ขย้ำครั้งที่ 1 นักเลงทวงหนี้
CHAPTER 01
"อ๊าา อ๊าาา ม่อนน~ มันเสียวมากเลยนะ แบบนั้นมันออกจะลึก อ๊ะ.."
"......"
"ม่อน อื๊ออ... ขยี้ลงมาอีก ช่วยบดตัวตนของม่อนลงมาแรง ๆ แพรชอบ อ๊า... มันเสียวมากเหมือนจะขาดใจ"
"....."
พั่บ!! พั่บ!! พั่บ!!
"อ๊า อ๊า.. ใกล้แล้ว ใกล้มาก"ผู้หญิงคนนี้บิดเร่าร่างกายจนตัวแอ่น สะโพกที่สวนกันพุ่งเข้ามาบดขยี้ตัวตนของตัวเองให้กดลึกลงไปกับตัวตนของผู้ชายที่เธอร่วมรักด้วย ความร้อนผะผ่าวแทบจะแผดเผ่าให้เธอตายทั้งเป็น สัมผัสที่น่าลุ่มหลงและเสียวกระสันจนแทบขาดใจ มันเรียกเสียงหวีดร้องจากเธอได้ทุกครั้งที่เขาขยับแกนกายเข้าออกอย่างหนักหน่วง
"......"เขากระแทกตัวตนของตัวเองเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง สองมือบีบเคล้นเนื้อแน่นตรงสะโพกเธอไว้ทั้งสองข้างแล้วสอบแกนกายเข้าออกจนสุดโคนก่อนจะขยับออกให้เธอเสียดายเล่นแล้วพุ่งเข้าไปอีกครั้งให้เธอจุกจนเบ้หน้าเสียว
"อ๊ะ อ๊า จะแตก ตะ แตกแล้ว อ๊าาา..."ร่างบางเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำรักสีขาวขุ่นจนมันไหลทะลั่กออกมาอาบชโลมต้นขาที่เนียนสวย
"กลับไปได้แล้ว"เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจเขาก็ดึงแกนกายของตัวเองออกไปแล้วรูดถุงยางทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ สายตาเรียบนิ่งราวกับน้ำแข็งขั่วโลกเหนือจดจ้องใบหน้าเธอด้วยความราบเรียบจนทั้งห้องได้ยินเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกที่กระโชกแรงของเธอ
"ขอแพรนอนที่นี่ไม่ได้เหรอคะ? แพรหมดแรงแล้วพี่ม่อนกินดุเกินไป"เธอออดอ้อนเขา พยายามจะเข้ามาสวมกอดผู้ชายหน้านิ่งไว้แต่เธอกลับถูกเขาผลักออกไปจนตัวกระเด็นไปอีกด้าน
"จะกลับไปดี ๆ หรือจะให้ฉันเหวี่ยงออกไป"นั้นคือคำพูดสุดท้ายที่เขามีให้เธอและนั้นก็คือคำขู่สุดท้ายเพราะถ้าเธอยังดื้อรั้นที่จะอยู่ต่อเธอได้ถูกเขาเหวี่ยงออกไปแน่
"พี่ม่อนใจร้ายที่สุดเลย"
ปัง!!!!
เธอต่อว่าเขาอย่างน้อยใจแล้วรีบแต่งตัวก่อนจะเดินออกจากห้องเขาไปพร้อมแรงปิดประตูที่ดังก้องไปทั้งห้อง แต่คนโดนโกรธใช่ว่าจะแคร์ เขาคว้าบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งม้วน หยิบมันคีบไว้ที่ปากก่อนที่จะจุดไฟแช็กแล้วสูบบุหรี่ม้วนนั้นเข้าไปพร้อมกับปลดปล่อยควันสีขาวคลุ้งออกมาทั่วห้อง
"มีความสุขกันมากสินะ"
'ม่อน' หยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดูรูปถ่ายครอบครัวหนึ่งที่ถ่ายรูปพร้อมหน้าพร้อมตา คนในรูปฉีกยิ้มกว้างอย่างมีความสุขทำราวกับว่าชีวิตตอนนี้นั้นมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาแค่นเสียงหัวเราะอยู่ในคอก่อนจะกดปิดมือถือแล้วโยนมันทิ้งไปบนเตียงนอนอย่างไม่ไยดี
สำหรับเขาแล้ว 'ความรัก' คือสิ่งที่เขาเกลียดแม้จะเป็นความรักที่มาจากครอบครัวก็ตาม
@โรงเรียนมัธยมปลาย
"ถ้าโดนเทให้เซไปแต่ถ้าโดนใจให้เซมา~"
"สองนาฬิกาผู้หล่อบอกต่อ!"
