ตอนที่ ๒ ชอบคนแก่

1371 คำ
ตอนที่ ๒ ชอบคนแก่ “วันนี้โลกจะแตกหรือเปล่าวะ” อาเฟยหันหน้าไปคุยกับแฝดคนพี่ที่กำลังลากกระเป๋าเดินตามเพื่อนสนิท ที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านพักตากอากาศ “ถือว่าเป็นบุญของกูกับมึงไง” อาเฟิงหันมาพูดกับแฝดคนน้อง “รีบเลย เดี๋ยวมันก็ทิ้งเอาไว้นี้หรอก” เขารีบเดินตามหลังเพื่อนมาติดๆ เพราะไม่อยากพูดอะไรไปมากกว่านี้ เดี๋ยวคนที่อารมณ์ดีจะอารมณ์เสียขึ้นมาซะก่อน 'มาร์ช' ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยอเมริกาเดินลากกระเป๋าเดินทางมาใส่ท้ายรถของตนเอง วันนี้เขาอารมณ์ดีมากที่สุดที่เคยมีมาในรอบหลายปีก็ว่าได้ เมื่ออ่านข้อความของใครบางคนแล้ว รู้ว่าอีกฝ่ายร้อนรนใจยิ่งทำให้เขามีความสุข “มาร์ช มึงไปส่งพวกกูที่สนามบินนะ อย่าลืม” อาเฟยเอ่ยย้ำกลัวว่าเพื่อนจะลืม เพราะตนเองนั้นต้องเดินทางต่อ “อืม” มาร์ชตอบเพียงเท่านั้นก่อนที่เขาจะเดินขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ มีอาเฟยนั่งประกบข้างส่วนอาเฟิงนั้น นั่งอยู่เบาะด้านหลัง “วันนี้อารมณ์ดีแปลกๆ มีข่าวดีอะไรบอกพวกกูหน่อยดิ” อาเฟยถามแล้วยิ้มจนตาหรี่ อยากรู้เหลือเกินว่าจะเป็นเรื่องดีแบบไหนถึงทำให้คุณชายน้ำแข็งอย่างมาร์ชยิ้มออกมาได้ “แค่จะมีเมีย” เขาตอบกลับสั้นๆ แต่ทำให้สองพี่น้องมองหน้ากันไปมา “เมีย!” อาเฟิงเป็นคนตกใจมากกว่า ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของมาร์ช มีผู้หญิงมากมายเข้ามาในชีวิต แต่ไม่เคยสักครั้งที่เพื่อนจะคบแบบจริงจังและจริงใจ “อืม พวกมึงจะกลับไทยตอนไหน” เขารีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากตอบคำถาม ถึงแม้จะยังไม่สามารถเรียกเมียได้เต็มปากเต็มคำ แต่ในทางพฤตินัยแล้วก็คงเป็นเช่นนั้น “ไม่รู้ ดูสถานการณ์ก่อน” อาเฟยตอบ แล้วจ้องหน้าของเขาเพราะอยากรู้เรื่องเมื่อครู่ “สรุปเรื่องเมื่อกี้คือ?” อาเฟิงมีหรือจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างง่ายดาย “เล่ามาเลยนะ เมียอะไร? หรือว่าเมื่อคืนมึงแอบไปเดตกับสาวมา” “อืม” เขาขานรับในลำคอ ไม่ตอบอะไรไปมากกว่านี้ เมื่อเพื่อนทั้งสองคนเห็นว่าเขาไม่พูดต่อ จึงหยุดคำถามเอาไว้เพียงเท่านั้น รถยนต์ขับมุ่งตรงกลับกรุงเทพในทันที มาร์ชดูเหมือนจะอารมณ์ดีมากกว่าใครเพื่อน เขาฟังเพลงเบาๆ พร้อมเคาะนิ้วเป็นจังหวะอาเฟยและอาเฟิงต่างหันมองหน้ากัน เพราะเพื่อนสนิทไม่เคยแสดงอาการแบบนี้มาก่อน มาร์ชส่งเพื่อนทั้งสองที่สนามบิน เขาก็รีบตรงกลับบ้านในทันทีเพราะมีนัดกับคนในครอบครัว เมื่อประตูเลื่อนถูกเปิดออกรถยนต์ของเขาก็จอดนิ่งด้านหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เมื่อก้าวลงจากรถเขาทำเพียงยิ้มให้กับคนขับรถที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้วเดินเข้ามาภายในบ้าน ที่ในตอนนี้กำลังมีเสียงหัวเราะของคนในครอบครัว ทันทีที่มาร์ชปรากฏตัวเสียงเล็กๆ ของเด็กวัยสามขวบก็รีบวิ่งเข้ามาหาเขา “คุณน้ามาแล้ว” เสียงเล็กๆ ของเด็กสาวดังขึ้น พร้อมกับโผล่เข้ามาในอ้อมแขนของมาร์ชก่อนที่จะได้รับความรักจากปลายจมูกเล็กๆ ของหลานสาวตัวน้อย “คิดถึงจัง” มาร์ชยิ้มแล้วก้มลงไปหอมแก้วของหลานสาว “วันนี้นอนกับน้านะครับคนดี” “วันนี้หนูจะนอนกับคุณยายค่ะ” หลานสาวตัวน้อยตอบกลับแล้วหันหน้าไปยิ้มให้กับยายที่นั่งอยู่ที่โซฟา ก่อนที่มาร์ชจะอุ้มเด็กสาวไปนั่งรวมกับคนในครอบครัว “พ่อเนื้อหอม ไม่ยอมกลับบ้านกว่าจะมาได้นะ” แม่เอ่ยเสียงประชดเมื่อมองเห็นบุตรชาย “แล้วคอไปโดนอะไรมา?” แม่มองลำคอบุตรชายที่มีแต่รอยสีแดงเป็นจ้ำ ก่อนที่ดวงตาของคนอาบน้ำร้อนมาก่อนจะเบิกกว้าง “......” มาร์ชยกมือลูบที่ลำคอของตนเอง เขาลืมไปเสียสนิทว่ามีรอยสีแดงจึงทำเพียงส่งยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ “จะทำอะไรก็ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ” คนเป็นแม่เอ่ยเสียงไม่พอใจอีกครั้ง รู้ว่าลูกชายเป็นคนรักสนุกถึงอายุยังน้อยก็ไม่ควรจะรักสนุกไปวันๆ แบบนี้ “พ่อไปไหนครับ?” เขาเปลี่ยนเรื่องคุยแล้ววางหลานสาวลงให้นั่งเล่นของเล่นที่เกลื่อนอยู่บนพื้น “พี่ล่ะครับ?” เขาถามต่อเมื่อไม่เห็นใครนอกจากพี่เลี้ยงเด็กและแม่ของเขาเพียงเท่านั้น “พ่อลูกเคยอยู่ติดบ้านที่ไหน วันๆ ก็ออกรอบกับเพื่อน ไม่ก็ไปทำงาน ส่วนพี่สาวลูกก็ไปดูงานต่างประเทศหนึ่งอาทิตย์ เห็นพี่บอกว่าสาขาที่นั่นมีปัญหา แต่แม่ว่าคงไปมากกว่าหนึ่งอาทิตย์ละมั้ง” “แล้วพี่เขยล่ะครับ” “ไปด้วยกัน แต่ที่นั่นหนาวไม่อยากให้เจ้าหญิงน้อยของยายไปลำบากด้วย ดีที่ตอนนี้ปิดเทอมแล้วไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่” คุณยายมองหลานสาวด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก “เดี๋ยวผมเลี้ยงหลานช่วยเองครับ” มาร์ชหันมายิ้มให้กับแม่ “แก่เนี่ยนะ! จะช่วยแม่เลี้ยงหลาน?” คนเป็นแม่มองลูกชายอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ รู้ว่ามาร์ชเป็นคนรักเด็กถึงบุคลิกภายนอกจะดูเย็นชา แต่หากเป็นคนใกล้ชิดจะรู้ว่าเขาเป็นคนสุภาพและอบอุ่น “ครับ” “ไม่ได้หรอก พ่อคงไม่ยอมให้ลูกมานั่งอยู่บ้านเลี้ยงหลานเฉยๆ แน่ เรียนจบแล้วก็ไปทำงานหาเงินมาชดเชยค่าเทอมที่เสียไป” แม่พูดล้อเล่นแล้วหัวเราะ “......” มาร์ชฟังที่แม่พูดแต่สายตากลับมองไปที่หลานสาวที่นั่งเล่นของเล่นอยู่ที่พื้น “ฟังที่แม่พูดหรือเปล่า มาเหนื่อยๆ ก็ไปอาบน้ำแล้วพักผ่อนเถอะ” เธอเอ่ยปากไล่บุตรชายให้ไปอาบน้ำ เพราะดูจากสภาพแล้วก็คงไม่ได้นอนมาทั้งคืน “แม่ครับ” มาร์ชหันมองมายังมารดาอีกครั้ง “แม่คิดยังไงครับถ้าผม จะมีแฟนแก่กว่าตัวเอง” น้ำเสียงของเขานั้นฟังดูจริงจัง แต่สำหรับคนเป็นแม่แล้วกลับยิ้มไม่ออก “ล้อเล่นหรือจริงจัง?” คุณแม่ถามกลับแล้วจ้องใบหน้าลูกชายสุดที่รัก “เอาจริงเหรอ อายุก็เป็นเพียงตัวเลข ท่าคิดว่าใช่ก็ลุยไปเลยสิ” “ถ้าเธอเคยผ่านการแต่งงานหรือมีลูกมาแล้ว แม่รับได้ไหมครับ” มาร์ชถามมารดาต่อ เพราะคนเป็นแม่ควรรู้เรื่องนี้ “แต่งงานแล้ว! มีลูกแล้ว! นี่ลูกถูกเขาเล่นของใส่หรือเปล่า ต้องไปรดน้ำมนต์ที่วัดแล้วแบบนี้” เธอเอ่ยอย่างร้อนใจ ไม่คิดว่าบุตรชายจะเอ่ยคำถามเช่นนี้ขึ้นมา “เธออายุเท่าไหร่?” “สามสิบสี่ครับ” มาร์ชยังตอบกลับเสียงเรียบนิ่ง ไม่ได้ทุกข์ร้อนหรือแสดงสีหน้าเคร่งเครียดแต่อย่างใด “ตอนนี้เธอโสดครับ มีลูกชายห้าขวบที่อยู่กับสามีเก่าที่ต่างประเทศ ส่วนหน้าที่การงานดีมากครับ” “มาร์ช แม่ขอพูดในฐานะคนเป็นแม่แล้วกันนะลูก ถึงอายุจะเป็นเพียงตัวเลข แต่มันไม่ง่ายเลยที่คนอายุห่างกันสิบกว่าปีจะอยู่ด้วยกันได้อย่างราบรื่นคิดให้ดี คิดให้มาก แม่ไม่คิดอะไรหรอกถ้าลูกชายของแม่รัก” “ครับ” “แล้วแม่ขอพูดในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง การที่ชีวิตผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว ผู้หญิงมักคิดมากกว่าผู้ชายเพราะมีบทเรียนของชีวิต ความเป็นผู้ใหญ่แตกต่างจากลูกที่ไม่เคยมีครอบครัวมาก่อน แม่ว่า…มาร์ชต้องเหนื่อยหน่อยนะลูก” ***************************** รีดท่านใดที่อยากอ่านอีบุ๊ก รอก่อนนะคะ หากอีบุ๊กมาจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งค่ะ ฝากติดตามด้วนะคะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม