บทที่ 16

2082 คำ
ภูวินทร์ลืมตาขึ้น เมื่อเสียงลมแรงพัดกระทบกระจกหน้าต่างดังแผ่ว ๆ ความคิดของเขาถูกดึงกลับจากอดีตอันขมขื่นสู่ปัจจุบัน เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาวราวกับอยากระบายบางสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในอกให้หลุดออกไปกับลมหายใจนั้น ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนอนของลูกเพื่อดูความเรียบร้อย แสงไฟจากโถงทางเดินลอดผ่านประตูแง้มเข้าไป เผยให้เห็นภาคินทร์นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็ก ใบหน้าไร้เดียงสาของลูกชายทำให้หัวใจที่หนักอึ้งของเขาอ่อนยวบลง “ฝันดีนะ...ลูกพ่อ” เขาพึมพำเสียงแผ่ว พลางดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวลูกให้มิดชิด ก่อนจะปิดประตูห้องอย่างเบามือ จากนั้น เดินกลับไปยังห้องนอนใหญ่ของตนกับคะนึงนิจ เสียงน้ำจากฝักบัวดังคลอเบา ๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงียบลง ภูวินทร์เช็ดตัว ลูบผมให้แห้ง แล้วเอนกายลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา คะนึงนิจนอนอยู่ด้านหนึ่งของเตียง แสงไฟสีอบอุ่นจากโคมหัวเตียงอีกฝั่งหนึ่งสะท้อนให้เห็นใบหน้าสงบนิ่งยามหลับสนิทของเธอบางส่วน เขามองภาพนั้นนิ่งก่อนจะดับไฟที่โคมหัวเตียงข้างตัว ขยับตัวเข้าใกล้ วาดแขนโอบรอบร่างของภรรยาอย่างแผ่วเบา เขาหลับตาลงช้า ๆ คืนนี้ เขายังมีเธออยู่ตรงนี้ มีลูกน้อยที่รอการปกป้องอยู่ในห้องข้าง ๆ และนั่นก็เพียงพอแล้ว สำหรับหัวใจที่อยากแก้ตัวใหม่อีกครั้ง ... “จากผลการส่องกล้อง พบว่าคนไข้มีติ่งเนื้อขนาดเล็กอยู่สองจุดในลำไส้ใหญ่ ขนาดประมาณสองมิลลิเมตร ระหว่างทำการส่องกล้อง ผมได้ตัดติ่งเนื้อเหล่านั้นออกมาเรียบร้อยแล้ว และส่งไปตรวจเพิ่มเติม เพื่อดูว่าเป็นชนิดที่มีความเสี่ยงต่อการกลายเป็นมะเร็งหรือไม่ คนไข้ไม่ต้องกังวลไปนะครับ โชคดีที่เราพบติ่งเนื้อนี้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และมันก็มีขนาดเล็กมาก โอกาสที่จะเป็นมะเร็งถือว่าน้อยมากครับ” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านช่องท้องกล่าวช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางหันไปมองป้าสร้อยที่นั่งอยู่ตรงหน้า ข้างกายมี ภูวินทร์นั่งอยู่ด้วยสีหน้าห่วงใย “แล้วเราจะต้องทำยังไงต่อไปครับ?” ภูวินทร์เอ่ยถาม ขณะที่ป้าสร้อยยังคงนั่งนิ่งด้วยความตกใจกับผลการตรวจที่เพิ่งได้รับรู้ “ตอนนี้ต้องรอผลการตรวจชิ้นเนื้อที่ส่งไปก่อนครับ ระหว่างนี้ อยากให้คนไข้สังเกตอาการของตัวเองว่ามีอะไรผิดปกติไหม เช่น ปวดท้อง ท้องอืด หรือมีภาวะท้องเสีย แต่โดยทั่วไปแล้ว ติ่งเนื้อขนาดเล็กแบบนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็ง และถ้าผลตรวจออกมาว่ามีความเสี่ยง ก็ยังถือว่าโชคดีมากที่เราพบตั้งแต่เนิ่น ๆ ผมขอนัดมาติดตามผลในอีกสองสัปดาห์นะครับ ตอนนั้นผลตรวจชิ้นเนื้อน่าจะออกพอดี” หลังจากพบแพทย์เสร็จ ระหว่างทางกลับบ้าน ป้าสร้อยยังคงมีสีหน้ากังวล “แล้วเราจะบอกนิจยังไงดี ป้ากลัวนิจจะตกใจ...เราอย่าเพิ่งบอกนิจเลยดีไหม” “ผมว่า บอกนิจไปตรง ๆ ดีกว่าครับ อีกอย่าง คุณหมอก็ยืนยันแล้วว่าโอกาสเป็นมะเร็งมีน้อยมาก นิจจะได้สบายใจ” “อืม...ถ้างั้นก็เอาตามที่ภูว่าก็แล้วกัน ตอนรู้ผล ป้าก็ตกใจเหมือนกัน แต่พอได้ฟังที่คุณหมอบอกก็รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง หวังว่านิจจะไม่ตกใจไปด้วยก็แล้วกัน” … คะนึงนิจรับฟังผลการตรวจของป้าสร้อยอย่างสงบ ป้าสร้อยเล่ารายละเอียดให้ฟังอย่างช้า ๆ โดยมีภูวินทร์คอยเสริมเป็นระยะเมื่อถึงจุดที่ต้องอธิบายเพิ่มเติม คะนึงนิจรู้สึกโล่งใจที่การตรวจในครั้งนี้พบความผิดปกติเล็กน้อย เพราะอย่างน้อยก็เป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งหมายความว่า พวกเขายังมีเวลาในการดูแลและรักษาโรคของป้าสร้อยได้ทัน ความสงบนิ่งของคะนึงนิจสร้างความประหลาดใจให้ ภูวินทร์ไม่น้อย เหมือนเธอรู้อยู่แล้วล่วงหน้า หรือไม่ก็อาจตกใจจนเก็บอาการไว้ได้แนบเนียน เขาเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าคิดมากไปเองหรือเปล่า “แล้วน้องคินหลับอยู่หรือครับ นิจ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามถึงลูกชายสุดที่รัก “เมื่อเช้านิจปล่อยให้น้องคินเดินเล่นที่สวน กลับมาเนื้อตัวเลอะเทอะไปหมดเลยค่ะ ฝนก็ตามใจน้องเกินไป นิจเลยดุทั้งน้องคินทั้งฝนเลยค่ะ เมื่อกี้นิจกำลังอาบน้ำให้น้องคินอยู่ข้างบน พอดีเห็นรถพี่ภูเข้ามาบ้าน ก็เลยให้ฝนช่วยอาบต่อ จะได้ลงมาถามเรื่องป้าสร้อยก่อนค่ะ ป้าสร้อยพักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวนิจขอขึ้นไปดูน้องคินต่อ” “เดี๋ยวพี่ขึ้นไปดูด้วยดีกว่า น่าจะเล่นน้ำเพลินเลย อากาศร้อน ๆ แบบนี้...วันนี้พี่ว่าจะพานิจ ป้าสร้อย แล้วก็น้องคินออกไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน แต่ขอแวะเข้าออฟฟิศก่อนแป๊บหนึ่งนะ พอดีมีเอกสารด่วนต้องเซ็นนิดหน่อย” “ภูกับนิจพาน้องคินไปเถอะ พ่อแม่ลูกไปเดินเที่ยวกันตามลำพังบ้าง วันนี้ป้าขอพักอยู่บ้านนะ กำลังติดละครตอนบ่ายพอดี แหม...กำลังสนุกเชียว นี่ พรกับเจ้าฝนก็ติดละครเรื่องนี้งอมแงมเหมือนกัน” ป้าสร้อยพูดยิ้ม ๆ อารมณ์ดีที่จะได้ดูละครเรื่องโปรด คะนึงนิจนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าภูวินทร์จะพาเธอไปบริษัทของเขา ในชาติที่แล้ว เขาแทบไม่เคยพาเธอไปบริษัทเลย นาน ๆ ครั้งที่เธอจะได้ไป ก็มักต้องบอกเขาล่วงหน้าเสมอ แต่ก็ดีเหมือนกัน ครั้งนี้เธอจะได้ถือโอกาสไปดูบรรยากาศในบริษัทของเขาเสียหน่อย ว่าเป็นอย่างไรบ้าง … ภูวินทร์อุ้มลูกน้อยเดินเข้าบริษัท โดยมีคะนึงนิจสะพายกระเป๋าใบเล็กใส่ของใช้ของลูกเดินตามหลัง เด็กน้อยในชุดเอี๊ยมสีแดงเลือดหมูดูน่ารักสดใส หน้าตาหวานละมุนราวกับตุ๊กตา ยิ่งเมื่อส่งยิ้มหวานทักทายทุกคนที่หันมามอง หรือโบกมือตอบกลับอย่างร่าเริงให้กับคนที่โบกมือให้ ภาพนั้นยิ่งเรียกรอยยิ้มจากผู้คนทั้งสำนักงานได้ไม่ยาก คะนึงนิจที่ตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานหลายคน มองบรรยากาศรอบตัวด้วยแววตาอ่อนโยน บางคนยกมือไหว้เธอ อาจเพราะเคยพบกันมาก่อน หรือไม่ก็เพราะชายหนุ่มที่เดินนำอยู่ตรงหน้า ทำให้ต่างอนุมานได้ไม่ยากว่า เธอคือภรรยาของเขา หญิงสาวสวมเดรสสีฟ้าอ่อนยาวคลุมเข่า แต่งหน้าเพียงบางเบา เธอใช้โอกาสนี้ทดลองเครื่องสำอางตัวอย่างจากบริษัทใหม่ที่คุณอ้อส่งมาให้ ปกติแล้วคะนึงนิจแทบไม่แต่งหน้าเลย แม้แต่น้ำหอมก็หลีกเลี่ยง เพราะกลัวว่าสารเคมีจะส่งผลกระทบต่อลูกน้อย เวลาอยู่บ้าน เธอจึงมักปล่อยให้หน้ามัน สวมเพียงเสื้อยืดกางเกงขาสั้นหรือกางเกงผ้ายืดสบาย ๆ เพื่อให้คล่องตัวในการดูแลลูก แต่เมื่อภูวินทร์เอ่ยปากว่าจะพาเธอมาบริษัท เธอจึงตั้งใจแต่งตัวให้เรียบร้อย เพื่อให้เกียรติเขาและเตรียมตัวกลับเข้าสู่โหมดหญิงทำงานอีกครั้ง ธุรกิจของเธอกำลังจะเปิดตัว และอีกไม่นาน เธอคงต้องเริ่มออกสังคม พบปะผู้คน รวมถึงร่วมงานอีเวนต์ต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มณีรัตน์ เลขาฯ หน้าห้องของภูวินทร์สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นเจ้านายเดินเข้ามาในขณะที่เธอกำลังคุยเล่นอยู่กับจันทร์รวี ซึ่งยืนหันหน้าไปทางประตูห้องทำงานพอดี จันทร์รวีแวะมาพูดคุยด้วยสักพักแล้ว เธอเองก็เผลอคุยนานเกินไป เพราะคิดว่าเจ้านายคงไม่แวะเข้ามาที่สำนักงานในวันนี้แล้ว “คุณมณีรัตน์ ช่วยจัดน้ำส้มกับขนมเล็กน้อยให้ภรรยาผมด้วยนะครับ มีเอกสารด่วนที่ผมต้องเซ็น คุณวิทยานำเข้าไปวางที่โต๊ะผมแล้วใช่ไหม” “ดิฉันเห็นคุณวิทยานำเอกสารไปวางตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ แต่ไม่ได้บอกอะไรไว้” “ไม่เป็นไรครับ เขาโทรบอกผมเมื่อเช้าแล้ว” ชายหนุ่มพูดจบก็เปิดประตูห้องทำงาน ก่อนจะพยักเพยิดให้คะนึงนิจเดินเข้าไปข้างใน โดยมีเขาอุ้มลูกน้อยเดินตามเข้าไปติด ๆ จากนั้นประตูก็ปิดลงเบา ๆ ทิ้งให้จันทร์รวีที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่มีโอกาสแม้แต่จะกล่าวทักทาย คะนึงนิจรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นว่าโซฟาในห้องทำงานของภูวินทร์เปลี่ยนไป สีและรูปทรงไม่เหมือนกับที่เธอจดจำได้จากในอดีต “นิจนั่งเล่นกับลูกที่โซฟาก่อนนะ พี่ขอเวลาอ่านเอกสารแป๊บเดียว สัญญาว่าไม่เกินเที่ยงครึ่งแน่นอน” ภูวินทร์เอ่ยพลางวางเด็กน้อยที่ตักของคะนึงนิจ และเดินไปที่โต๊ะทำงาน “พี่ภูใช้เวลาทำงานได้เลยค่ะ นิจยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เมื่อเช้ากว่าจะทานข้าวเสร็จก็สาย ๆ แล้วค่ะ ส่วนน้องคินก็ทานนมก่อนออกจากบ้านมาแล้วด้วยค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปเล่นกับลูกน้อยที่กำลังมองไปรอบห้องทำงานของพ่อด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น คะนึงนิจได้ยินเสียงเคาะประตูสองครั้ง ก่อนที่ประตูจะเปิดออก มณีรัตน์ถือถาดเครื่องดื่มและขนมเข้ามา พร้อมกับ จันทร์รวีที่ถือโอกาสเดินตามหลังเข้ามาด้วย “พี่นิจ สวัสดีค่ะ จันทร์ยังไม่ทันได้ทักพี่นิจเมื่อกี้เลยค่ะ…อุ้ย หนูน้อยคนนี้คือน้องคินใช่ไหมคะ” มณีรัตน์วางถาดเครื่องดื่มและขนมลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนจะยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ข้าง ๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงแววตาคมกริบของเจ้านายที่กำลังมองมา สายตานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่แผ่ออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยคำใด “คุณจันทร์เธอบอกว่ารู้จักกับภรรยาเจ้านายค่ะ เลยขอเข้ามาด้วย…” มณีรัตน์รีบพูดเสียงแผ่ว ก่อนจะก้มศีรษะขอโทษและถอยออกจากห้องทันที กลัวว่าสายตาดุดันของเจ้านายจะทำให้เนื้อตัวของเธอเป็นแผลเหวอะหวะไปมากกว่านี้ จันทร์รวีเดินเข้ามานั่งข้างคะนึงนิจ ก่อนจะถือโอกาสเอื้อมมือไปบีบแก้มเด็กน้อยบนตักเธอเบา ๆ ทันใดนั้น ภาคินทร์ที่กำลังอารมณ์ดีเพราะได้ออกมาข้างนอกก็ร้องไห้จ้า ก่อนจะหันซบอกแม่แน่น เด็กน้อยสะอึกสะอื้นจนทั้งคะนึงนิจและภูวินทร์ถึงกับตกใจ ชายหนุ่มรีบเข้ามาอุ้มลูกจากตักภรรยา พลางปลอบโยนเบา ๆ แล้วพาเดินไปชมวิวที่หน้าต่าง เพื่อให้ลูกน้อยสงบลง เจ้าเด็กเปรตนี่ แค่บีบแก้มนิดเดียวก็ร้องโวยวาย สำออยจริง ๆ! จันทร์รวีสบถในใจ ก่อนรีบเอ่ยขอโทษเสียงอ่อน “ขอโทษด้วยค่ะ พี่นิจ...จันทร์แค่จะหยอกน้องนิดเดียว ไม่ได้ตั้งใจบีบให้เจ็บเลยนะคะ” คะนึงนิจนั่งนิ่ง สีหน้าเรียบแต่แววตาแฝงความไม่พอใจ การเข้ามาถึงตัวลูกโดยไม่ขออนุญาต แถมเล็บยาวของจันทร์รวีก็คงจิกโดนผิวบอบบางของภาคินทร์เข้าแล้วแน่ ๆ “คินยังเด็ก ไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้าเท่าไหร่...ไว้เราค่อยคุยกันวันหลังก็แล้วกันนะ” เธอเอ่ยตัดบทอย่างสุภาพ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปดูลูกที่ตอนนี้หยุดร้องไห้แล้วแต่ยังคงสะอื้นเล็ก ๆ อยู่ เมื่อได้ชมวิวเมืองจากหน้าต่างสูง สีหน้าของจันทร์รวีชะงักงันราวกับถูกตบกลางใจ เธอได้แต่นั่งหันรีหันขวาง ทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ ก่อนจะคอตก เดินก้มหน้างุดออกจากห้องทำงานของภูวินทร์ โดยไม่กล้าแม้แต่จะสบตาใคร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม