บทที่ 6 รายงานทุกชั่วโมง

2467 คำ
ขาเรียวยาวก้าวเข้ามาในห้องทำงานของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบิดา หากเขาเป็นประธานบริษัทที่พนักงานเคารพนับถือแล้วคนที่ยิ่งใหญ่กว่าเขาจนไม่มีใครกล้าหือก็คงเป็นคนคนนี้ หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือพ่อเขาเป็นท่านประธานใหญ่ ที่ส่งต่อตำแหน่งมาให้เขาอีกที “ได้ข่าวมีคนลอบทำร้ายแก” คธา ชายสูงวัยที่มีท่วงทีน่าเกรงขามเปิดประโยคถามขึ้นทันทีที่เห็นใบหน้าของลูกชายก้าวเข้ามาในห้อง “หูตาจมูกไวเหมือน...ดีเนอะพ่อ” เว้นคำเปรียบเปรยเอาไว้ ไม่ยอมพูดออกมาตรง ๆ เพราะอยากกวนประสาทคนเป็นพ่อเล่น หากแต่อีกคนกลับรู้ดีว่าคำคำนั้นคืออะไร จึงได้ตวัดตาดุพลางทำเสียงคุกรุ่นใส่ “กูเป็นพ่อมึงนะ!” “ใครบอกไม่ใช่ เมื่อกี้ก็ยังลงท้ายว่าพ่ออยู่นะ เช็กหูบ้างยัง ตึงหมดแล้วมั้ง” ต่อปากต่อคำต่อแบบไม่สะทกสะท้าน ยิ่งทำให้คนที่ของขึ้นอยู่แล้วยิ่งของขึ้นไปใหญ่ ใบหน้าเหี่ยวย่นฉายแววเอาเรื่องเต็มที่ “ไอ้ควินตัน!” “ผมปลอดภัยดีน่า ไม่งั้นคงไม่มายืนหัวโด่อยู่แบบนี้หรอก” “แล้วตอบดี ๆ มันจะตายหรือไง!” “ก็เหมือนลมหายใจจะขาดห้วงอยู่นะ” “ไอ้นี่! ว่าแต่พวกมันเป็นใครให้จัดการให้ไหม” เบื่อที่จะต่อปากต่อคำกับลูกชายตัวดีจึงถามเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งเรื่องยอกย้อนพ่อตัวเองเก่งเกินใครต้องยกให้ควินตันคนนี้ ทำให้คนที่เลี้ยงดูมาแต่อ้อนแต่ออกหัวร้อนปุด ๆ ได้อยู่เสมอ “พ่อหวังดีตลอด แต่ไม่เป็นไรผมรับมือไหว มันแค่ต้องการหยอกเฉย ๆ” “แน่ใจ?” “ผมมั่นหน้าขนาดนี้ก็ช่วยเชื่อหน่อยเหอะ ว่าแต่มีอะไรถึงเรียกพบ คงไม่ได้จะถามแค่นี้หรอกใช่ป่ะ” หรี่ตาถามอย่างรู้ทัน นั่นเลยทำให้คนเป็นพ่อยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจในความชาญฉลาดของลูกชาย “ในบริษัทเหมือนจะมีหนอนบ่อนไส้” “พ่อไปได้เรื่องนี้มาจากไหน?” “หูตาฉันมีเยอะแยะ แต่จับไม่ได้ว่าไอ้หนอนบ่อนไส้นั่นเป็นใคร ฉันเลยจะให้แกจัดการตามหาตัวมัน” “รู้ว่ามีคนทำแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร ลูกน้องพ่อก็กระจอกอยู่นะว่าไป” แสยะยิ้มมุมปากเย้ยหยัน ชำเลืองมองลูกน้องอาวุโสของคนเป็นพ่อที่ยืนอยู่มุมห้องเล็กน้อย ทว่าคนเป็นพ่อกลับไม่ได้สะทกสะท้านใด ๆ ต่อคำกล่าวติงของลูกชาย ใบหน้าเหี่ยวย่นยังคงราบเรียบเช่นเดิม “ฉันยกให้แกแล้วมันเป็นหน้าที่แกต้องจัดการต่อ แต่บอกไว้เลยว่าฉันจะไม่ปล่อยให้บริษัทที่สร้างมากับมือพังลงเพราะความไม่ประสาของแกอย่างเด็ดขาด ตราบใดที่ยังทำให้ฉันวางใจไม่ได้ฉันก็จะคอยจับตาดูแกต่อไป” “ก็ทำเอาซะนึกว่ามี CCTV จับตามองตลอดเวลา!” “หึ” ท่านประธานใหญ่แค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะมองตามแผ่นหลังของลูกชายตัวดีที่ค่อย ๆ หายไปจากครรลองสายตาเมื่อเขาเดินออกจากห้องไป “ปีนี้มันก็อายุยี่สิบเก้าแล้ว คิดว่าเมื่อไหร่มันจะมีเมียมีลูกวะไอ้เทิด?” ละสายตาจากประตูห้องแล้วหันไปถามความเห็นของลูกน้องคนสนิทชื่อเทิดศักดิ์ ผู้ซึ่งรับใช้คธามาเกือบสามสิบกว่าปี จนเรียกได้ว่าเป็นสหายที่รู้ใจกันมากที่สุด นั่นเลยทำให้คนที่ถูกถามต้องเค้นสมองพินิจพิจารณานายน้อง “ผมว่าน่าจะอีกนาน เพราะคุณควินตันไม่ชอบความรำคาญ ไม่ชอบที่ต้องมาตามใจใคร” “งั้นเหรอวะ” มาเฟียรุ่นใหญ่พึมพำเสียงเบาด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก มุมปากกดลึกเป็นรอยยิ้มดูเจ้าเล่ห์ราวกับได้รับรู้อะไรบางอย่างมามากกว่าที่พูดกับบุตรชายไป หลังจากที่กลับมาจากห้องทำงานของท่านประธานใหญ่หรือคนเป็นพ่อ มาเฟียหนุ่มควินตันก็เข้ามาหมกตัวอยู่ในห้องทำงานต่อ ขณะที่สายตากวาดอ่านเอกสารรายงานที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติก็ขยับปากถามลูกน้องมือซ้าย เมื่อเรื่องของเด็กเลี้ยงคนสวยเอาแต่รบกวนในสมองไม่คลาย “มึงคิดว่ากูควรจ้างแม่บ้านประจำสักคนไว้คอยอยู่เป็นเพื่อนเธอดีไหม?” “หมายถึงใครครับ?” “เด็กกูไง” “ก็นายไม่เกริ่นชื่อ อยู่ ๆ ก็โพล่งขึ้นใครจะไปเดาใจถูก” ยอกย้อนกลับไปด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความยียวน ทำเอาเจ้านายหนุ่มถึงกลับฉุน รีบสวนกลับไปด้วยเสียงขุ่นเคือง สีหน้าถมึงทึง “ตอนนี้กูก็มีผู้หญิงที่ใกล้ชิดอยู่แค่คนเดียวไหมวะไอ้นี่!” “ถ้าเป็นคุณข้าวสวย ผมว่าเธออยู่คนเดียวน่าจะสบายใจกว่า อีกอย่างอีกประเดี๋ยวนายก็จะย้ายไปกกอยู่กับเธอแล้วไม่ใช่เหรอ” “กูแค่ไปชั่วคราว ไป ๆ มา ๆ ไม่ได้คิดจะไปอยู่ถาวรเว้ย” “ผมจะคอยดู” “นี่มึงเป็นลูกน้องกูจริงไหมเนี่ย ย้อนทุกดอกแล้วบอกเคารพนับถือ!” เจ้านายหนุ่มส่งสายตาคาดโทษใส่ ทำเอาลูกน้องมือซ้ายสะดุ้งโหยง ก่อนจะยิ้มแหยพลางประจบประแจงแทบไม่ทัน “แหม่ ๆ นายก็คิดมากไป ผมเคารพนับถือนายเสมอแหละ ก่อนหน้านี้เคยเคารพเท่าไหร่ตอนนี้ก็เคารพเท่านั้น” “ให้มันจริงไอ้นี่!” ควินตันตวัดสายตาขุ่นเคืองให้ไอ้ลูกน้องปีนเกลียวอีกหนึ่งที ก่อนจะก้มหน้าอ่านเอกสารต่ออย่างตั้งใจ เขาต้องสืบสาวหาหนอนบ่อนไส้ที่คนเป็นพ่อกล่าวถึงให้ได้ ไม่อย่างนั้นคงได้หวาดระแวงไม่จบสิ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทบ้าง หลังจากที่มาเฟียหนุ่มตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็รีบจัดการอาบน้ำแต่งตัวพลางฉีดพรมน้ำหอมจนหอมฟุ้ง