปราการขวางกั้นแบบไม่พัก ยิ่งได้กระทำก็ยิ่งอารมณ์พลุ่งพล่านทะยานไปไกล ก่อนจะตัดสินใจใช้นิ้วสะกิดตะขอบราเซียร์จนหลุด ส่งผลให้เต้าอวบสองลูกเด่นโชว์ต่อสายตา ทำเอาคนเหนือร่างกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระหายไปหลายอึก
“เธอทำให้ฉันคลั่งรู้ตัวเอาไว้”
“คุณก็ทำให้หนูคลั่งเหมือนกัน”
ได้ยินเสียงหวานปนกระเส่าเอ่ยต่อปากต่อคำแบบไม่น้อยหน้าก็แสยะยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ก้มหน้าลงไปดูดดุนจุกยอดประทุมถันสลับสองข้างอย่างมัวเมา มือหนาก็บีบเคล้นแบบไม่พัก ทำเอาคนโดนปรนเปรอในกามอารมณ์ถึงกลับนอนสั่นสะท้านและดิ้นเร่าด้วยความสาดเสียวจนเปล่งเสียงครวญครางไม่หยุดหย่อน
สัมผัสที่ได้รับเป็นครั้งแรกทำให้เธอรู้สึกราวกับลอยละล่องอยู่ในอากาศ รู้สึกตัวเบาหวิว อุณหภูมิในร่างกายร้อนผ่าว กลางกายสาวเฉอะแฉะ เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ต้องการการเติมเต็มจากรสสวาท
มาเฟียหนุ่มก้มหน้าใช้เรียวปากตะโบมและดูดดุนเต้าอวบสองข้างจนชุ่มฉ่ำและมันวาวไปด้วยน้ำลายสีใสจนกระทั่งพึงพอใจก็ผละออก เคลื่อนใบหน้าขึ้นไปประกบริมฝีปากจูบอีกครา มือซุกซนละจากเต้าอวบนุ่มแล้วเลื่อนลงไปลูบไล้ยังกลางกายสาวโดยมีปราการกั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะปลดกระดุมและรูดรั้งซิปของกางเกงยีนออก จากนั้นก็สอดมือเข้าไปสะกิดและบดคลึงติ่งเกสรถี่รัว ทำเอากายสาวผวาเฮือกด้วยความกระสันเสียวบวกกับไม่ทันได้ตั้งตัว
“อื้อคุณ หนู หนูไม่ไหว~”
“ทำไมถึงไม่ไหวบอกฉันหน่อยเด็กดี”
“หนูเสียว อ้ะอื้อ~ หนูอยากให้คุณสอดใส่เข้ามา”
ยิ่งเขาบดขยี้ติ่งกระสันมากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งสั่นสะท้านจนแทบจะขาดใจตาย ขนอ่อนในกายลุกชูชันไปทั้งตัว ความเสียวซ่านและความวาบหวามเข้าเล่นงานอย่างหนักหน่วง เปล่งเสียงครวญครางหวานในลำคอไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งอยากได้รับการเติมเต็มจึงพลั้งปากหลุดร้องขออย่างไร้ยางอาย อารมณ์สวาทเข้าครอบงำจิตใจจนสติแตกกระเจิงไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป ลืมเลือนแม้กระทั่งถ้อยคำที่เพิ่งพูดออกมาไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
“ยังก่อน ต้องรอเธออายุยี่สิบก่อนสิคนสวย ลืมไปแล้วหรือไง”
ได้ยินเสียงเขาเตือนสติเธอก็แทบอยากจะร้องไห้ อารมณ์สวาทเข้าครอบงำจนสติขาดสะบั้นและแทบอยากจะบ้าตาย ซึ่งก็ไม่ต่างจากเขาแม้จะพูดเช่นนั้นแต่ห้วงอารมณ์ในกามก็เต็มเปี่ยมจนแก่นกายแข็งขึงและปวดหนึบไปทั้งลำ ทรมานไม่ต่างจากเธอแต่ต้องข่มกลั้นเอาไว้
เมื่อมาเฟียหนุ่มคิดได้ดังนั้นก็หักห้ามใจและรีบผละตัวออกห่างจากร่างบางทั้งหมดอย่างนึกเสียดาย ไม่ว่าจะเป็นลำตัวหนาที่ทาบทับ มือซุกซนที่ขยี้ติ่งเกสร เรียวปากหยักที่เคยจู่โจมทั้งริมฝีปากบางและเต้าอวบเด้งขนาดเต็มไม้เต็มมือ
“เอาไว้ฉันจะนวดนมให้ใหม่”
“ฮื้อ”
เด็กเลี้ยงคนสวยลุกขึ้นมาสบตา ใบหน้ามู่ทู่จมูกย่นราวกับจะร้องไห้ สร้างความเอ็นดูปนมันเขี้ยวจนมาเฟียหนุ่มอดใจไม่ไหว กดริมฝีปากหนัก ๆ ที่ริมฝีปากอวบอิ่มหนึ่งทีแล้วผละออกอย่างเชื่องช้า แล้วใช้มือติดกระดุมและรูดรั้งซิปกางเกงยีนขึ้นให้เธอเหมือนดังเดิม และเมื่อเช็กความเรียบร้อยผ่านสายตาจนแน่ใจก็เอื้อมมือไปเปิดประตูรถเพื่อเรียกหาลูกน้อง
รถยนต์สุดหรูแล่นเข้ามาจอดที่ตึกสูงระฟ้า สองร่างเดินเคียงคู่กันเข้ามาในเพนท์เฮ้าส์ขนาดใหญ่โต ตามด้วยลูกน้องที่ทยอยกันนำถุงกระดาษจำนวนมากมาวางเรียงราย ณ กลางห้องโถง
“พอใจหรือเปล่ากับของที่ฉันซื้อให้?” เห็นจำนวนถุงกระดาษและจำนวนเงินที่ตัวเองเสียไปเพื่อเด็กเลี้ยงก็เอ่ยถามอย่างภาคภูมิใจ
“มันมากเกินไปซะด้วยซ้ำค่ะ”
“เป็นเด็กฉันต้องไม่น้อยหน้าใคร”
“คุณพูดเหมือนว่าหนูสามารถเปิดตัวได้ว่าเป็นเด็กคุณ”
“ฉันไม่ได้ห้าม แต่เธอก็ไม่ควรเอาไปป่าวประกาศนะเด็กน้อย”
“หนูก็ไม่ได้คิดที่จะป่าวประกาศอยู่แล้ว”
“ก็ดี อีกสองสามวันฉันจะย้ายของมาไว้ที่นี่เผื่อมานอนด้วย”
“ค่ะ”
“พักผ่อน ฉันต้องไปเคลียร์งานต่อ”
มาเฟียหนุ่มเอามือหนาโยกศีรษะทุยของเด็กเลี้ยงคนสวยเบา ๆ ก่อนจะผละออกไปล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ แววตาคมมองจ้องใบหน้าสวยหวานด้วยความหลงใหลจนปิดไม่มิด
“คุณจะมาหาอีกทีตอนไหน?”
“คงจะแล้วแต่อารมณ์ แต่ที่แน่ ๆ วันมะรืนนี้ฉันจะพาเธอไปเสริมสวย ตั้งตารอด้วยล่ะ”
ข้าวสวยไม่ได้พูดอะไรออกไป เธอเพียงพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ จากนั้นก็ยืนมองตามแผ่นหลังที่หายลับออกจากห้องไปพร้อมลูกน้องมือซ้ายคนสนิท ภายในห้องกว้างจึงเหลือเพียงเธอกับถุงกระดาษจำนวนมากมายซึ่งเกือบนับยี่สิบใบได้ ทำเอาเจ้าของพวกมันถึงกลับหนักใจว่าจะเก็บอย่างไรดี และถ้าจัดเก็บหมดนี่เสร็จคงทำเธอหมดแรงไม่ใช่น้อย
“ฟู่วววว~” ทอดถอนหายใจออกมาแรง ๆ หนึ่งที ก่อนที่จะตัดสินใจวางทิ้งถุงกระดาษพวกนั้นเอาไว้ตรงนั้น แล้วหนีเข้ามาอาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สดชื่นแทน
หลังจากอาบน้ำเสร็จก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่มาเฟียหนุ่มซื้อให้ขึ้นมากดเล่น เธอยังใช้เบอร์เดิมและแอ็กเคานต์เดิมทั้งหมด โชคดีที่การถ่ายเทข้อมูลระหว่างเครื่องและหน่วยการจัดเก็บข้อมูลมีความสะดวกสบายมากขึ้น จึงไม่ต้องใช้เวลานาน
Rrrrrrrrrrr...
แรงสั่นครืดและริงโทนดังขึ้น พอเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาข้าวสวยก็ไม่อิดออด รีบกดรับสายในทันที
[เป็นไง โชคหล่นทับหรือยังจ๊ะ หายหน้าหายตาไปเลยนะยัยสวย]
“ฉันเงียบไปแค่วันเดียวเองยัยแอร์ เออ โชคที่แกทำนายมันก็ตรง แต่ฉันเกือบตายเหมือนกัน”
เกือบจะสิ้นหวังแล้วหากไม่ได้เจอเขา คนที่คิดว่าเป็นโชคดีที่เธอได้พบเจอ
[อะไรยังไง]
“ก็...”
ข้าวสวยตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างให้เพื่อนสนิทฟังตั้งแต่เกิดเรื่องจนชีวิตพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ โดยไม่ได้ลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาเฟียหนุ่มให้อีกคนรู้ว่าเขาเป็นใคร
[โอ้โห นี่ฉันแม่นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย อาจารย์ที่สอนจะต้องภาคภูมิใจ]
“ไม่ตื่นเต้นกับชีวิตฉันเลยหรือไง!”
[ตื่นเต้นสิ เพราะตื่นเต้นไงเลยคิดว่าตัวเองโคตรแม่น]
“เหอะ ๆ”
คุยกันต่ออีกหลายนาทีในที่สุดทั้งสองสาวก็ยอมวางสายจากกัน ข้าวสวยวางโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ลงบนโซฟาตัวยาว แล้วเดินไปเปิดดูถุงกระดาษที่มาเฟียหนุ่มกว้านซื้อให้แบบไม่เสียดายเงิน
เปย์สะบัดเลย!
เธอมองจ้องข้าวของมากมายอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เกิดมาเกือบยี่สิบปีเพิ่งเคยได้สัมผัสเป็นครั้งแรก เธอคิดว่ามันอาจจะคุ้มแม้ว่าจะต้องแลกด้วยศักดิ์ศรีมาก็ตาม อย่างน้อยขอให้เธอมีความสุขก็เพียงพอแล้ว
ใบหน้าสวยหวานกวาดสายตามองไปรอบเพนท์เฮ้าส์ด้วยความรู้สึกไม่คุ้นชิน ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้ากับแผ่นป้ายไม้แกะสลักที่มีชื่อภาษาอังกฤษแขวนอยู่บนผนังห้อง
‘QUINTON’
“คิน...ควินตัน” พึมพำอ่านชื่อบนแผ่นป้ายไม้ ซึ่งเป็นคำเดียวกับชื่อที่เขาเคยพูดบอก เห็นดังนั้นข้าวสวยจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดสืบค้นในอินเทอร์เน็ตว่า ‘มาเฟียควินตัน’ ไม่นานรูปภาพและข้อมูลประวัติของเขาก็ปรากฏขึ้นแก่สายตา
“มาเฟียจริง ๆ ด้วย นี่ฉันเป็นเด็กเลี้ยงของมาเฟียจริง ๆ เหรอเนี่ย”
ตอนแรกคิดว่าเขาอุปโลกน์ขึ้นเอง แต่ใครจะไปคิดว่าเขาเป็นมาเฟียจริง แถมยังโคตรของโคตรอภิมาหารวยอีกต่างหาก ทำเอาข้าวสวยนั่งอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงและอึ้งทึ่ง แต่ไม่นานความสนใจก็ต้องถูกดึงไปโดยเจ้าของชื่อไลน์ที่เพิ่งเด้งแจ้งเตือนขึ้นมา
LINE!
แพรวา : พ่อกับแม่พาแพรวกลับมาบ้านแล้วนะ ไปยืมเงินปู่กับย่ามาใช้หนี้ได้ห้าแสน
อ่านจบหัวใจก็กระตุกวูบ เมื่อวานเธอกลับไปที่บ้านแล้วไม่เจอใคร เห็นเพียงข้อความไลน์ที่น้องสาวคนนี้ส่งมาบอกทำเอาเจ็บจี๊ดในใจ จึงเลือกที่จะพิมพ์ข้อความบอกออกไปตามที่มาเฟียหนุ่มไกด์ให้ แล้วเก็บเสียผ้าเดินออกมาจากบ้านด้วยความรู้สึกมากมายที่ล้นอก
ข้าวสวย : อืม
แพรวา : จะไม่กลับมาบ้านหน่อยเหรอ
ข้าวสวย : ใกล้จะเปิดเทอมแล้วพี่ยังไม่ว่างไป
แพรวา : งั้นก็แล้วแต่
หลายคนอาจจะเคยได้ยินว่าการจะมีความสุขได้ต้องทิ้งคนสำคัญเอาไว้ด้านหลัง เธออยากทำเช่นนั้นแต่ทำไม่ลง จึงคิดว่าแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ก็จะพยายามช่วยเหลือเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้
ข้าวสวย : ฝากบอกพ่อกับแม่หน่อยว่าพี่ทำงานแล้วจะส่งเงินไปให้เรื่อย ๆ
แพรวา : อืม
เห็นข้อความตอบรับที่น้องสาวส่งมาข้าวสวยก็คว่ำหน้าจอลง เอนตัวลงนอนแผ่หลาบนพื้นห้องด้วยความเหนื่อยอ่อน ดวงตาอิดโรยมองจ้องเพดานห้องอย่างเลื่อนลอยพลางตั้งปณิธานอันแน่วแน่ในใจ
ใช้เงินที่ได้จากมาเฟียหนุ่มให้มีความสุข ผลาญเงินเขาให้มากที่สุด อย่าเอาหัวใจไปยึดติด หากวันใดหลงรักจนปักใจก็คงมีแต่เจ็บกับเจ็บ...นี่คือสิ่งที่เธอคิดจะทำในขณะที่เป็นเด็กเลี้ยงของเขา