กลางคืนที่มืดสลัว
รถของไอริสลับสายตาไปนานแล้ว
เหลือเพียงเงาของชายหนุ่มมาดเข้ม
ยืนค้ำอยู่หน้าร้านดอกไม้ที่ปิดไฟสนิท
บรรยากาศเงียบสงัดเหมือนกลืนกินทุกสิ่ง
..
แววตาคมกริบของเขา
ไม่ใช่เพียงความโกรธอีกต่อไป
แต่เต็มไปด้วยความคิดคำนวณ
ราวกับสมองกำลังวางแผนเดินเกมใหม่
.
> “ผืนดินแถวนี้…ยอมขายหมดแล้ว
เหลือก็แค่เธอคนเดียว”
มุมปากของเขายกยิ้มบาง ๆ เย็นชาในเงามืด
“ที่ตรงนี้…คือทำเลทองสำหรับธุรกิจของฉัน
ต้องช่วงชิงขยายเขตอำนาจ ...
ก่อนที่พวกนั้นจะได้ทำเลทองผืนนี้ไป”
..
เขาเงยหน้ามองป้ายชื่อร้าน
ที่สะท้อนแสงไฟถนน
ราวกับจะจดจำชื่อเธอให้แน่นในใจ
> “ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหน…ฉันต้องได้มันมา”
..
แต่ในห้วงความคิดอันมืดหม่นนั้น
ก็ผุดขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งที่หนักแน่น
และโหดเหี้ยมยิ่งกว่า
> “ถ้าเธอยังดื้อดึงไม่ยอม…
ก็คงเหลือแค่ฆ่าเธอทิ้ง”
..
สายตาของมารุตแข็งกร้าว เงียบงัน
ทิ้งไว้เพียงความอำมหิตที่ก่อร่างขึ้นในใจ
เหมือนพายุที่กำลังจะถาโถมเข้าใส่หญิงสาว
ผู้ไม่เคยเกรงกลัวใคร…
..
--เช้าวันรุ่งขึ้น --
แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านกระจกใส
ของร้านดอกไม้ กลีบกุหลาบที่เพิ่งบานสะพรั่ง
ยังคงส่งกลิ่นหอมละมุนเหมือนทุกวัน
แต่บรรยากาศอันสงบกลับถูกทำลายลง
อย่างกะทันหัน
..
เสียง ปัง! !!
ของกระถางแตกกระจายดังสนั่น
ก่อนตามด้วยเสียงแจกันแก้วหล่นแตก
เพล้ง!!!
ชายฉกรรจ์ในชุดดำหลายคน
บุกเข้ามาในร้านอย่างอหังการ
แววตาแข็งกร้าว บางคนใช้มือปัดช่อดอกไม้
หล่นเกลื่อนพื้น บางคนยกโต๊ะพลิกคว่ำ
ความหอมละมุนของร้านถูกแทนที่ด้วยกลิ่นฝุ่น
กลิ่นแก้วแตก และบรรยากาศอันน่ากดดัน
..
ชายหนุ่มคนเดิม เดินก้าวตามเข้ามาช้า ๆ
สูทสีเข้มสะท้อนอำนาจ แววตาเย็นเยียบ
กวาดมองความเสียหายเหมือนกำลังชื่นชมผลงาน
เขายกคิ้วเล็กน้อยเหมือนท้าทาย
“ยังคิดจะดื้ออีกไหม ยัยบ้า?
แค่เซ็นเอกสาร ขายให้ผม ทุกอย่างก็จบ”
..
ทว่าไอริสกลับยืนนิ่ง
มือยังคงจับช่อไอริสสีม่วงที่เธอกำลังจัดค้างไว้
ดวงตาของเธอเรียบเฉย ไม่มีน้ำตา
ไม่มีแม้แต่ร่องรอยความสะทกสะท้าน
ต่อสิ่งที่ถูกทำลายรอบตัว
..
“ของพังซ่อมได้… แต่ศักดิ์ศรีฉันไม่ขาย”
เธอเอ่ยเสียงเรียบ ไม่สูง ไม่ต่ำ
ราวกับไม่มีความโกรธ ไม่มีความหวาดหวั่น
..
เขากัดฟันแน่น แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเข้าหา
— เสียงตะโกนก็ดังขึ้นจากหน้าร้าน
~
“ไอ้พวกสารเลว! !!
มาทำอะไรกับร้านผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบนี้!”
..
ลูกค้าขาประจำที่ยืนอยู่แถวนั้น
รีบกรูกันเข้ามา บ้างคว้ามือถือขึ้นมาถ่ายคลิป
บ้างตะโกนด่า สาปแช่ง เสียงโวยวายดังระงม
จนคนที่เดินผ่านถนนเริ่มหยุดมอง
และเข้ามาสมทบ
..
>>“อายบ้างไหม! มาทำร้ายดอกไม้
มาทำร้ายร้านแบบนี้!”
>>“ประจานลงโซเชียลแน่ วันนี้มึงดังแน่พวกเวร!”
..
ชายฉกรรจ์ที่เข้ามาพังข้าวของเริ่มลังเล
ใบหน้าตึงเครียดเมื่อเห็นกล้องมือถือ
หลายสิบเครื่องกำลังจับภาพ
พวกเขาเหลือบมองคนที่สั่งการอย่างไม่มั่นใจ
..
ไอริสยังคงยืนเรียบเฉย ไม่ร้องไห้
ไม่แม้แต่จะหันไปมองเศษซากรอบตัว
ดวงตาเธอสบกับเขานิ่ง ๆ
เหมือนกำลังประกาศเงียบ ๆ ว่า
ต่อให้พายุรุนแรงเพียงใด
เธอก็จะไม่ก้มศีรษะให้เขา
..
เสียงด่าทอและการถ่ายคลิปยังคงกดดันไม่หยุด
ราวกับทั้งละแวกพร้อมใจกัน
ปกป้องร้านดอกไม้แห่งนี้
ให้พ้นจากเงามืดของพวกมาเฟีย…