เวลาต่อมา
เพราะวันนี้มีคนแปลกหน้ามาอยู่ด้วยจึงทำให้ฉันอาบน้ำและอยู่ในชุดที่รัดกุมมากกว่าปกติ อีกทั้งตอนนี้ใกล้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วจึงมีความเย็นลอยละล่องมากับสายลม เป็นเหตุให้ใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวนอนจึงดูไม่แปลกอะไร
ต่างจากอีกคนที่ทำตัวสบาย ๆ เหมือนเป็นบ้านตัวเอง ร่างสูงโปร่งท่อนบนไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรณ์ เผยให้เห็นร่างกายกำยำที่ขาวออร่าราวกับจะเรืองแสงออกมา แถมหน้าท้องก็ยังเป็นลอนกล้ามสวยงามอีกต่างหาก
ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าแอบกลืนน้ำลาย มันก็ต้องมีบ้างก็เขาเล่นหล่อซะขนาดนี้ จะไม่ให้คิดอะไรเลยมันก็ยาก ยากจริง ๆ
“คุณ…” ฉันตัดสินใจเอ่ยเรียกคนที่กำลังยืนสูบบุหรี่ตรงชานบ้าน และแน่นอนว่ามันทำให้เขาหันมามองได้ พร้อมคิ้วเข้ม ๆ ยกขึ้นในขณะที่มือจิ้มบุหรี่เข้ากับโถทราย
“คุณ?”
“พี่ธีร์”
“มีอะไร”
“ฉันจะเข้านอนแล้ว พี่ปิดบ้านให้ด้วยแล้วกัน” เพราะไม่ชินแทนชื่อตัวเองกับคนที่เพิ่งรู้จักจึงแทนว่าฉันต่อไป และเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะคงพอใจกับ ‘พี่ธีร์’ แล้ว
“ทำไมนอนไว”
“ที่นี่เขาก็นอนไวแบบนี้แหละ” ว่าพลางหันมองไปทางอื่นเพราะตอนนี้ร่างสูงหันหน้ามาหาฉันแล้ว แม้ท่อนล่างจะมีกางเกงสวมติดกาย แต่มันก็เป็นเพียงกางเกงผ้าบางขายาวเท่านั้น ถ้าส่องไฟไปก็คงจะเห็นอะไรต่อมิอะไรเลยล่ะ
ฉะนั้นฉันจะไม่มองเด็ดขาด!
“นอนไวหรือกลัว?”
“ไม่ได้กลัวซะหน่อย”
“ไม่กลัวก็ไม่จำเป็นต้องหนี” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างน่าหมั่นไส้พร้อมมือหนาตบเก้าอี้เบา ๆ ราวกับบอกทางอ้อมว่าให้ฉันนั่งลงข้างเขา “มีเรื่องจะคุย”
เป็นเพราะเห็นความจริงจังในดวงตาคู่สวยจึงทิ้งตัวนั่งลงข้างเขา แต่ก็ไม่ได้ใกล้เท่าไหร่นัก ก็ยังคงทิ้งระยะห่างไว้พอสมควร
“มีหยัง”
“เห็นป่ากล้วยตรงนั้นไหม” นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังป่าข้างบ้าน “ที่ของใคร”
“ที่ของตา” เพียงเท่านั้นใบหน้าหล่อเหลาก็หันมามองฉันทันทีทันใด เห็นเช่นนั้นจึงเบิกตากว้างพลางขยับเข้าไปใกล้เขาอีกนิด “เห็น…เห็นผีเหรอ”
“อืม”
“จะ…จริงเหรอ”
“จะโกหกทำไม” สีหน้าของเขายังคงจริงจังอยู่เหมือนเคยจนฉันแอบขนลุกกับคำบอกกล่าว
“เป็นตัวยังไง แล้วคุณไม่กลัวเหรอ”
“กลัวทำไม แค่ผี”
“แค่ผีได้ไง ผีเลยต่างหาก” ฉันทำหน้าตื่นตระหนกมากกว่าเดิม “เป็นตัวยังไงบอกมาสิ แล้วเขาไปหรือยัง”
“ยัง” เขาส่ายหน้าน้อย ๆ พร้อมมองไปทางนั้น “อยากรู้ก็มองไปสิ”
“ไม่เอาอะ”
“ไม่มองจะรู้ได้ไงว่าพูดจริงหรือโกหก”
ด้วยความที่กลัวก็กลัว แต่อยากรู้ก็อยากรู้จึงทำให้ฉันค่อย ๆ หันมองไปทางป่ากล้วยที่ว่า เป็นจังหวะที่ลมพัดไหวมาแผ่วเบา ความเงียบสงบและความมืดทำให้หัวใจฉันเต้นแรงขึ้น มือบีบแน่นเข้าหากันพร้อมตาค่อย ๆ หรี่มอง
อีกนิดก็จะเห็น… แต่ในทันใดนั้น…
เคร้ง!!!!!!!
เมี๊ยววววววววว!!!!
“กรี๊ดดดดดดดดด!!!!” ฉันร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียงพร้อมกระโจนเข้าหาคนที่นั่งข้างกายทันที หลับหูหลับตามุดหน้าอยู่ที่ตัวของเขาด้วยความสั่นเทา สตงสติที่มีหายไปหมดแล้ว เหลือไว้แค่ความกลัวเท่านั้น
“ผะ…ผีแมนบ่!”
“แมวไม่ใช่ผี”
“แต่เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณเจอผี”
“อันนั้นใช่ แต่เมื่อกี้คือแมว” เขาเอ่ยตอบกลับมาด้วยความอารมณ์ดีต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง “ไม่ได้ยินเสียงร้องหรือไง”
“…”
“เข้าใจนะว่ากลัว… แต่ช่วยลงจากตักก่อนได้ไหม”
“…”
“ก่อนมันจะตื่นไปมากกว่านี้”
คำพูดที่แฝงไปด้วยอะไรบางอย่างทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมองอีกคน จากสติที่เตลิดไปไกลก็ถูกดึงกลับมาเมื่อรู้ว่าตอนนี้หน้าของเราห่างกันแค่คืบ มากกว่านั้นคือฉันยังนั่งทับตักแถมกอดคอเขาไว้แน่นอีกต่างหาก
และมากกว่านั้นอีกคือ… ไอ้ที่ฉันนั่งทับมันเริ่มแข็งตัวแล้วด้วย…
“หรืออยากให้มันแข็งกว่านี้?”
“อี๋! ลามก!” ว่าแล้วก็กระโจนลงจากตักของอีกฝ่ายทันที พร้อมนิ้วเล็ก ๆ ชี้ไปที่เป้ากางเกงของเขาอย่างเดือดดาล “ขอให้เยี่ยวบ่ออก! โรคจิต! ขอให้พระลงโทษอย่างหนัก!”
คิ้วเข้มยกขึ้นพร้อมปากระบายยิ้มขำขันออกมา ตามองร่างเล็กที่ต่อว่าเขาเมื่อครู่แล้วเดินหายเข้าไปในห้องด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ไม่รู้ว่าโกรธหรืออายกันแน่
ตัวเองเป็นคนกระโดดขึ้นมานั่งบนตักเขาแท้ ๆ แถมยังมุดหน้าขึ้นลงกับซอกคอ ไหนจะกลิ่นหอมที่ลอยออกมาเรือนผม มันไม่แข็งก็ให้รู้ไปสิ
เขาก็เป็นคนไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไร…
ตาคมละสายตาแล้วหันกลับไปมองป่ากล้วยตามเดิม ที่ถามเปรี้ยวจี๊ดเมื่อครู่เพราะเขาเห็น ‘คน’ มาทำลับ ๆ ล่อ ๆ แถวนี้ ตอนแรกก็นึกว่ามันเป็นสวนของคนอื่นจึงถามดู แต่เมื่อได้ยินเธอบอกว่าเป็นสวนของตาที่ตายไปแล้วจึงมั่นใจว่ามีคนมาแอบดูหรือกำลังวางแผนอะไรบางอย่างแน่นอน
แต่ที่ต้องบอกว่าเป็นผีก็เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดมาก เดี๋ยวเรื่องนี้เขาจะหาทางจัดการและสืบสาวเรื่องราวเอาเอง และนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ปู่บอกว่า ‘มาอยู่เดี๋ยวก็รู้เอง’ น่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
ร่างสูงลุกขึ้นยืนแล้วตรวจเช็กประตูต่าง ๆ ก่อนที่จะพาร่างอัน ‘แข็งค้าง’ กลับเข้าห้องของตัวเองอย่างสิ้นหวัง
มาวันแรกก็โดนเล่นเลย เปรี้ยวจี๊ดสมชื่อจริง ๆ