มาเคลียร์งานที่บริษัทอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนจะเดินผิวปากออกมาจากห้องทำงานประจำตำแหน่งอย่างอารมณ์ดีเพราะวันนี้เขามีนัดสำคัญ “ท่านประธานใหญ่เรียกประชุมด่วนครับ” เสียงของลูกน้องมือขวาควบตำแหน่งเลขาทำให้ฝีเท้าหนักหยุดชะงักกึก หันไปตวัดตามองอย่างไม่พอใจนัก “เฮ้อ ประชุมห่าเหวอะไรนักวะ ประชุมแล้วไม่พัฒนาจะประชุมไปทำซากอะไร!” มาเฟียหนุ่มในคราบท่านประธานกระแทกลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะสบถด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวอารมณ์เกรี้ยวกราด คนกำลังลั้นลาพอได้ยินดังนั้นก็ของขึ้น ทำเอาลูกน้องมือขวาที่ควบด้วยตำแหน่งเลขาส่วนตัวถึงกลับอึ้งเหวอ ใบหน้าเลิ่กลั่กเพราะกลัวว่าลูกน้องฝั่งท่านประธานใหญ่จะมาได้ยิน แต่เมื่อไม่เห็นใครสักคนก็ผ่อนลมหายใจโล่งอก มาเฟียหนุ่มเอามือลูบใบหน้าคลายความหงุดหงิดใจ แล้วเบนฝีเท้าจากหน้าลิฟต์เป็นห้องประชุมแทน แต่เดินยังไม่ถึงไหนก็หยุดชะงักฝีเท้าอีกครั้งแล้วหันไปสั่งลูกน้องมือขวาด้วยใบหน้าปลงตก “โทรไปบอกไอ้รอยให้พาเธอไปทำตามแพลนที่วางไว้” “รับทราบครับ” โค้งหัวรับคำ ก่อนจะยกหูโทรศัพท์มือถือทำตามที่เจ้านายสั่งอย่างรวดเร็ว การประชุมบอร์ดผู้บริหารและหัวหน้าแผนกต่าง ๆ แบบเร่งด่วนของท่านประธานใหญ่กินเวลาเนิ่นนานกว่าหลายชั่วโมง กระนั้นคนที่จิตใจงุ่นง่านเพราะไม่ได้เจอใบหน้าสวยหวานของเด็กเลี้ยงก็เอาแต่พะวงหน้าพะวงหลังไม่จบสิ้น ปลีกตัวขอไปเข้าห้องน้ำอยู่หลายครั้งหลายครา [หลังจากทำผมที่ซาลอนเสร็จก็ต่อด้วยทำเล็บที่ร้านยอดฮิตของเซเลปคนดังครับ] “เธอเป็นยังไงบ้าง?” นี่เป็นครั้งที่สองของคำถามนี้ เขาเคยถามไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน นั่นเลยทำให้คิ้วของลูกน้องมือซ้ายขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจ [ไม่ใช่ว่านายประชุมอยู่หรอกเหรอ โทรหาผมทุกหนึ่งชั่วโมงขนาดนี้ให้ผมโทรไปรายงานเองเลยไหมครับ นายจะได้ไม่ต้องกระวนกระวายใจจนต้องโทรมาเองแบบนี้] แม้จะนึกขัดใจกับถ้อยคำประชดประชันของลูกน้องมือซ้าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเข้าท่าไม่เบา “ก็ดี เอาตามนั้น” [ผมประชด] “แต่กูเอาจริง!” [ครับ เฮ้อ] ตกปากรับคำพลางลอบพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ อย่างเอือมระอาให้คนเป็นเจ้านายที่อาการหนักเอาการ แล้วทำตามคำสั่งอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง โดยทุกหนึ่งชั่วโมงรอยจะโทรไปรายงานคนเป็นเจ้านาย จนตอนนี้ก็เข้าชั่วโมงที่สี่ได้แล้ว [เธอทำเล็บเสร็จแล้ว เลือกทาเป็นสีชมพู น่าจะชมพูอ่อนหรือพาสเทลผมก็ไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ ๆ เธอเพ้นท์เป็นรูปดอกเดซี่ครับ] “แล้วเธอแฮปปี้ดีไหม?” [ดีสิครับ ผู้หญิงกับความสวยความงามเป็นของคู่กันขนาดนี้] “โอเค อย่าลืมโทรมารายงานชั่วโมงถัดไป” [ครับนาย] กดวางสายแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องประชุม ไม่รู้ว่าพ่อเขานึกครึ้มอะไรถึงได้นัดประชุมเร่งด่วน แถมยังกินเวลามาสี่ห้าชั่วโมงแล้ว แต่พอเข้ามาในห้องประชุมไม่นานนักมาเฟียหนุ่มก็ต้องลิงโลดด้วยความดีใจ เมื่อการประชุมอันแสนยาวนานได้สิ้นสุดลงแล้ว “เดี๋ยวก่อนควินตัน” กำลังจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงกัมปนาทเอ่ยเรียกรั้ง หันไปเลิกคิ้วถามคนเป็นพ่อก็ส่งสายตาว่ารอให้ทุกคนทยอยออกไปจากห้องประชุมก่อนจึงจะปริปากบอก เขาจึงต้องยืนรอจนกระทั่งทุกคนออกไปจนหมดแล้ว “ว่าไงครับท่านประธานใหญ่?” ถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า เรียกสายตาขุ่นเคืองได้ไม่น้อย “แกฉี่ทุกชั่วโมงเลยนะ” “คนเรามันห้ามฉี่ได้ด้วยเหรอ ใครจะไปเหมือนท่านประธานที่ระบงระบบต่าง ๆ ในร่างกายเริ่มเสื่อมจนทำงานไม่ค่อยปกติอ่ะ” “ไอ้ลูกเวร!” “ด่ากันขนาดนี้ก็เรียกลูกทรพีเลยเหอะ” “ไอ้ลูกทรพี!” “พ่อก็เอาจริงเกิ้น” “เมื่อไหร่จะมีเมีย จะปล่อยให้ตัวเองแห้งเหี่ยวตายหรือไง” “ถ้ามีแล้วยังละเลิกกิเลสเอาแค่เมียคนเดียวไม่ได้ผมก็ยังไม่อยากมี” คนเป็นลูกชายอดที่จะกระแหนะกระแหนและกระทบกระทั่งคนเป็นพ่อไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากเจริญรอยตามพ่อ จึงต้องรอให้ทุกอย่างชัดเจนหรือมั่นใจเสียก่อน ไม่ใช่ว่ามีบนหิ้งแล้วยังไปหาเศษหาเลยกับคนอื่นอีก แบบนี้เขารับไม่ได้ “เงินหลายล้านที่แกทุ่มให้ผู้หญิงคนเมื่อวานซืนนี่ไม่ได้จริงจัง?” “ตกลงมี CCTV ติดตามผมตลอดเวลาจริงสินะ” “อย่าปล่อยให้เด็กผลาญเงินหมดตัวแล้วกัน ตัวอย่างจากพ่อแกก็มีให้เห็น” “ผมคงไม่โง่เจริญรอยตามพ่อหรอก ขอบคุณที่หวังดีช่วยเตือนสติ แค่นี้ใช่ไหมจะได้ไปทำงานต่อ” “เออ” พอได้รับคำตอบก็โค้งศีรษะให้คนเป็นพ่อ จากนั้นก็เดินออกจากห้องประชุมไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก พอมาถึงห้องทำงานก็กระแทกก้นนั่งบนเก้าอี้อย่างแรง แล้วกระแทกลมหายใจออกมารัว ๆ เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง ก๊อก ก๊อก ก๊อก! นั่งก้นติดกับเก้าอี้ได้ยังไม่ทันถึงห้านาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แล้วตามด้วยเสียงทุ้มของเลขาส่วนตัว ทำเอาท่านประธานหนุ่มต้องจิปากด้วยความหงุดหงิด “คุณการันต์ หัวหน้าฝ่ายการตลาดทีมสองขอเข้าพบครับ” “ให้เข้ามา” สิ้นเสียงอนุญาตประตูห้องก็เปิดออกพร้อมร่างหนาที่เดินเข้ามาในห้อง “สวัสดีครับบอส ผมเอาแผนงานสินค้าที่จะปรับปรุงใหม่มาให้ดู” เจ้าของตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาดทีมสองกล่าวทักทายแล้ววางแผนงานลงตรงหน้าท่านประธานหนุ่มไฟแรง มาเฟียหนุ่มที่อยู่ในคราบท่านประธานจึงพยักหน้ารับแล้วหยิบขึ้นมาดู ควินตันกวาดสายตาอ่านข้อมูลในเอกสารไปคิ้วก็ขมวดยุ่งไปด้วย ก่อนจะตบแผ่นกระดาษลงบนโต๊ะเสียงดังลั่น ทำเอาเจ้าของแผนงานสะดุ้งตกใจอย่างแรง “ทำงานห่วยแตกแบบนี้ไงยอดขายถึงไม่กระเตื้อง!” “ขะ..ขอโทษครับบอส” “ไปแก้มาใหม่ พัฒนาให้ผมเห็น ไม่อย่างนั้นก็เตรียมเซ็นใบลาออก เพราะผมไม่มีทางเก็บคนไม่มีประสิทธิภาพเอาไว้ในบริษัท!” “ครับ ๆ ผมจะทำให้ดีที่สุด!” หัวหน้าฝ่ายการตลาดทีมสองรับคำด้วยน้ำเสียงลนลาน แล้วรีบลุกลี้ลุกลนหอบเอาแผนงานออกจากห้องไป หลังจากที่หัวหน้าฝ่ายการตลาดทีมสองออกไปจากห้องได้ไม่นาน เลขาคนสนิทอย่างลีออนก็เดินเข้ามาถามไถ่อย่างรู้งาน “จิบชาหรือกาแฟยามบ่ายดีครับท่านประธาน?” “ไอ้รอยโทรมาหรือยัง?” “เมนูนี้ไม่มีนะครับ” เพราะรู้ดีว่าเวลาที่เจ้านายอารมณ์ไม่ดีจะต้องกวนประสาทจึงจะอาการดีขึ้น เขาจึงกล้าที่จะต่อปากต่อคำแม้จะเย็นสันหลังวาบก็ตาม “อย่ามากวนส้น รีบบอกมา” “ไม่ได้รับรู้การเคลื่อนไหวแค่หนึ่งชั่วโมงถึงกับจะอกแตกตายเลยเหรอครับท่าน” เล่นลิ้นถามกลับด้วยใบหน้ายียวนชวนให้โมโห ทำเอาเจ้านายคล้อยตามจนเกือบเผลอปากพูดยอมรับ “เออ...ไม่ใช่เว้ย ก็แค่แบบอยากรู้ว่าเป็นยังไง พอใจกับสิ่งที่กูลงทุนทำให้หรือเปล่า กูเพิ่งเคยเลี้ยงเด็กเป็นครั้งแรกมึงไม่เข้าใจหรอก” “รู้ครับว่าเห่อ” “อันนี้ก็รู้ดีเกิน!” “ตกลงว่าชาหรือกาแฟครับ?” “ตกลงว่าไอ้รอยโทรมาหรือยัง?” ต่างฝ่ายต่างถามเพื่อให้ได้คำตอบของตัวเอง โดยที่ไม่สนใจคำถามของอีกฝ่าย เรียกได้ว่าช่างสมกันจริง ๆ ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง “ระหว่างโดนตีนกับหักเงินเดือนมึงจะเอาอะไร?” “มันโทรมาก่อนหน้านี้แต่นายไม่ว่างผมจึงรับเรื่องมาแทน คุณข้าวสวยกลับถึงเพนท์เฮ้าส์เป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้น่าจะกำลังพักผ่อนอยู่ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะเธอทานข้าวเรียบร้อยแล้ว” “บอกแต่แรกก็จบ แม่งเล่นลิ้นกวนตีนกูอยู่ได้!” “บอกง่าย ๆ ก็ไม่เร้าใจสิครับ” “เดือนนี้มึงโดนหักเงินเดือน!” มาเฟียหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ทำเอาคนที่กำลังจะโดนหักเงินเดือนถึงกลับใบหน้าสลด เอ่ยเสียงแผ่วเบาลงจนแทบไม่ได้ยิน “นายยยยย...ครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม