บทที่ 7 แมวไม่อยู่หนูร่าเริง

2545 คำ
การไม่ได้เจอคนที่มีใบหน้าสวยหวานวนเวียนหรือหลอกหลอนในหัวสองวันเต็ม ทำให้มาเฟียหนุ่มกระสับกระส่ายจนจิตใจงุ่นง่านไปหมด จึงตัดสินใจสั่งให้คนรับใช้เก็บข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าไปส่งที่เพนท์เฮ้าส์ “คุณย้ายของมาแล้วเหรอคะ?” เสียงหวานเจือดีใจเอ่ยทักทายขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงเดินเข้ามาในเพนท์เฮ้าส์ หลังจากที่ไม่ได้เห็นหน้าเขามาสองวันเต็ม ร่างบางที่สวยขึ้นผิดหูผิดตาทำเอาหัวใจแกร่งสั่นไหว สวยอยู่แล้วยิ่งสวยมากกว่าเดิม ปรายตาพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยนัยน์ตาลุ่มลึกยากที่จะคาดเดา ผมสลวยถูกย้อมใหม่เป็นสีน้ำตาลเข้มคล้ายสีช็อกโกแลต เล็บที่ถูกเพ้นท์ใหม่ดูสวยน่าดึงดูด ขนตางามงอนและใบหน้าสวยใสทำให้เขาอดใจไม่ไหว ดึงเธอเข้ามาสวมกอดแนบอกโดยไม่ยี่หระต่อสายตาของลูกน้องนับสิบที่ช่วยกันขนของเข้ามาด้านใน “คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า?” ถามเสียงกระเส่า ทำเอาคนถูกถามหัวใจเต้นสั่นระรัว ปากที่กำลังจะอ้าตอบชะงักเมื่อเขาพูดดักทาง “หนู...” “ถ้าบอกว่าไม่คิดถึงฉันจะริบของที่ซื้อให้คืน” “คิดถึงก็ได้ค่ะ” “ถ้าคิดถึงแล้วควรทำยังไง” มาเฟียหนุ่มผละออกห่าง กดตัวโน้มใบหน้าลงไปให้อยู่ในระดับเดียวกัน เอานิ้วเรียวแตะที่แก้มสากเป็นการบอกนัย ๆ ให้เธอรู้ว่าควรทำเช่นไร ซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่ได้ซื่อบื้อจนไม่รู้ว่าเขาต้องการสิ่งใด รีบกดจมูกลงบนแก้มสากอย่างไม่อิดออด นั่นเลยทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก “เด็กดี” เอามือลูบหัวกล่าวชมเชย ก่อนจะกดจมูกฝังแก้มขาวนวลคืนฟอดใหญ่ ทำเอาลูกน้องเหม็นความรักกันถ้วนหน้า รีบพากันขนของและเอาตัวเองออกไปจากตรงนี้โดยเร็วไว หลังจากที่ลูกน้องช่วยกันขนข้าวของและจัดห้องให้ผู้เป็นเจ้านายจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ภายในเพนท์เฮ้าส์ก็เหลือเพียงมาเฟียหนุ่มและเด็กเลี้ยงของเขา “นั่นห้องทำงานฉัน ห้ามเข้าไปยุ่งวุ่นวายโดยเด็ดขาด เพราะในนั้นมีเอกสารสำคัญเรื่องงานเก็บไว้อยู่” “เข้าใจค่ะ” ข้าวสวยพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย นั่นเลยทำให้มาเฟียหนุ่มนึกเอ็นดูปนชอบใจมากไม่น้อย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบมองใบหน้าสวยหวานของเธอมากเช่นนี้ ราวกับถูกต้องมนต์สะกดให้ตราตรึงใจ “แล้วห้องนั้นล่ะ?” ชี้นิ้วถามด้วยความอยากรู้ปนสงสัย เพราะเห็นลูกน้องของเขาขนข้าวของเข้าไปในอีกห้องที่อยู่เยื้องกันด้วย “ห้องเก็บอาวุธ” “คุณต้องไปรบด้วยเหรอคะ?” หันขวับไปถามด้วยความอึ้งทึ่ง หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ ดวงตากลมโตสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่นใจ “คิดว่ายังไงล่ะ ฉันเป็นมาเฟียนะ” “คงไม่มีระเบิดที่จู่ ๆ ก็บึ้มนะ” “อันนี้เว่อร์ ระเบิดยังไม่ได้ดึงสลักที่ไหนจะบึ้ม” “แปลว่าในนั้นมีระเบิดเหรอคะ!?” “ตื่นตระหนกไม่เข้าเรื่อง ฉันไม่เอาของพวกนั้นมาเก็บไว้ที่นี่หรอก มีแค่อาวุธเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้ป้องกันตัว” “อ้อ” ผงกหัวรับพลางลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนที่ข้อมือขาวจะถูกดึงให้เดินตามไปนั่งลงบนโซฟาตัวยาว “ไหนขอดูหน่อยว่าไปเสริมสวยมาแล้วเป็นยังไงบ้าง” ว่าจบก็ไล่สายตาพินิจพิจารณาร่างบางอีกหน ดวงตาคมทอแสงประกาย กลางนัยน์ตาฉายแววหิวกระหายอย่างชัดเจนจนปิดไม่มิด ทำเอาคนโดนจดจ้องรู้สึกเสียววาบราวกับจะถูกเขาจับเขมือบลงท้องอยู่รอมร่อ “อีกเดือนกว่า ๆ นะคะอย่าลืม” “ทำเป็นย้ำ ทีวันนั้นล่ะอยากให้ฉันใส่” “ก็คุณ...ร้อนแรง” พูดเสียงเบาและขาดห้วง เมื่อภาพเหตุการณ์ที่เธอนอนบิดเร่าพลางครางกระเส่าใต้ร่างของเขาในรถยนต์วันนั้นลอยเข้ามาในหัว ตอกย้ำความน่าอับอายจนใบหน้าร้อนผ่าวราวถูกไฟอังหน้า “ฉันร้อนแรงได้มากกว่านี้อีก ถ้าอยากลองต้องรีบอายุยี่สิบ” “หนูไม่ได้มีไทม์แมชชีนนะคะจะได้เร่งวันเวลาได้” ทำหน้ามุ่ยกับจมูกย่นใส่ สร้างความมันเขี้ยวให้เขาได้เป็นอย่างมาก “ทำไม่ได้ก็โดนฉันนวดนมไปก่อนละกัน” ว่าจบก็ดันร่างบางนอนราบกับโซฟา ขยับตามไปขึ้นคร่อมร่าง เลิกเสื้อขึ้นสูงเหนือเนินเนื้อ เมื่อปราการที่ใช้ประคองเต้าอวบหลุดออกพ้นทางก็ตะโบมเรียวปากดูดดุนจุกยอดและบีบขย้ำสองเต้าแบบไม่หยุดพัก ทำเอาเสียงหวานครางกระเส่าในลำคอดังต่อเนื่องเคล้ากับเสียงคำรามต่ำของคนกระทำการอุกอาจ [KHAOSUAY TALK] คุณควินตันย้ายมาอยู่กับเด็กเลี้ยงอย่างฉันที่เพนท์เฮ้าส์ได้ไม่กี่วันก็มีภารกิจให้ต้องไปทำให้เสร็จสิ้น นั่นก็คือการคุยเรื่องธุรกิจที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจนัก “ฉันต้องไปทำงานที่ฮ่องกงสามวัน จะให้ไอ้รอยคอยดูแลเธอ ต้องการอะไรบอกมันได้ตลอด” ได้ยินที่เขาบอกฉันก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ คุณรอยเป็นคนใจดีและคอยดูแลฉันอยู่แล้วจึงไม่ค่อยอึดอัดใจเวลาอยู่ด้วยสักเท่าไหร่นัก “ไปล่ะ” ร่ำลาจบคุณควินตันก็เดินออกจากห้องไป ภายในห้องโถงกว้างนี้จึงเหลือแค่ฉันกับคุณรอย ซึ่งคุณรอยจะอยู่ดูแลฉันแค่บริเวณมุมห้องโถงเท่านั้น เพราะเขาไม่ได้รับอนุญาตให้รุกล้ำบริเวณส่วนอื่น หากจำเป็นจะต้องได้รับอนุญาตจากคุณควินตันก่อนเท่านั้น ตอนแรกฉันก็ดีใจที่มีอิสระ สามารถทำอะไรได้ตามที่ใจต้องการในระหว่างที่คุณควินตันไม่อยู่ หากแต่พอไม่มีอะไรให้ทำมากนักก็รู้สึกเบื่อ ขนาดมีคุณรอยมาอยู่เป็นเพื่อนก็รู้สึกเหงาอยู่ดี เพราะเขาเอาทำแต่นั่งทำหน้าเรียบนิ่งไม่บ่งบอกอารมณ์หรือความรู้สึกใด ๆ จะว่าไปก็คิดถึงเขาเหมือนกัน... “ไม่มีอะไรให้ทำเลยอ่ะ” บ่นกระปอดกระแปดพลางพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ “อยากไปช็อปปิ้งหรือเปล่า?” “โน ๆ ค่ะ ช็อปปิ้งไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลย ยิ่งใช้เงินยิ่งเครียด” รีบปัดมือปฏิเสธข้อเสนอของคุณรอยโดยเร็ว การช็อปปิ้งไม่ใช่สิ่งที่ฉันพึงชอบ หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่าเรื่องใช้เงินไม่ใช่สิ่งที่ถนัดน่าจะถูกกว่า “แต่เธอขูดเลือดขูดเนื้อนายได้จะเสียดายเงินทำไม” หรี่ตาถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจให้ฉัน “ใช้เงินคนอื่นไม่เห็นจะสบายใจตรงไหน ใช้เงินของตัวเองสบายใจกว่าเยอะเลย” แม้ก่อนหน้านี้จะคิดว่าต้องใช้เงินเขาให้คุ้ม พอเอาเข้าจริงกลับตัดใจทำไม่ลง นึกเห็นใจเขาซะงั้น “แต่เธอก็เลือกชีวิตแบบนี้แล้วนี่” “ก็จริง” พูดเสียงเบา อดสมเพชให้ตัวเองไม่ได้ แต่จิตใจยังไม่ทันดิ่งลงลึกเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดึงสติขึ้นมาได้เสียก่อน Rrrrrrrrrr... เป็นแอร์ที่โทรมา ฉันจึงกดรับสายแบบไม่รอช้า “ว่าไงแม่หมอ” [พอดีฉันว่างเลยโทรมาเล่นด้วย] “มีอะไรมาเม้าท์อ่ะ” ปกติโทรมาเมื่อไหร่แอร์มักมีเรื่องของชาวบ้านมาเม้าท์มอยให้ฉันฟังเสมอ จนฉันจับไต๋ได้หมดแล้ว [วันนี้ไม่มีจ้ะ มีแต่มาโม้ว่าไปดูดวงมาแล้วโดนลูกดวงชมว่าโคตรแม่นตั้งสองคน] วันนี้มาแปลกกว่าทุกวัน มาทรงนี้คือเหงาแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ช่วงปิดเทอมเป็นช่วงที่นักศึกษาพากันเหงาหงอยเป็นจำนวนมาก หนึ่งเพราะไม่ได้เจอเพื่อน สองเพราะไม่มีอะไรให้ทำ ที่รู้ดีเพราะตัวเองเคยผ่านช่วงมัธยมฯ มาก่อน คิดว่าคงไม่ต่างกันมากนัก แม้ฉันจะได้สัมผัสความรู้สึกพวกนี้แค่ตอนมอต้นก็ตาม เนื่องจากช่วงมอปลายเริ่มทำงานพาร์ทไทม์เก็บเงินจนแทบไม่มีเวลาได้อยู่เฉย “ถือว่าพัฒนานะ” [แน่นอน ว่าแต่สนใจดูดวงป่ะ] “ฉันเพิ่งดูไปเองนะ ไหนบอกห้ามดูติดต่อกัน ต้องเว้นหนึ่งเดือนป้องกันดวงช้ำไม่ใช่หรือไง” [เออว่ะ แกพอจะมีลูกค้าแนะนำป่ะ] “ไม่...