"โน่ว ๆ ไม่มีใครหล่อเท่าเฮียหมอกของเบบี้อีกแล้วจ้า"ที่รักและฮันนี่ต่างเบะปากพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายเมื่อเห็นเพื่อนรักอย่าง 'เบบี้' พร่ำเพ้อถึงผู้ชายที่ตัวเองชอบ
"แหม่ ขิงได้ขิงนะพอตัวเองมีคู่หมั้นเข้าหน่อยเชอะ ๆ"
"ไม่ได้สิแก มีของดีทั้งทีจะปล่อยให้หลุดมือได้ยังไง!"ท่าทางจริงจังของเพื่อนเบบี้ทำเอา 'ฮันนี่' และ 'ที่รัก' ต่างส่ายหัวพร้อมกันด้วยความเหนื่อยหน่าย
"โอ๊ย อย่าสนใจคนมีคู่เลยที่รักฉันว่าเรามาส่องรุ่นน้องกันต่อดีกว่า ดูนั้นสิซิกแพคอย่างปัง กรี๊ด!! ไม่ไหวแล้ว"
"ไหน ๆ แก"แล้วสองสาวโสดก็หันไปสนใจรุ่นน้องที่แตะบอลอยู่ในสนามต่อ ครั้งนี้กลายเป็นเบบี้ที่แสดงสีหน้าเอือมระอาที่เพื่อนรักเอาแต่หวีดรุ่นน้องแต่ก็ไม่เคยกล้าที่จะเข้าไปจีบจริงจังเลยสักครั้ง
เวลา 16.30 น.
"ทำไมยังไม่มารับนะ"ที่รักบ่นพึมพำอยู่คนเดียวเมื่อรอรถคนที่บ้านมารับแต่แล้วรอมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วรถคันนั้นก็ยังไม่มาสักที
ตอนนี้ตรงหน้าโรงเรียนไม่มีใครอยู่แล้วนอกจากที่รักเพียงคนเดียว เพราะรอจนเบื่อที่รักจึงตัดสินใจเดินไปยังร้านไอศกรีมร้านโปรดที่อยู่ในซอยเล็กที่อยู่ถัดไปจากโรงเรียน
"ป้าคะ เอาวานิลลาโคนหนึ่งค่ะ"ที่รักสั่งป้าเจ้าของร้านเสียงใส ใบหน้าน่ารักที่เหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่นฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรเมื่อไอศกรีมโคนที่เธอต้องการถูกยื่นมาตรงหน้า
"ได้แล้วจ้ะหนู"
"ขอบคุณมากนะคะ"เมื่อได้รับมาที่รักก็จ่ายเงินก่อนจะยกไอศกรีมโคนนั้นขึ้นมากินด้วยสีหน้าที่มีความสุข
"หนูยังไม่กลับเหรอจ๊ะ เย็นมากแล้วนะ"ป้าเจ้าของร้านชวนที่รักคุยเมื่อเห็นว่าเธอยังไม่มีท่าทีรีบร้อนว่าจะกลับบ้านสักที
"ไม่ค่ะ พี่คนขับรถยังไม่มารับหนูเลย"ที่รักตอบเสียงใส ดวงตากลมโตลอบมองป้าเจ้าของร้านอย่างไร้เดียงสา
"หนูรีบกลับไปรอหน้าโรงเรียนนะลูก ป้าเองก็จะปิดร้านแล้วเหมือนกันช่วงนี้มีพวกนักเลงชอบมาตามเก็บลูกหนี้แถวนี้บ่อย ๆ ป้ากลัว"
"หื้ม? นักเลงเหรอคะ?"ที่รักเอียงคอถาม มุมปากที่เลอะคราบไอศกรีมยิ่งทำให้เธอดูเหมือนเด็กน้อยสามขวบมากขึ้นกว่าเดิม
"ใช่ หนูรีบกลับไปรอหน้าโรงเรียนนะลูก แถวนี้มันอันตราย"
"ค่ะ ไว้หนูมาอุดหนุนใหม่นะคะ"เธอฉีกยิ้มกว้างแล้วโบกมือลาป้าเจ้าของร้านอย่างอารมณ์ดี
คนตัวเล็กไม่ได้ตระหนักถึงคำสั่งเสียที่ป้าเจ้าของร้านมีให้ เธอยังคงเดินเออระเหยลอยลมอย่างไม่รีบร้อนเพราะมือถือยังไม่มีใครโทรเข้ามางั้นแสดงว่าคนที่บ้านยังมาไม่ถึง
แต่ใครจะคิดว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นและมันก็ดันอยู่ใกล้ตัวที่รักมากจนคาดไม่ถึงเช่นกัน
"เอ๋~ ทำอะไรกันนะ"เด็กสาวเลียไอศกรีมโคนเข้าปากแล้วมองเข้าไปในซอยเล็ก ๆ ที่ตอนนี้มีผู้ชายสามคนยืนอยู่ คนหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นส่วนอีกคนก็ยืนแล้วจ่อปืนลงไปบนขมับของผู้ชายที่นั่งคุกเข่าคนนั้น
"อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมสัญญาว่าจะรีบหาเงินมาใช้หนี้ให้เร็วที่สุด"เสียงนั้นดังออกมาจากซอยลึก มือบางที่กำไอศกรีมไว้เริ่มสั่นเมื่อคนที่ถือปืนเริ่มปรายสายตาออกมาสบตาเธอเข้าแบบพอดิบพอดี
"ไสหัวไป"และเปล่งเสียงพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูน่าเกรงขามจนคนตัวเล็กหัวใจเต้นระส่ำ อยากจะวิ่งหนีออกไปแต่ขาทั้งสองข้างกลับแข็งทื่อจนไม่สามารถขยับหนีไปได้เลย
"มะ ไม่เห็นค่ะ! หนูไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!"ที่รักยกกระเป๋าที่ตัวเองถือไว้ขึ้นมาปิดหน้าปิดตาเพื่อปิดบังภาพตรงหน้า เธอพยายามถอยหลังหนีแต่ขาก็สั่นเกินไป
"บอกให้ไสหัวไป!!"เสียงดุนั้นตะคอกใส่ที่รักลั่นซอย ที่รักสะดุ้งแล้วกอดกระเป๋าตัวเองเอาไว้แน่น อยากจะวิ่งหนีไปตั้งแต่ตอนนี้เลยแต่ข้อเสียของที่รักคือถ้าตกใจแล้วจะก้าวเท้าไม่ออกนี้สิ
"หนูขยับไม่ได้ ฮือออ"ที่รักเบะปากร้องไห้ในขณะที่อีกฝ่ายเดินตรงมาหา ทุกย่างก้าวบีบรัดหัวใจดวงน้อยให้หวาดหวั่นแทบทุกวินาทีที่เท้าอีกฝ่ายย่างสามขุมเข้ามาใกล้เธอ
"หรือจะตายแทนมันถึงจะยอมไสหัวไป"ปลายกระบอกปืนที่เคยจ่ออยู่บนหัวผู้ชายคนนั้นตอนนี้ถูกเปลี่ยนตำแหน่งมาจ่ออยู่บนหัวที่รักแทน
เพราะใกล้กันมากที่รักจึงมองเห็นใบหน้าของผู้ชายตรงหน้า ใบหน้าคมคายกับสายตาที่ดุดันนั้นช่างเย็นชาจนเธออยากวิ่งหนีไปให้ไกล
ความหล่อสะดุดตาที่มีอยู่ไม่สามารถลบล้างความน่ากลัวที่เธอพบเจออยู่ได้เลย