ขาเรียวยาวก้าวเข้ามาในห้องทำงานของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดา หากเขาเป็นประธานบริษัทที่พนักงานเคารพนับถือแล้วคนที่ยิ่งใหญ่กว่าเขาจนไม่มีใครกล้าหือก็คงเป็นคนคนนี้ หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือพ่อเขาเป็นท่านประธานใหญ่ ที่ส่งต่อตำแหน่งมาให้เขาอีกที
“ได้ข่าวมีคนลอบทำร้ายแก” คธา ชายสูงวัยที่มีท่วงทีน่าเกรงขามเปิดประโยคถามขึ้นทันทีที่เห็นใบหน้าของลูกชายก้าวเข้ามาในห้อง
“หูตาจมูกไวเหมือน...ดีเนอะพ่อ” เว้นคำเปรียบเปรยเอาไว้ ไม่ยอมพูดออกมาตรง ๆ เพราะอยากกวนประสาทคนเป็นพ่อเล่น หากแต่อีกคนกลับรู้ดีว่าคำคำนั้นคืออะไร จึงได้ตวัดตาดุพลางทำเสียงคุกรุ่นใส่
“กูเป็นพ่อมึงนะ!”
“ใครบอกไม่ใช่ เมื่อกี้ก็ยังลงท้ายว่าพ่ออยู่นะ เช็กหูบ้างยัง ตึงหมดแล้วมั้ง” ต่อปากต่อคำต่อแบบไม่สะทกสะท้าน ยิ่งทำให้คนที่ของขึ้นอยู่แล้วยิ่งของขึ้นไปใหญ่ ใบหน้าเหี่ยวย่นฉายแววเอาเรื่องเต็มที่
“ไอ้ควินตัน!”
“ผมปลอดภัยดีน่า ไม่งั้นคงไม่มายืนหัวโด่อยู่แบบนี้หรอก”
“แล้วตอบดี ๆ มันจะตายหรือไง!”
“ก็เหมือนลมหายใจจะขาดห้วงอยู่นะ”
“ไอ้นี่! ว่าแต่พวกมันเป็นใครให้จัดการให้ไหม”
เบื่อที่จะต่อปากต่อคำกับลูกชายตัวดีจึงถามเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งเรื่องยอกย้อนพ่อตัวเองเก่งเกินใครต้องยกให้ควินตันคนนี้ ทำให้คนที่เลี้ยงดูมาแต่อ้อนแต่ออกหัวร้อนปุด ๆ ได้อยู่เสมอ
“พ่อหวังดีตลอด แต่ไม่เป็นไรผมรับมือไหว มันแค่ต้องการหยอกเฉย ๆ”
“แน่ใจ?”
“ผมมั่นหน้าขนาดนี้ก็ช่วยเชื่อหน่อยเหอะ ว่าแต่มีอะไรถึงเรียกพบ คงไม่ได้จะถามแค่นี้หรอกใช่ป่ะ” หรี่ตาถามอย่างรู้ทัน นั่นเลยทำให้คนเป็นพ่อยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจในความชาญฉลาดของลูกชาย
“ในบริษัทเหมือนจะมีหนอนบ่อนไส้”
“พ่อไปได้เรื่องนี้มาจากไหน?”
“หูตาฉันมีเยอะแยะ แต่จับไม่ได้ว่าไอ้หนอนบ่อนไส้นั่นเป็นใคร ฉันเลยจะให้แกจัดการตามหาตัวมัน”
“รู้ว่ามีคนทำแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร ลูกน้องพ่อก็กระจอกอยู่นะว่าไป” แสยะยิ้มมุมปากเย้ยหยัน ชำเลืองมองลูกน้องอาวุโสของคนเป็นพ่อที่ยืนอยู่มุมห้องเล็กน้อย ทว่าคนเป็นพ่อกลับไม่ได้สะทกสะท้านใด ๆ ต่อคำกล่าวติงของลูกชาย ใบหน้าเหี่ยวย่นยังคงราบเรียบเช่นเดิม
“ฉันยกให้แกแล้วมันเป็นหน้าที่แกต้องจัดการต่อ แต่บอกไว้เลยว่าฉันจะไม่ปล่อยให้บริษัทที่สร้างมากับมือพังลงเพราะความไม่ประสาของแกอย่างเด็ดขาด ตราบใดที่ยังทำให้ฉันวางใจไม่ได้ฉันก็จะคอยจับตาดูแกต่อไป”
“ก็ทำเอาซะนึกว่ามี CCTV จับตามองตลอดเวลา!”
“หึ” ท่านประธานใหญ่แค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะมองตามแผ่นหลังของลูกชายตัวดีที่ค่อย ๆ หายไปจากครรลองสายตาเมื่อเขาเดินออกจากห้องไป
“ปีนี้มันก็อายุยี่สิบเก้าแล้ว คิดว่าเมื่อไหร่มันจะมีเมียมีลูกวะไอ้เทิด?”
ละสายตาจากประตูห้องแล้วหันไปถามความเห็นของลูกน้องคนสนิทชื่อเทิดศักดิ์ ผู้ซึ่งรับใช้คธามาเกือบสามสิบกว่าปี จนเรียกได้ว่าเป็นสหายที่รู้ใจกันมากที่สุด นั่นเลยทำให้คนที่ถูกถามต้องเค้นสมองพินิจพิจารณานายน้อง
“ผมว่าน่าจะอีกนาน เพราะคุณควินตันไม่ชอบความรำคาญ ไม่ชอบที่ต้องมาตามใจใคร”
“งั้นเหรอวะ” มาเฟียรุ่นใหญ่พึมพำเสียงเบาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก มุมปากกดลึกเป็นรอยยิ้มดูเจ้าเล่ห์ราวกับได้รับรู้อะไรบางอย่างมามากกว่าที่พูดกับบุตรชายไป
หลังจากที่กลับมาจากห้องทำงานของท่านประธานใหญ่หรือคนเป็นพ่อ มาเฟียหนุ่มควินตันก็เข้ามาหมกตัวอยู่ในห้องทำงานต่อ
ขณะที่สายตากวาดอ่านเอกสารรายงานที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติก็ขยับปากถามลูกน้องมือซ้าย เมื่อเรื่องของเด็กเลี้ยงคนสวยเอาแต่รบกวนในสมองไม่คลาย
“มึงคิดว่ากูควรจ้างแม่บ้านประจำสักคนไว้คอยอยู่เป็นเพื่อนเธอดีไหม?”
“หมายถึงใครครับ?”
“เด็กกูไง”
“ก็นายไม่เกริ่นชื่อ อยู่ ๆ ก็โพล่งขึ้นใครจะไปเดาใจถูก” ยอกย้อนกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความยียวน ทำเอาเจ้านายหนุ่มถึงกลับฉุน รีบสวนกลับไปด้วยเสียงขุ่นเคือง สีหน้าถมึงทึง
“ตอนนี้กูก็มีผู้หญิงที่ใกล้ชิดอยู่แค่คนเดียวไหมวะไอ้นี่!”
“ถ้าเป็นคุณข้าวสวย ผมว่าเธออยู่คนเดียวน่าจะสบายใจกว่า อีกอย่างอีกประเดี๋ยวนายก็จะย้ายไปกกอยู่กับเธอแล้วไม่ใช่เหรอ”
“กูแค่ไปชั่วคราว ไป ๆ มา ๆ ไม่ได้คิดจะไปอยู่ถาวรเว้ย”
“ผมจะคอยดู”
“นี่มึงเป็นลูกน้องกูจริงไหมเนี่ย ย้อนทุกดอกแล้วบอกเคารพนับถือ!”
เจ้านายหนุ่มส่งสายตาคาดโทษใส่ ทำเอาลูกน้องมือซ้ายสะดุ้งโหยง ก่อนจะยิ้มแหยพลางประจบประแจงแทบไม่ทัน
“แหม่ ๆ นายก็คิดมากไป ผมเคารพนับถือนายเสมอแหละ ก่อนหน้านี้เคยเคารพเท่าไหร่ตอนนี้ก็เคารพเท่านั้น”
“ให้มันจริงไอ้นี่!”