แป๊บหนึ่งนะ” กำลังจะปฏิเสธแต่พอเหลือบตาขึ้นมาเห็นร่างสูงใหญ่ของคุณรอยก็ชะงักกึก ลองถามสักหน่อยคงไม่เสียหายอะไร “เพื่อนฉันกำลังฝึกดูดวงไพ่ยิปซีคุณรอยสนใจไหมคะ?” “ไม่เป็นไร ผมไม่อินกับอะไรพวกนี้” คุณรอยเงยหน้าจากหนังสือที่กำลังอ่านขึ้นมาตอบ เพราะกลัวเพื่อนไม่มีลูกดวงให้สั่งสมประสบการณ์ฉันจึงเซ้าซี้ไปโดยไม่รู้ตัว แต่ใครจะไปคิดว่าคุณรอยจะบ้าจี้อยากดูเรื่องนี้อยู่พอดี “เรื่องความรักก็ดูได้นะ” “ผมอยากรู้เรื่องเนื้อคู่อยู่พอดี” คนที่ตั้งท่าจะปฏิเสธอีกหนได้ยินเช่นนั้นก็วางหนังสือลงแล้วทำหน้าให้ความสนใจ เรื่องความรักไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ เห็นดังนั้นฉันก็อดที่จะยิ้มขำไม่ได้ ก่อนที่จะกดเปิดกล้องโทรศัพท์มือถือแล้วเอ่ยแนะนำตัวให้ทั้งสองได้รู้จักกัน “แอร์เพื่อนฉันค่ะ ส่วนนี่คุณรอยเป็นลูกน้องของคนที่ฉันมาเป็นเด็กเลี้ยง” สิ้นเสียงของฉันทั้งสองก็ผงกหัวทักทายกัน ก่อนที่คุณรอยจะเปิดประโยคถามขึ้นด้วยแววตามาดมั่น ส่วนเพื่อนฉันก็เอาแต่ยิ้มไม่หุบ แววตาเปล่งประกายราวกับตกหลุมรักตลอดเวลา “ผมอยากถามเรื่องเนื้อคู่” [คุณรอยไม่ต้องดูหรอกค่ะเนื้อคู่คุณอยู่นี่ ฉันนี่ไง ๆ] “......” คุณรอยได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าเหวอไปไม่เป็น ส่วนคนเต๊าะก็หัวเราะคึกคักอารมณ์ดี ส่วนฉันนั่งทำตาปริบ ๆ พลางยิ้มเจื่อนทำตัวไม่ถูก [ฮ่า ๆๆ เต๊าะเล่นค่ะ มา ๆ เลือกตัวเลขมาสามเลขค่ะคุณรอย] หลังจากจบการดูดวงในวันนั้นก็ทำให้ฉันกับคุณรอยสนิทกันมากขึ้น ลดความอึดอัดและประหม่าไปได้มากโข กะพริบตาแป๊บเดียวเวลาก็ผ่านมาได้สามวันแล้ว รวดเร็วราวกับโกหก ซึ่งครบกำหนดที่มาเฟียหนุ่มต้องกลับมาแล้ว และเพราะไม่รู้อะไรดลใจทำให้เด็กเลี้ยงคนสวยตื่นตั้งแต่เช้าตรู่มาอาบน้ำแต่งตัว ยืนรอต้อนรับอยู่หน้าประตูห้องเมื่อลูกน้องมือซ้ายส่งสัญญาณว่ามาเฟียหนุ่มได้มาถึงด้านล่างของเพนท์เฮ้าส์แล้ว พอมาเฟียหนุ่มมาถึงและเห็นหน้าใบหน้าของเด็กเลี้ยงคนสวยก็ผุดรอยยิ้มปลื้มปริ่ม เธอจึงฉีกยิ้มร่าให้กลับไป พอไม่มีใครอยู่ด้วยนอกจากทั้งคู่ ร่างหนาก็โผเข้าไปสวมกอดร่างเล็กไว้แน่นจนหายใจแทบไม่ออก “ฉันไม่อยู่หลายวันทำตัวเป็นแมวไม่อยู่หนูร่าเริงหรือเปล่า?” “ไม่เลยค่ะ” ส่ายหน้าตอบโดยพลัน วัน ๆ เธอเอาแต่นอนเกลือกกลิ้งบนเตียง ดูซีรีส์สลับกับดูหนัง แล้วก็คุยกับรอยแก้เบื่อ ไม่ได้ทำอะไรมากมายนัก “เด็กดี” ยกมือขึ้นลูบศีรษะทุย ก่อนจะอุ้มเธอลอยหวือแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ทำเอาคนตัวเล็กรีบเอามือคล้องคอโดยไว “คะ..คุณจะพาหนูไปห้องเก็บอาวุธทำไมคะ?” ร้องถามอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นฝีเท้าหนักมุ่งตรงไปยังห้องที่เขาเคยบอกว่าเอาไว้เก็บอาวุธ “อาวุธรบ...รัก” “หือ?” คิ้วเรียวขมวดเป็นปม ไม่นานสิ่งที่สงสัยก็กระจ่างชัดเมื่อเท้าเหยียบเข้ามาภายในห้อง ภายในห้องสี่เหลี่ยมไม่ได้เต็มไปด้วยอาวุธอย่างที่เธอคิด แต่กลับเต็มไปอุปกรณ์หน้าตาประหลาดมากมาย ซึ่งอุปกรณ์ที่ว่าก็คือใช้สำหรับเสริมอรรถรสการร่วมรัก ไม่ว่าจะเป็นโซ่แส้กุญแจมือ เซ็กซ์ทอย หรือแม้กระทั่งโซฟาร่วมรักสั่งทำแบบพิเศษ ทำเอาคนไม่ประสีประสาในเรื่องนี้อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง แววตาสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่นราวกับกวางน้อยกำลังถูกราชสีห์ไล่ต้อนจนจนมุม “คะ..คุณควินตัน” “ยังก่อน ยังไม่ใช่ตอนนี้” ได้ยินเช่นนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก มาเฟียหนุ่มวางร่างบางลงบนโซฟาตัวยาวที่สามารถปรับองศาและลูกเล่นได้ ผละออกไปเล็กน้อย ปลดเข็มขัดและกระชากเสื้อเชิ้ตออกจนหมด เผยให้เห็นร่างกำยำอันเปลือยเปล่าไร้ซึ่งปราการปกปิด ทำเอาดวงตากลมโตเบิกกว้างโตด้วยความตกตะลึงสุดขีด “ฉันยังเอาเธอไม่ได้ ช่วยสงเคราะห์หน่อยสิ” “ให้หนูทำยังไง?” มาเฟียหนุ่มไม่ได้ตอบในทันที ใช้มือสาวชักและรูดท่อนเอ็นขึ้นลงรัว ๆ จนแข็งขึงเต็มที่ ยิ่งทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างโตมากกว่าเดิม เพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอได้เห็นอวัยวะเพศชายแบบเต็มตา ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงกระเส่าใบหน้าเสียวซ่าน “โม๊คให้หน่อย จับมันยัดใส่ปากเธอ” ได้ยินเช่นนั้นก็ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าคมคายแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ยิ่งเห็นมาเฟียหนุ่มทำสีหน้าซ่านกระเส่าก็ยิ่งหัวใจเต้นรัวเร็ว “เร็วสิเด็กดี มันอยากโดนเธอครอบครองนะ” หลุบตามองต่ำด้วยใบหน้าที่แสดงถึงความปรารถนาอันเต็มเปี่ยม นั่นเลยทำให้เธอไม่กล้าปฏิเสธ ค่อย ๆ เอื้อมมือไปจับท่อนเอ็นขนาดใหญ่ด้วยมือสั่นเทา จากนั้นก็หลับตาปี๋พร้อมทั้งอ้าปากครอบครองจนเกือบสุดลำ “เอาปากเธอรูดมัน” สิ้นเสียงคำสั่งจากเจ้าของท่อนแข็งร้อน เธอก็ผงกหัวขึ้นลงพลางใช้ลิ้นเล็กตวัดเลียส่วนปลายหัวมนตามสัญชาตญาณ จนกระทั่งถึงจุดที่คนโดนปรนเปรอรู้สึกเหมือนของเหลวมากระจุกอยู่ที่ส่วนปลาย เสียวซ่านจนแทบจะทนไม่ไหว “อึกอื้อ” “อ๊าส์ นั่นแหละดีมาก เก่งที่สุดข้าวสวย” ท่อนเอ็นแข็งร้อนผลุบเข้าออกให้โพรงปากรัว ๆ มือเล็กสาวชักท่อนเอ็นและรูดรั้งอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อส่งให้เขาถึงฝั่งฝันตามดั่งใจหมาย ไม่นานลาวาร้อนก็ปะทุและแตกซ่านในโพรงปาก ก่อนที่เจ้าของเรียวปากจะกลืนลงคอจนหมดทุกหยาดหยด เมื่อไม่สามารถกักเก็บเอาไว้ในโพรงปากได้ “อ๊าาาาส์” เสียงทุ้มครางกระเส่าในลำคออย่างโล่งโปร่งสบาย เอามือลูบกรอบหน้าสวยอย่างหลงใหลและประทับใจที่เธอสามารถทำให้เขาเสร็จสมได้ด้วยอุ้งปาก กล่าวชมเชยด้วยหัวใจที่เต้นรัว “เก่งมาก” ซึ่งไม่ต่างจากคนที่ถูกชม หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม