“ว่าไงล่ะพริ้งพราว”
ทันทีที่ร่างสูงของคู่กรณีหันหน้ามาหาเธอ แม้ในห้องจะมีเพียงแค่แสงไฟริบหรี่ ทว่าเธอกลับเห็นใบหน้าคมเข้มนั้นชัดเจน และจำได้ขึ้นใจเลยว่าเขาคือคนเดียวกันกับที่เจอในห้องน้ำผับเมื่อคืนนี้
ร่างเล็กยืนตัวแข็งทื่อในหัวคิดไปต่าง ๆ นานา ยังคงสับสนกับสถานการณ์ตรงหน้าไม่เลิก
เพราะมัวแต่ใจลอยซึ่งกว่าจะรู้ตัว ทายาทมาเฟียก็ย่างกรายเข้าหาประชิดตัว เรียกสติของพริ้งให้ตื่นจากภวังค์ทันที
“ทำอะไรของคุณ”
“คิดว่าฉันจับตัวเธอมาทำไมล่ะ คงไม่คิดจะมานอนถ่างขาให้ฉันเอา....”
เพี๊ยะ!!
“มีสิทธิ์อะไรมาดูถูกคนอื่น ตัวเองสูงส่งนักหรือไงห้ะ!”
“หึ”
ใบหน้าอันหล่อเหลาหันไปตามแรงกระทบจากฝ่ามือเล็กแต่พริกขี้หนูจนเลือดซิบมุมปาก นิ้วเรียวยกขึ้นเช็ดหยดเลือดออกก่อนจะแสยะยิ้มมองไปยังคนพยศด้วยแววตาวาวโรจน์
“เฮียทัพให้ผมจัดการเลยไหมครับ”
“ไม่ต้อง ส่งแก้วนั้นมา”
ลูกน้องมือขวาเป็นห่วงเจ้านายที่ถูกมือเล็ก ๆ ของพริ้งฟาดเข้าหน้าแบบไม่ยั้งแรง หมายจะเข้าช่วยแต่กองทัพกลับยกมือห้ามไว้เสียก่อน
หมับ
“ปล่อยฉันนะ ไอ้คนโรคจิต ปล่อยฉัน”
“เก่งนักใช่ไหม”
ปึก
“อึก”
ฝ่ามือหนากระชากข้อแขนของคนอวดเก่งจนเธอต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บจากแรงบีบรัดเริ่มเล่นงาน หนำซ้ำยังถูกเหวี่ยงลงเตียงขนาดคิงไซส์แม้จะนุ่มมากเพียงใดแต่ด้วยแรงที่ไม่ถนอมก็ทำเอาพริ้งจุกอยู่ไม่น้อย
พริ้งนอนขดตัวพลางกุมหน้าท้องด้วยความทรมาน แต่คนถูกความอาฆาตแค้นครอบงำเช่นกองทัพกลับไม่แม้แต่จะสงสารหรือเห็นใจเลยสักนิด
กองทัพย่างสามขุนเข้าหาพริ้งแล้วหยุดยืนอยู่ข้างเตียง ก่อนที่เขาจะรับแก้วบรรจุน้ำส้มเพียงครึ่งมาจากไท แล้วจัดการบีบคางมนอย่างแรงเพื่อบังคับให้เธออ้าปาก
“กินเข้าไป!”
“ถุย”
เพี๊ยะ
“ฮึก”
เสียงสะอื้นทั้งน้ำตาดังขึ้นพร้อมกับมือบางกอบกุมแก้มเนียนใส ที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงช้ำเป็นปื้นตามรอยนิ้วมือของคนใจเหี้ยม เนื่องจากโดนหยามด้วยการถ่มน้ำลายใส่หน้า ยิ่งปลุกความโกรธเกรี้ยวจากกองทัพให้ลุกโชนหนักกว่าเดิม
ซึ่งไททนดูสถานการณ์รุนแรงตรงหน้าไม่ไหว เตรียมจะเข้าไปห้ามเจ้านายที่สติหลุดเผลอทำร้ายผู้หญิงทั้งที่เขาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
“ออกไป ไม่ต้องยุ่ง”
“ครับเฮียทัพ”
ด้วยหน้าที่ตำแหน่งและถูกปลูกฝังให้เคารพต่อการตัดสินใจของหัวหน้า ไทจึงไม่สามารถคัดค้านหรือออกความเห็นนอกกรอบได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือเชื่อฟังและทำตามคำสั่งเขาเท่านั้น
หลังจากประตูห้องถูกปิดลงกองทัพจึงหันกลับมาลงมือกับคนตัวเล็กซึ่งหัวแข็งกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ ก่อนจะกรอกน้ำส้มผสมยาบางอย่างลงอุ้งปากเล็ก บังคับให้เธอฝืนกลืนกินด้วยความขมขื่นจนหยดน้ำส้มเลอะเปรอะเปื้อนเสื้อนักศึกษาเป็นวงกว้าง
หยาดน้ำตาร่วงรินด้วยความเจ็บปวดร่างกายที่เริ่มบวมช้ำไปทั้งตัวไม่ต่างจากจิตใจที่อ่อนแอลงเรื่อย ๆ หากต้องยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อขอความเห็นใจจากคนใจร้ายเธอก็ยอม….
เธอรีบตะเกียกตะกายดันตัวลุกขึ้นนั่งชิดหัวเตียง พร้อมกับมือบางที่สั่นเทาทั้งสองข้างค่อย ๆ ยกขึ้นประนมอ้อนวอนร้องขอในสิ่งที่อยู่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นไปไม่ได้
“อย่าทำอะไรพริ้งเลยพริ้งยอมแล้ว ฮึก”
“แค่นี้ยอมแล้วหรอ แล้วมันจะสนุกได้ไงล่ะ”
“พริ้งไปทำอะไรให้คุณ ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย”
“ชื่อเสียงเงินทองที่เธอได้มานั่นไง ฉันจะทวงทุกอย่างคืนมาให้หมด”
ถ้อยคำประกาศิตตวาดลั่นใส่หน้าคนตัวเล็กที่หวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่น แต่คนที่ผ่านผู้หญิงมานักต่อนักอย่างกองทัพ ไม่คิดหลงกลกับลูกไม้ตื้น ๆ ของผู้หญิงร้อยเหลี่ยมมารยาเช่นเธอแน่นอน
กองทัพเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะยื่นให้พริ้งที่มองเขาด้วยความสงสัย
“โทรหาทางบ้านซะคงรู้ว่าต้องทำยังไง อย่าคิดเล่นตุกติกเพราะลูกกระสุนของฉันมันไม่มีตา”
สิ้นเสียงขู่เข็ญกระบอกปืนที่ซ่อนไว้ใต้หมอนใบใหญ่ก็ถูกคว้าออกมา ก่อนจะชักปืนแล้วจ่อเข้าหน้าผากมนพร้อมกับมองจ้องด้วยสายตาเกรี้ยวกราด หากเธอคิดไม่ซื่อเขาก็พร้อมจะลั่นไกโดยไม่ลังเล
และมันก็ได้ผลเพราะยังไงแล้วทุกคนย่อมรักตัวกลัวตายไม่ต่างจากเธอ ดวงตากลมโตเหลือบมองกองทัพซึ่งเขาก็จับตาดูเธออย่างไม่ไว้ใจก่อนจะเลือกโทรหาผู้เป็นแม่ซึ่งรอไม่นานปลายสายก็กดรับ
“แม่”
(พริ้งหรอลูก หนูอยู่ไหนแล้วใช้เบอร์ใครโทรมา พี่วากับมะปรางมารอนานแล้วนะ)
“เอ่อ...พอดีหนูติดธุระด่วนคงไปไม่ได้แล้วนะคะแม่”
(ธุระอะไรสำคัญขนาดนั้นเลยหรอลูก)
“นิดหน่อยค่ะ คืนนี้หนูอาจจะค้างข้างนอกแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด
เป็นกองทัพที่กระชากโทรศัพท์ออกจากหู ก่อนจะถือวิสาสะกดวางสายหลังจากพอใจกับคำพูดของพริ้งที่ยอมเชื่อฟัง ซึ่งเขาก็ยอมลดปืนลงเช่นเดียวกัน
“ฉลาดหนิ”
“...”
“หึ เริ่มออกฤทธิ์แล้วสินะ”
เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างโรคจิตพร้อมด้วยสายตาคมกริบดุดันไล่มองเรือนร่างอันสมส่วนกำลังบิดเร่าไปมาจนเหงื่อแตกพลั่ก เพราะยาปลุกเซ็กส์ขั้นรุนแรงที่เขาผสมกับน้ำส้มให้เธอดื่มกำลังจะเริ่มทำงาน
“คะ...คุณเอาอะไรให้ฉันกิน”
“เดี๋ยวก็รู้”
พรึ่บ
“จะไปไหน”
“ขอฉันอาบน้ำหน่อยได้ไหม ร้อน”
“ไม่ได้ ถ้าฉันไม่อนุญาตเธอก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรทั้งนั้น อย่าลืมว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ฉันต่างหากที่เป็นคนกำหนด”
เพราะเหงื่อเริ่มไหลโซมกายจนกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุข อยากอาบน้ำเพื่อระงับความร้อนรุ่มในร่างที่กำลังก่อตัวอย่างไม่รู้สาเหตุ แต่กลับโดนเจ้าของห้องขัดขวางเอาไว้จนเธอเริ่มทนไม่ไหว
“คะ..คุณทัพ พริ้งขอดื่มน้ำหน่อย”
“อยากได้น้ำแบบไหนล่ะ หื้ม”
“ขอเย็น ๆ พริ้งไม่ไหวแล้ว”
เป็นเพราะฤทธิ์ยาจึงทำให้น้ำเสียงฟังดูยั่วยวนอย่างรื่นหูเป็นที่พอใจจนเขาต้องกระตุกยิ้มมุมปาก ซึ่งกองทัพก็ใช่ว่าจะเป็นคนใจจืดใจดำยอมเดินไปหยิบน้ำออกจากตู้เย็น ก่อนจะทำทียื่นให้คนตัวเล็กที่รีบคว้าแต่กลับไม่ไวเท่าเขาที่ยกขวดน้ำขึ้นเหนือหัว จงใจยั่วอารมณ์อยากของเธอให้ลุกโชน
“ขะ..ขอ”
“ใจเย็น คิดว่าฉันจะใจดีขนาดนั้นเลยหรือไง”
“ต้องการอะไร”
“หึ ฉลาดมาก”
ดวงตาสั่นระริกมองไปยังขวดน้ำที่อยู่ในมือของกองทัพพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยความกระหาย
ริมฝีปากที่ก่อนหน้านี้ดูอวบอิ่มกลับแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ภายในกายเร่าร้อนจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เรียวขาขาวเนียนที่โผล่พ้นกระโปรงสั้นเพียงคืบบิดเกร็งอย่างทรมาน เพราะอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นด้วยวิธีสกปรกแล่นลิ่วลงกลางกายสาวจนชื้นแฉะไปด้วยน้ำหวาน
กองทัพกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเปิดฝาขวดแล้วเทน้ำเย็นที่เป็นความหวังของคนคอแห้งราดใส่กางเกงสแล็คราคาแพง จนเนื้อผ้าตรงกลางเป้าเปียกลู่แนบไปกับเนื้อกายที่ปูดนูนขึ้นให้เห็นอย่างเด่นชัด
“ถ้าหิวมากก็มากิน”