ควินตันตวัดสายตาขุ่นเคืองให้ไอ้ลูกน้องปีนเกลียวอีกหนึ่งที ก่อนจะก้มหน้าอ่านเอกสารต่ออย่างตั้งใจ เขาต้องสืบสาวหาหนอนบ่อนไส้ที่คนเป็นพ่อกล่าวถึงให้ได้ ไม่อย่างนั้นคงได้หวาดระแวงไม่จบสิ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทบ้าง
หลังจากที่มาเฟียหนุ่มตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็รีบจัดการอาบน้ำแต่งตัวพลางฉีดพรมน้ำหอมจนหอมฟุ้ง มาเคลียร์งานที่บริษัทอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะเดินผิวปากออกมาจากห้องทำงานประจำตำแหน่งอย่างอารมณ์ดีเพราะวันนี้เขามีนัดสำคัญ
“ท่านประธานใหญ่เรียกประชุมด่วนครับ”
เสียงของลูกน้องมือขวาควบตำแหน่งเลขาทำให้ฝีเท้าหนักหยุดชะงักกึก หันไปตวัดตามองอย่างไม่พอใจนัก
“เฮ้อ ประชุมห่าเหวอะไรนักวะ ประชุมแล้วไม่พัฒนาจะประชุมไปทำซากอะไร!”
มาเฟียหนุ่มในคราบท่านประธานกระแทกลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะสบถด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวอารมณ์เกรี้ยวกราด คนกำลังลั้นลาพอได้ยินดังนั้นก็ของขึ้น ทำเอาลูกน้องมือขวาที่ควบด้วยตำแหน่งเลขาส่วนตัวถึงกลับอึ้งเหวอ ใบหน้าเลิ่กลั่กเพราะกลัวว่าลูกน้องฝั่งท่านประธานใหญ่จะมาได้ยิน แต่เมื่อไม่เห็นใครสักคนก็ผ่อนลมหายใจโล่งอก
มาเฟียหนุ่มเอามือลูบใบหน้าคลายความหงุดหงิดใจ แล้วเบนฝีเท้าจากหน้าลิฟต์เป็นห้องประชุมแทน แต่เดินยังไม่ถึงไหนก็หยุดชะงักฝีเท้าอีกครั้งแล้วหันไปสั่งลูกน้องมือขวาด้วยใบหน้าปลงตก
“โทรไปบอกไอ้รอยให้พาเธอไปทำตามแพลนที่วางไว้”
“รับทราบครับ” โค้งหัวรับคำ ก่อนจะยกหูโทรศัพท์มือถือทำตามที่เจ้านายสั่งอย่างรวดเร็ว
การประชุมบอร์ดผู้บริหารและหัวหน้าแผนกต่าง ๆ แบบเร่งด่วนของท่านประธานใหญ่กินเวลาเนิ่นนานกว่าหลายชั่วโมง กระนั้นคนที่จิตใจงุ่นง่านเพราะไม่ได้เจอใบหน้าสวยหวานของเด็กเลี้ยงก็เอาแต่พะวงหน้าพะวงหลังไม่จบสิ้น ปลีกตัวขอไปเข้าห้องน้ำอยู่หลายครั้งหลายครา
[หลังจากทำผมที่ซาลอนเสร็จก็ต่อด้วยทำเล็บที่ร้านยอดฮิตของเซเลปคนดังครับ]
“เธอเป็นยังไงบ้าง?”
นี่เป็นครั้งที่สองของคำถามนี้ เขาเคยถามไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน นั่นเลยทำให้คิ้วของลูกน้องมือซ้ายขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจ
[ไม่ใช่ว่านายประชุมอยู่หรอกเหรอ โทรหาผมทุกหนึ่งชั่วโมงขนาดนี้ให้ผมโทรไปรายงานเองเลยไหมครับ นายจะได้ไม่ต้องกระวนกระวายใจจนต้องโทรมาเองแบบนี้]
แม้จะนึกขัดใจกับถ้อยคำประชดประชันของลูกน้องมือซ้าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเข้าท่าไม่เบา
“ก็ดี เอาตามนั้น”
[ผมประชด]
“แต่กูเอาจริง!”
[ครับ เฮ้อ]
ตกปากรับคำพลางลอบพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างเอือมระอาให้คนเป็นเจ้านายที่อาการหนักเอาการ แล้วทำตามคำสั่งอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยทุกหนึ่งชั่วโมงรอยจะโทรไปรายงานคนเป็นเจ้านาย จนตอนนี้ก็เข้าชั่วโมงที่สี่ได้แล้ว
[เธอทำเล็บเสร็จแล้ว เลือกทาเป็นสีชมพู น่าจะชมพูอ่อนหรือพาสเทลผมก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ เธอเพ้นท์เป็นรูปดอกเดซี่ครับ]
“แล้วเธอแฮปปี้ดีไหม?”
