หลังจากที่ไปส่งเพื่อนกลับบ้านแล้วเปรี้ยวจี๊ดก็กลับมาบ้านตัวเองเพราะจะมาล็อกบ้านพร้อมตรวจเช็กความเรียบร้อยก่อนที่จะออกไปสังสรรค์ แต่เมื่อขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาในบ้านก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นรถยนต์คันหรูไม่คุ้นตาจอดอยู่ในบ้านของตน พร้อมชายแปลกหน้ายืนด้อม ๆ มอง ๆ ไม่ไกลจากรถเท่าไหร่นัก
“มาหาไผ?” (มาหาใคร?) เปรี้ยวจี๊ดเอ่ยถามพลางชะเง้อหน้ามอง ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้คนมาใหม่หันกลับมาสนใจเจ้าของบ้านได้ เพียงเท่านั้นดวงตากลมโตก็เบิกกว้างทันที
ป๊าดติโธ้… นี่คนหรือเทวดา คือซางมาหล่อแท้!!
“เปรี้ยวจี๊ด?” อดีตหมอหนุ่มเอ่ยถามในขณะที่สายตากำลังพิจารณาสาวต่อหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
ใบหน้าของเธอมีแว่นกรอบใสบดบังดวงตากลมโตที่กำลังมองเขาราวกับว่ากำลังอึ้งอะไรสักอย่าง จมูกเล็กโด่งรั้นขึ้นบ่งบอกว่าดื้อพอสมควร ส่วนปากก็เล็กจิ้มลิ้มไม่ต่างจากใบหน้า รวม ๆ แล้วก็เป็นผู้หญิงน่ารักคนหนึ่ง แต่ติดตรงที่ผมยาวสลวยถึงกลางหลังที่ทำให้เธอคล้ายจะสวยก็ไม่ใช่ น่ารักก็ไม่เชิง
“คุณเป็นใคร” หลังจากที่ดึงสติกลับมาแล้วเปรี้ยวจี๊ดก็เปิดปากถาม พลางเดินวนรอบตัวคนมาใหม่ ซึ่งเขาก็หมุนตัวมองตามเธอเช่นกัน “ถ้าจะมาขายประกันแนะนำให้ไปบ้านอื่น”
“ขายประกัน?” คิ้วเข้มยกขึ้นเล็กน้อย “ถ้าบอกว่าไม่ได้มาขายล่ะ”
“งั้นขายอะไร… หรือมาขายเครื่องกรองน้ำ” ดวงตากลมโตจดจ้องธีร์เขม็ง “เครื่องกรองน้ำที่นี่ก็มีแล้ว ไปขายให้บ้านอื่นเถอะ”
“ไม่ได้มาขายทั้งสองอย่าง” ธีร์กอดอกพิงรถมองหญิงสาวด้วยความสนุกสนาน ยิ่งเห็นเธอทำหน้าแปลกใจก็นึกอยากแกล้งขึ้นมา
“แล้วขายอะไร”
“ขายอะไรดี”
“ขายอะไรก็เรื่องของคุณเถอะ” เพราะคิดว่ายืนคุยกันนานแล้วจึงตัดบท “ขายอะไรก็ไม่ซื้อ ออกไปได้แล้ว”
“เพิ่งรู้ว่าคนที่นี่ต้อนรับแขกกันแบบนี้”
“รู้แล้วก็กลับไป” เจ้าของบ้านไม่ได้สนใจต่อคำค่อนขอดนั้น แถมยังเอ่ยปากไล่เหมือนเดิม แต่มีหรือที่ธีร์จะสน นอกจากจะไม่กระดุกกระดิกตัวแล้วยังยืนมองอีกฝ่ายตาไม่กะพริบอีกต่างหาก
“แนมอีหยัง” (มองอะไร) ปากเล็กจิ้มลิ้มบ่นพึมพำพร้อมแขนยกขึ้นกอดอก “อย่ามองนะ!”
“มองเด็กไม่มีมารยาท พูดกับแขกก็ไม่เพราะ”
“แขกอีหยัง กะเห็นอยู่ว่าเป็นคนไทย” (แขกอะไร ก็เห็นอยู่ว่าเป็นคนไทย)
ครืด! ครืด! ครืด! ครืด!
เปรี้ยวจี๊ดพูดได้เท่านั้นเสียงโทรศัพท์ของธีร์ก็สั่นดังขึ้น ‘แม่’ ชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทำให้เขารับสายโดยไม่ต้องรีรออะไรมากความ
“ครับ”
(แม่เห็นข้อความ ถึงแล้วเหรอ)
“ถึงแล้วครับ” ใบหน้าหล่อเหลาพยักรับในขณะที่ตาจ้องหญิงสาวไม่วางตา ไม่ต่างจากเจ้าของบ้านที่จ้องหน้าธีร์ตาไม่กะพริบเหมือนกัน
(แล้วยังไง เจอน้องหรือยังฮึ)
“เจอแล้วครับ แต่ดูเหมือนน้องเปรี้ยวจี๊ดของแม่จะไม่ให้ผมอยู่ด้วย”
(ไหนแม่ขอคุยกับน้องหน่อย)
ธีร์ไม่ได้ตอบรับ แต่เลือกที่จะยื่นโทรศัพท์ไปให้คนร่างเล็กแทน แน่นอนว่าเธอก็ส่งสีหน้างง ๆ พร้อมความระแวงส่งมาให้เขา
“คุย จะได้รู้”
“รู้อะไร ก็บอกว่าไม่ซื้อ ๆ”
“คุย” น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้นราวกับผู้ใหญ่กำลังดุเด็ก “ไม่คุยจะรู้หรือไงว่าอะไรคืออะไร”
เปรี้ยวจี๊ดยืนพิจารณาสักพักก็ดึงโทรศัพท์ออกจากมือของธีร์อย่างรวดเร็ว แล้วกลับไปยืนที่เดิมเหมือนคนหวาดระแวงตลอดเวลา ส่วนตาก็จ้องคนแปลกหน้าไม่ห่าง
“ฮัลโหล”
(หนูเปรี้ยว)
“ใครคะ” แม้จะดูเป็นเหมือนคนไม่มีมารยาท แต่เปรี้ยวจี๊ดก็รู้ดีว่าอะไรคืออะไร “ถ้าจะโทรมาขายประกันไม่ซื้อนะบอกไว้ก่อน”
(ป้าเอง… จำป้าได้ไหมที่ไปงานศพตาหนูเมื่อสองอาทิตย์ก่อน)
“…”
(ที่ไปกับตาวิโรจน์ จำได้ไหมจ๊ะ)
สมองเล็ก ๆ ทบทวนเรื่องราวอย่างหนักหน่วง เพราะพิธีงานศพแถวภาคอีสานจะจัดชนิดอลังการงานสร้าง เรียกคนทั้งหมู่บ้านมาร่วมงานจึงเป็นเหตุให้คิดว่าใครเป็นใคร
“คุณป้าเหรอคะ” แต่เมื่อคิดได้ก็เอ่ยถามเสียงอ่อนลง “คุณป้าดวงจิต”
(ใช่จ้ะป้าเอง ๆ) คนพูดรับด้วยความดีใจ (ที่คุยกันไว้ว่าป้าจะหาเพื่อนไปอยู่เป็นเพื่อนหนูจำได้ไหมจ๊ะ)
“…”
(ที่เราคุยกันว่าจะให้ลูกชายป้าอยู่เป็นเพื่อนหนูสักเดือน แล้วหนูก็ตอบตกลง)
“จำได้ค่ะ” เปรี้ยวจี๊ดว่างพลางเหลือบมองธีร์อีกครั้ง “อย่าบอกนะว่า… ผู้ชายคนนี้คือลูกชายของคุณป้า”
(ใช่จ้ะ แต่หนูเปรี้ยวไม่ต้องกลัวไปนะ ป้าก็ไม่อยากพูดหรอกว่าลูกป้าเป็นคนดี)
“…”
(ถ้าลูกป้าเข้าใกล้หนูเกินหนึ่งเมตร… หนูก็หาอะไรทุบหัวลูกป้าได้เลยนะ ป้าอนุญาต)
“เขาจะอยู่ได้เหรอคะ ท่าทางไม่น่าอยู่ที่นี่ได้เกินสามวันเลยค่ะ” พอรู้ว่าธีร์เป็นลูกเต้าเหล่าใครก็ลดความหวาดระแวงลงอีกนิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหายกลัวเลยซะทีเดียว แต่ก็ไม่ได้กลัวเหมือนตอนที่ผ่านมา
อีกทั้งดูจากสีหน้าและท่าทางที่ออกจะหล่อไปในทางชอบเพศเดียวกันจึงทำให้เปรี้ยวจี๊ดผ่อนคลายคง เขาหล่อก็จริงแต่หน้าก็หวานไม่ใช่น้อย เพราะแบบนี้เธอจึงสรุปครึ่งต่อครึ่งว่าธีร์อาจจะไม่ได้ชอบผู้หญิง และเขาคงไม่สนใจเธอหรอก
(ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ลองดู) คนเป็นแม่พูดอย่างอ่อนใจและเว้าวอนอยู่ในที (ยังไงก็ฝากพี่ด้วยนะลูก)
“ได้ค่ะคุณป้า ขอบคุณนะคะ”
(จ้ะ งั้นป้าวางสายแล้วนะ ถ้าหนูมีปัญหาอะไรโทรมาหาป้าได้เลย จำเบอร์ที่ป้าให้ไว้ได้ใช่ไหม)
“จำได้ค่ะ”
(โอเคค่ะ)
เปรี้ยวจี๊ดยื่นโทรศัพท์ส่งไปให้ธีร์คืนเมื่อคุยเสร็จแล้ว สีหน้าลดความหวาดระแวงลง พลางจ้องมองอีกฝ่ายแบบปกติ
“คุณแน่ใจนะว่าจะอยู่ได้”
“ไม่แน่ใจก็คงไม่มา”
“ตามใจ อย่าให้เห็นตีรถกลับเมืองกรุงก็แล้วกัน” ปากเล็กบ่นขมุบขมิบด้วยความหมั่นไส้ “เก็บของลงจากรถแล้วตามมาสิ ฉันจะพาเอาของไปเก็บ”
“พูดกับผู้ใหญ่พูดแบบนี้เหรอ” นอกจากจะไม่ทำตามแล้วยังเอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจอีกต่างหาก “อายุเราห่างกันตั้งสิบปี พูดให้มันดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง”
“ห่างกันสิบปี…” ตากลมโตเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ “คุณอายุสามสิบสี่แล้วเหรอ”
“อืม”
โอ้แม่เจ้า!!
เปรี้ยวจี๊ดตาถลนอีกครั้งเพราะไม่คิดว่าเขาจะอายุสามสิบสี่แล้ว ถ้าไม่บอกเธอก็คิดว่าเขาอายุแค่ยี่สิบแปดยี่สิบเก้า ไม่เหมือนคนอายุสามสิบสี่เลยด้วยซ้ำ
เขาแก่กว่าที่เธอคิดไว้อีกนะเนี่ย!!