เสียงกรีดร้องจากห้วงจิตสำนึกภายในจิตใจอยู่ ๆ ก็เสียดแทงขึ้นมา ช่างเจ็บปวดทรมานเกินจะรับไหว เสียงแห่งแรงปรารถนาดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่าพร้อมกับดวงตาพลันเปิดกว้าง หลินจินเว่ยสะดุ้งสุดตัวตื่นขึ้นมารู้สึกราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็นลงมากลางกระหม่อม
หลังจากนั้นเธอถึงรู้สึกถึงลมหายใจในที่สุดก็สามารถกลับเข้ามาในร่างร่างหนึ่งที่คล้ายจะคุ้นเคย รู้สึกถึงน้ำอุ่นและน้ำเย็นไหลลึกผสานกันแล่นจากด้านบนลงไปถึงปลายเท้า
ความรู้สึกร้อนหนาวสลับกับเจ็บปวดนั้นค่อย ๆ จางหายไปเมื่อสายตารับรู้ความสว่างจนกระทั่งทุกอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ หญิงสาวกวาดมองไปรอบห้อง ช่างน่าประหลาดใจนัก ที่นี่ไม่ใช่สถานที่จัดงานศพ ไม่ใช่พื้นที่สุดท้ายที่เธอเห็นในภาพความทรงจำ ตอนที่ลูกชายของเธอเสียชีวิตแล้วเขานอนอยู่ในโลงศพ
ทว่าที่นี่น่าจะเป็นบ้านของสามี หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ที่นี่คือบ้านของหยางฮ่าวเทียนอดีตสามีของเธอ รั้วบ้านสีน้ำตาล เธอกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้นอกรั้ว ปวดศีรษะราวกับจะระเบิดออกมา หญิงสาวอยากแน่ใจในสิ่งที่ตัวเองคิดจึงเดินเข้าไปในบ้าน ไปยังห้องนอนของตัวเองตามความทรงจำ
“นี่มันอะไรกัน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
คำถามที่เธอถามตัวเอง และได้คำตอบเป็นเพียงความเงียบเท่านั้น หญิงสาวกวาดสายตามองไปรอบกายอย่างตื่นตระหนก ชุดรับแขกตัวเล็กริมหน้าต่าง เธอยังจำได้ดีว่าเคยบ่นกับหยางฮ่าวเทียนเสมอว่ามันเล็กเกินไปสำหรับเป็นโต๊ะจิบน้ำชายามบ่าย เธออยากได้โต๊ะและเก้าอี้ตัวใหญ่กว่านี้ ทว่าทั้งคู่ก็เซ็นใบหย่ากันเสียก่อน
“นี่มันห้องของฉันไม่ใช่หรือ”
หลินจินเว่ยยืนโงนเงนประคองร่างตัวเองนั่งลงบนเตียง เธอก้มลงมองตัวเองในขณะที่ยืนอยู่กลางห้อง มองดูชุดกระโปรงสั้นสีเหลืองความยาวเหนือหัวเข่า มือทั้งสองข้างสวมถุงมือสีขาวออกครีมซึ่งมองแล้วเข้าเฉดกันกับสีชุด ยิ่งทำให้ต้องตกใจเข้าไปอีกเมื่อนึกได้ว่าชุดที่ใส่วันนี้คือชุดที่ตั้งใจจะไปเซ็นใบหย่า!
เธอตั้งใจแต่งตัวสวยกว่าปกติเพราะดีใจที่หลังจากนี้จะได้ย้ายออกไปจากบ้านนี้เพื่อจะไปอยู่กับคนรักเสียที
หญิงสาวรีบเดินไปที่กระจกโต๊ะเครื่องแป้ง ตั้งใจมองตัวเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน สิ่งแรกที่มองเห็นชัดเจนคือผิวหน้าสวยเยาว์วัยไร้ที่ติ ไม่มีริ้วรอยจากกาลเวลาใด ๆ ของคนวัยเกือบสี่สิบซึ่งเธอจำได้แม่นว่าตัวเองตายตอนอายุเกือบสิบปี
แม้จะรู้สึกตื่นเต้นแต่ความรู้สึกสงสัยกลับมากกว่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ พลันมีความคิดหนึ่งแล่นเข้ามา หรือว่าเธอกลับมาแล้ว
จำได้ว่าเมื่อก่อนเธอมักจะถูกหลี่เหวินปิงบอกให้อยู่บ้าน เขาจะไปทำงานและดูแลบัญชีที่ร้านเอง อยากให้เธอพักผ่อนและแต่งตัวสวย ๆ รอเขาอยู่บ้านมากกว่า หญิงสาวมีความสุขมากที่เขาไม่อยากให้เธอทำงานหนัก มาคิดตอนนี้เธอนี่ช่างโง่เหลือเกิน เขาคงตั้งใจฮุบกิจการเธอตั้งแต่แรกแล้ว
เธออยู่บ้านไม่มีอะไรทำก็ได้แต่อ่านพวกนิยาย ที่มักจะฝากป้าข้างบ้านซื้อมาอ่านฆ่าเวลา ช่วงหลังก็เป็นนิยายออนไลน์ นิยายที่เธอชอบมากที่สุดก็จะเป็นนิยายทะลุมิติ นางเอกเก่ง ๆ ย้อนเวลากลับไปจัดการตัวร้ายอะไรทำนองนั้น มันช่างเหมือนกับเธอตอนนี้
แต่ว่าเธอย้อนเวลากลับมาเป็นตัวเอง ตัวเองในวัยยี่สิบเอ็ดที่ทั้งสาวทั้งสวย เพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่ปีก็บังคับสามีให้หย่า เพราะเธอไม่ได้รักเขาตั้งแต่แรกแล้ว ที่ต้องแต่งเพราะเหตุสุดวิสัย เธอถูกจับได้ว่าอยู่กับเขาทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต้องจับทั้งคู่แต่งงานกัน
ทว่าความจริงที่ไม่มีใครรู้คือเขาข่มขืนเธอเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัด เขารู้สึกผิดจึงดีกับเธอมาตลอด แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกันเลยยกเว้นครั้งนั้น แล้วเธอก็ท้อง พอคลอดลูกก็ไม่สนใจเลี้ยง นี่คือสาเหตุที่เธอไม่ชอบสามีตัวเอง แต่กลับหลงรักสหายร่วมชั้น และสุดท้ายก็เกลี้ยกล่อมให้เขายอมเซ็นใบหย่าวันนี้!
“ไม่น่าเชื่อ นี่ฉันกลับมาเป็นสาวอีกครั้งจริง ๆ ด้วย”
หลินจินเว่ยยืนทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอยู่นิ่ง ๆ ตรงนั้นครู่ใหญ่ แม้จะยังไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและเพราะอะไร แต่ตอนนี้เมื่อมีโอกาสได้กลับมาแล้ว เธอจะต้องไม่ทำผิดพลาดอีก!
ขณะที่กำลังยืนคิดอะไรอยู่เธอได้ยินเสียงของเด็กชายคนหนึ่งดังมาจากห้องด้านข้าง บ้านหลังนี้เดิมทีเป็นบ้านของสามี แต่พ่อแม่เขาไม่ได้อยู่ที่นี่เธอเองก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่ยังอยู่หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ที่นี่มีปู่กับย่าของสามี พวกเขาน่าจะกำลังดูแลลูกชายของเธอ หญิงสาวรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกระโปรงยาวที่ดูเรียบร้อยขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นเดินก็ออกไปจากห้อง
เธอมองเห็นคนชราสองคนกำลังเลี้ยงลูกชายตัวน้อยของตัวเองอยู่ ทันทีที่พวกเขาเห็นหน้าเธอก็แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกและเธอคนเดิมก็มักจะไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว
ปกติหญิงสาวก็ทักจะเชิดหน้าแล้วเดินผ่านไปโดยไม่ทักทายเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอไม่เคยดูแลลูกเลย วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวสวยออกไปนอกบ้านเดินเล่นกับเสวี่ยอิงฮวาทั้งวัน ไม่สนใจคนในบ้านนี้แม้แต่น้อย
“คุณปู่คุณย่ากำลังทำอะไรอยู่หรือคะ” หลินจินเว่ยกลั้นใจถามออกไป แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่พอใจอยู่ก็ตาม
คุณปู่ไม่ยอมตอบ เขายังคงนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ หันมองไปข้างตัวดูเหลนชายตัวน้อยที่กำลังงอแงไม่ยอมกินข้าวดี ๆ
“คุณย่าคะ ทำไมอวี่หลินถึงไม่ยอมกินข้าวล่ะคะ” คราวนี้เธอหันกลับไปถามหญิงชราบ้าง เพราะเธอก็กำลังมองไปยังเหลนตัวเองเช่นกัน
“อย่ามาอวดรู้ เขาแค่รอให้มันเย็นสักหน่อย เธอไม่เคยเลี้ยงเขาจะมารู้ดีได้ยังไง”
“แต่คุณย่าคะ ตอนนี้ดูยังไงเขาก็ไม่อยากกินอาหารในถ้วยเลย ข้าวต้มเปล่า ๆ แบบนี้มันจืดไปไหมคะ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามาอวดรู้ เธอไม่เคยดูแลไม่เคยเลี้ยงเขาสักวัน จะรู้หรือว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไรน่ะ รอข้าวต้มเย็นอีกหน่อยเขาก็กินเองนั่นแหละ” หญิงชราเริ่มขึ้นเสียงด้วยความไม่พอใจ
เธอรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ชอบหน้าตนเอง เพราะเธอประพฤติตัวไม่ดีมาตลอดไม่ว่าจะก่อนหรือหลังมีลูกก็ละเลยหน้าที่หลานสะใภ้ที่ดีเสมอ คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผสานรอยร้าวนี้ แต่เธอก็ต้องทำ!
“อวี่หลินมาหาแม่หน่อยสิลูก” หลินจินเว่ยหันมามองทางหยางอวี่หลินลูกชายตัวเล็กที่มีอายุไม่กี่ขวบปี
นอกจากเขาจะไม่สนใจเธอแล้ว เขายังมองเธอด้วยดวงตากลมโตคล้ายสงสัย แววตานี้ช่างดูห่างเหิน ไม่แปลกเลยในเมื่อเธอไม่เคยใส่ใจเขาด้วยซ้ำ คงมองว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น เขายังเบียดร่างน้อย ๆ เข้าสู่อ้อมกอดผู้เป็นย่าทวดอีกด้วย
หลินจินเว่ยคนก่อนไม่เคยใส่ใจดูแลลูกของตน โยนภาระทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของสามี เพราะหยางฮ่าวเทียนมีงานที่ค่อนข้างยุ่งมาก และตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดใส่ใจคนในครอบครัว ภาระการเลี้ยงดูลูกจึงตกมาเป็นของคนชราทั้งสอง แต่หลังจากนี้เธอจะไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว
“เดี๋ยวฉันทำอาหารใหม่ให้อวี่หลินเอง เผื่อว่าเขาจะชอบ”
หญิงสาวเดินผ่านปู่ย่าสามีเข้าไปในห้องครัวทันที โดยไม่สนใจว่าสายตาของพวกเขาจะมองเธออย่างไร หรือแม้ว่าทั้งคู่จะพูดอะไรก็ตาม
“วันนี้เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา เราต้องคอยดูแลอวี่หลินให้ดีนะ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะใช้มารยาแบบไหนมาทำให้พวกเราต้องปวดหัวกันอีก”
“ต่อให้เสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นแม่ที่ดีตอนนี้ฉันก็ไม่ยอมหรอก”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของคนทั้งสอง ทุกอย่างที่พวกเขาพูดไม่เกินจริงเลย เธอในอดีตนั้นทำตัวร้ายกาจน่าขยะแขยงมาก ทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้หย่า ไม่เว้นแม้กระทั่งเอาลูกมาอ้างว่าถ้าเขาไม่ยอมหย่าเธอจะพาลูกหนีไปก็เคยขู่มาแล้ว แต่ต่อจากนี้เธอจะไม่ทำอีกแน่นอน
หลินจินเว่ยเดินเข้ามาภายในห้องครัว เธอเปิดดูภายในตะกร้าซึ่งมีผักสดสารพัดชนิด แหงนหน้าขึ้นมองยังคงเห็นเนื้อแห้งและแม้กระทั่งไก่สดที่เหมือนเพิ่งไปซื้อมาจากตลาด ถูกล้างทำความสะอาดแล้วผึ่งเอาไว้ ถึงแม้ว่าปกติเธอจะไม่เคยพูดจาดี ๆ กับสามีเลย แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้เธอขาดเงิน หรือทำให้ครอบครัวลำบาก
“วันนี้คงต้องแสดงฝีมือทำอาหารให้ลูกชายชิมดูบ้างหวังว่าเขาจะชอบ”
เสียงทำอาหารเกิดขึ้นในห้องครัวอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ทั้งสองเกิดความสงสัย แต่ก็ไม่มีใครเดินมาดู เพราะไม่อยากสนใจหลานสะใภ้นิสัยแย่คนนี้ ทุกคนคิดว่าเธอเป็นเพียงอากาศเสียภายในบ้านมานานแล้ว
“ผู้หญิงคนนั้นเพี้ยนขึ้นมาจริง ๆ ฉันไม่ยอมให้อวี่หลินกินของที่เธอทำเด็ดขาด”
“อวี่หลินไม่มีทางกินอาหารฝีมือของผู้หญิงใจร้ายคนนั้นหรอก”
หลินจินเว่ยไม่ได้สนใจคำพูดของทั้งสองตอนนี้มากนัก เธอแค่ตั้งใจทำอาหารอย่างสุดฝีมือ สับไก่ให้ละเอียดที่สุดเคี่ยวลงไปในน้ำให้เป็นซุปกระทั่งเนื้อเละนุ่มเหมาะกับเด็ก ๆ และคนชราหลังจากนั้นก็ใส่เห็ดหอมหั่นลูกเต๋าเล็ก ๆ ยังมีแครอตที่หั่นเต๋าเล็ก ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะเขาไม่ชอบกินผัก ด้วยการเลี้ยงดูที่ค่อนข้างตามใจ เมื่อเด็กไม่ชอบก็ไม่บังคับ
แต่เด็กต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของแม่กลับใจอย่างเธอจะต้องทำให้เต็มที่ ไม่นานเสียงทำอาหารในครัวก็เงียบลง
“กลิ่นหอมขนาดนี้รสชาติก็ต้องถูกใจเด็กน้อยแน่ ๆ” หญิงสาวยิ้มให้กับข้าวต้มในชามฝีมือตัวเอง หวังว่าลูกชายจะชอบ