[ดีสิครับ ผู้หญิงกับความสวยความงามเป็นของคู่กันขนาดนี้]
“โอเค อย่าลืมโทรมารายงานชั่วโมงถัดไป”
[ครับนาย]
กดวางสายแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องประชุม ไม่รู้ว่าพ่อเขานึกครึ้มอะไรถึงได้นัดประชุมเร่งด่วน แถมยังกินเวลามาสี่ห้าชั่วโมงแล้ว แต่พอเข้ามาในห้องประชุมไม่นานนักมาเฟียหนุ่มก็ต้องลิงโลดด้วยความดีใจ เมื่อการประชุมอันแสนยาวนานได้สิ้นสุดลงแล้ว
“เดี๋ยวก่อนควินตัน”
กำลังจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงกัมปนาทเอ่ยเรียกรั้ง หันไปเลิกคิ้วถามคนเป็นพ่อก็ส่งสายตาว่ารอให้ทุกคนทยอยออกไปจากห้องประชุมก่อนจึงจะปริปากบอก เขาจึงต้องยืนรอจนกระทั่งทุกคนออกไปจนหมดแล้ว
“ว่าไงครับท่านประธานใหญ่?” ถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า เรียกสายตาขุ่นเคืองได้ไม่น้อย
“แกฉี่ทุกชั่วโมงเลยนะ”
“คนเรามันห้ามฉี่ได้ด้วยเหรอ ใครจะไปเหมือนท่านประธานที่ระบงระบบต่าง ๆ ในร่างกายเริ่มเสื่อมจนทำงานไม่ค่อยปกติอ่ะ”
“ไอ้ลูกเวร!”
“ด่ากันขนาดนี้ก็เรียกลูกทรพีเลยเหอะ”
“ไอ้ลูกทรพี!”
“พ่อก็เอาจริงเกิ้น”
“เมื่อไหร่จะมีเมีย จะปล่อยให้ตัวเองแห้งเหี่ยวตายหรือไง”
“ถ้ามีแล้วยังละเลิกกิเลสเอาแค่เมียคนเดียวไม่ได้ผมก็ยังไม่อยากมี”
คนเป็นลูกชายอดที่จะกระแหนะกระแหนและกระทบกระทั่งคนเป็นพ่อไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากเจริญรอยตามพ่อ จึงต้องรอให้ทุกอย่างชัดเจนหรือมั่นใจเสียก่อน ไม่ใช่ว่ามีบนหิ้งแล้วยังไปหาเศษหาเลยกับคนอื่นอีก แบบนี้เขารับไม่ได้
“เงินหลายล้านที่แกทุ่มให้ผู้หญิงคนเมื่อวานซืนนี่ไม่ได้จริงจัง?”
“ตกลงมี CCTV ติดตามผมตลอดเวลาจริงสินะ”
“อย่าปล่อยให้เด็กผลาญเงินหมดตัวแล้วกัน ตัวอย่างจากพ่อแกก็มีให้เห็น”
“ผมคงไม่โง่เจริญรอยตามพ่อหรอก ขอบคุณที่หวังดีช่วยเตือนสติ แค่นี้ใช่ไหมจะได้ไปทำงานต่อ”
“เออ”
พอได้รับคำตอบก็โค้งศีรษะให้คนเป็นพ่อ จากนั้นก็เดินออกจากห้องประชุมไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก พอมาถึงห้องทำงานก็กระแทกก้นนั่งบนเก้าอี้อย่างแรง แล้วกระแทกลมหายใจออกมารัว ๆ เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
นั่งก้นติดกับเก้าอี้ได้ยังไม่ทันถึงห้านาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แล้วตามด้วยเสียงทุ้มของเลขาส่วนตัว ทำเอาท่านประธานหนุ่มต้องจิปากด้วยความหงุดหงิด
“คุณการันต์ หัวหน้าฝ่ายการตลาดทีมสองขอเข้าพบครับ”
“ให้เข้ามา”
สิ้นเสียงอนุญาตประตูห้องก็เปิดออกพร้อมร่างหนาที่เดินเข้ามาในห้อง
“สวัสดีครับบอส ผมเอาแผนงานสินค้าที่จะปรับปรุงใหม่มาให้ดู”
เจ้าของตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาดทีมสองกล่าวทักทายแล้ววางแผนงานลงตรงหน้าท่านประธานหนุ่มไฟแรง มาเฟียหนุ่มที่อยู่ในคราบท่านประธานจึงพยักหน้ารับแล้วหยิบขึ้นมาดู
ควินตันกวาดสายตาอ่านข้อมูลในเอกสารไปคิ้วก็ขมวดยุ่งไปด้วย ก่อนจะตบแผ่นกระดาษลงบนโต๊ะเสียงดังลั่น ทำเอาเจ้าของแผนงานสะดุ้งตกใจอย่างแรง
“ทำงานห่วยแตกแบบนี้ไงยอดขายถึงไม่กระเตื้อง!”
“ขะ..ขอโทษครับบอส”
“ไปแก้มาใหม่ พัฒนาให้ผมเห็น ไม่อย่างนั้นก็เตรียมเซ็นใบลาออก เพราะผมไม่มีทางเก็บคนไม่มีประสิทธิภาพเอาไว้ในบริษัท!”
“ครับ ๆ ผมจะทำให้ดีที่สุด!” หัวหน้าฝ่ายการตลาดทีมสองรับคำด้วยน้ำเสียงลนลาน แล้วรีบลุกลี้ลุกลนหอบเอาแผนงานออกจากห้องไป
หลังจากที่หัวหน้าฝ่ายการตลาดทีมสองออกไปจากห้องได้ไม่นาน เลขาคนสนิทอย่างลีออนก็เดินเข้ามาถามไถ่อย่างรู้งาน
“จิบชาหรือกาแฟยามบ่ายดีครับท่านประธาน?”
“ไอ้รอยโทรมาหรือยัง?”
“เมนูนี้ไม่มีนะครับ”
เพราะรู้ดีว่าเวลาที่เจ้านายอารมณ์ไม่ดีจะต้องกวนประสาทจึงจะอาการดีขึ้น เขาจึงกล้าที่จะต่อปากต่อคำแม้จะเย็นสันหลังวาบก็ตาม
“อย่ามากวนส้น รีบบอกมา”
“ไม่ได้รับรู้การเคลื่อนไหวแค่หนึ่งชั่วโมงถึงกับจะอกแตกตายเลยเหรอครับท่าน” เล่นลิ้นถามกลับด้วยใบหน้ายียวนชวนให้โมโห ทำเอาเจ้านายคล้อยตามจนเกือบเผลอปากพูดยอมรับ
“เออ...ไม่ใช่เว้ย ก็แค่แบบอยากรู้ว่าเป็นยังไง พอใจกับสิ่งที่กูลงทุนทำให้หรือเปล่า กูเพิ่งเคยเลี้ยงเด็กเป็นครั้งแรกมึงไม่เข้าใจหรอก”
“รู้ครับว่าเห่อ”
“อันนี้ก็รู้ดีเกิน!”
“ตกลงว่าชาหรือกาแฟครับ?”
“ตกลงว่าไอ้รอยโทรมาหรือยัง?”
ต่างฝ่ายต่างถามเพื่อให้ได้คำตอบของตัวเอง โดยที่ไม่สนใจคำถามของอีกฝ่าย เรียกได้ว่าช่างสมกันจริง ๆ ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง
“ระหว่างโดนตีนกับหักเงินเดือนมึงจะเอาอะไร?”
“มันโทรมาก่อนหน้านี้แต่นายไม่ว่างผมจึงรับเรื่องมาแทน คุณข้าวสวยกลับถึงเพนท์เฮ้าส์เป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้น่าจะกำลังพักผ่อนอยู่ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเธอทานข้าวเรียบร้อยแล้ว”
“บอกแต่แรกก็จบ แม่งเล่นลิ้นกวนตีนกูอยู่ได้!”
“บอกง่าย ๆ ก็ไม่เร้าใจสิครับ”
“เดือนนี้มึงโดนหักเงินเดือน!”
มาเฟียหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ทำเอาคนที่กำลังจะโดนหักเงินเดือนถึงกลับใบหน้าสลด เอ่ยเสียงแผ่วเบาลงจนแทบไม่ได้ยิน
“นายยยยย...ครับ”