บทที่ 1

2478 Words
บทที่ 1                “เอ่อ อันนี้เป็นห้องนอนผมเหรอครับ?”                “ใช่”                “….”                “ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น? หรือนายคาดหวังว่าห้องนอนของนายมันจะเรียบหรูรึไง?”                “เปล่านะครับ ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น”                “ถ้านายไม่ได้คิดอย่างนั้นก็ดีแล้ว และต่อจากนี้ตลอดทั้งสามเดือนที่นายต้องอยู่ที่นี่…เราสองคนก็ต่างคนต่างอยู่กัน นายไม่ต้องมาวุ่นวายหรือมายุ่มย่ามอะไรกับฉัน หวังว่านายจะเข้าใจนะ”                “….”                “อ้อ! ส่วนอุปกรณ์และเครื่องมือทำความสะอาดเก็บอยู่ที่ห้องเก็บของ ถ้านายไม่อยากนอนทั้งที่ฝุ่นยังลอยฟุ้งเต็มห้องแบบนี้ ก็อย่าลืมทำความสะอาดแล้วกัน”                “ครับ ขอบคุณมากนะครับ” หลังคุณชินกรผู้เป็นเจ้าของบ้านเดินออกจากห้องไปแล้ว จานินที่มาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะผู้อยู่อาศัยชั่วคราวก็ได้ถอนหายใจออกมาทันที เพราะความอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นระหว่างการพูดคุยกับเจ้าของบ้านได้สลายหายไปแล้ว                ซึ่งในเวลาต่อมาจานินก็เริ่มกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องที่เขาจะต้องใช้หลับนอนตลอดทั้งสามเดือนนี้ด้วยความหนักใจ หลังเขาไม่รู้ว่าควรจะเริ่มทำความสะอาดจากตรงไหนดี                “เฮ้อ นี่แค่วันแรกก็รับน้องกันเลยเหรอเนี่ย” จานินพึมพำเบา ๆ เนื่องจากในตอนแรกเขาคิดว่าคุณชินจะใจดีและเป็นมิตรกับเขามากกว่านี้เสียอีก แต่เหมือนจานินจะมองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะการเข้ามาอยู่ของเขาในฐานะคนอุ้มบุญที่ได้รับว่าจ้างมาจากคุณหยาดพิรุณ ผู้เป็นแม่ของคุณชินกรนั้น                …มันยังไม่ได้รับความยินยอมจากคนเป็นลูกชาย                “สวัสดีครับ ผมชื่อจานินนะครับ ไม่ทราบว่าห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดไปทางไหนเหรอครับ?”                หลังหาที่ว่างวางกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเรียบร้อยแล้ว จานินก็รีบเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้านอีกครั้ง เพื่อสอบถามกับแม่บ้านว่าห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดตั้งอยู่ตรงไหน เนื่องจากในตอนนี้เขาจะต้องรีบทำความสะอาดห้องนอนให้เร็วที่สุด เพราะเดี๋ยวดวงตะวันจะลับขอบฟ้าไปเสียก่อนและจานินก็จะไม่มีที่นอน                “สวัสดีค่ะ คุณจานิน งั้นเดี๋ยวป้าพาเดินไปเอาอุปกรณ์ก็แล้วกันนะคะ” แม่บ้านเอ่ยอย่างเป็นมิตร พร้อมเดินนำจานินไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ทันที โดยในระหว่างทางนั้นเธอก็ได้ชวนจานินพูดคุยไปด้วย เพื่อไม่ให้เกิดความเงียบขึ้น                “นี่คุณจานินได้รับว่าจ้างมาจากคุณหยาดพิรุณเหรอคะ?”                “ครับ?”                “ไม่ต้องแปลกใจนะคะว่าทำไมป้าถึงรู้ เพราะคุณจานินไม่ใช่คนแรกหรอกค่ะที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ในฐานะคนอุ้มบุญ”                “อ—อ๋อ แล้วก่อนหน้านี้มีมาเยอะเหรอครับ” จานินถามต่ออย่างใคร่รู้                “ถ้าก่อนหน้าคุณจานินก็มีมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ประมาณสองสามคนได้มั้งคะ”                “….”                “คือคุณชิน เธอไม่เคยเห็นด้วยกับเรื่องนี้น่ะค่ะ แล้วก็จริงอยู่ที่ไม่ได้ต่อต้านอะไรกับการที่คุณหยาดพิรุณทำแบบนี้ แต่นั่นก็ใช่ว่าเธอจะยอมให้ความร่วมมือด้วย อารมณ์คล้าย ๆ กับคุณแม่จะทำอะไรก็ทำไป แต่คุณชินจะไม่ยอมให้ความร่วมมือเด็ดขาด”                “แต่ว่าถ้าพูดกันตามตรงแล้ว มันก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยนะครับ ก็แค่หลับนอนกับคนที่คุณแม่จัดหามาให้โดยที่ไม่ต้องป้องกันแค่นั้นเอง”                “คุณชิน เธอมีความเชื่อว่าลูกที่เกิดมาจากความรักของพ่อแม่ ไม่ใช่ความใคร่ดีที่สุดค่ะ”                “อ่า… เรื่องนั้นมันก็จริงของเขา” เมื่อได้ยินเช่นนั้นจานินก็พึมพำเบา ๆ ในลำคอ แล้วค่อยถามต่อ “แล้ว…เขาไม่เคยพึงใจกับคนที่คุณหยาดพิรุณจัดหามาให้เลยเหรอครับ”                “สองสามคนที่ผ่านมานี้ ป้ายังไม่เคยเห็นคุณชินจะสนใจใครเลยนะคะ ป้าไม่เคยเห็นแม้แต่การสนทนากันด้วยซ้ำ ต่างคนต่างอยู่เหมือนคนแปลกหน้า เหมือนคนที่มาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้เพียงชั่วคราวเฉย ๆ ค่ะ แต่ว่า…คุณจานินก็ดูมีลุ้นอยู่นะคะ”                “ครับ?”                “ก็คุณเป็นคนแรกเลยนะคะที่คุณชินกรพาขึ้นไปดูห้องนอนด้วยตัวเอง เพราะโดยปกติแล้วจะเป็นป้าต่างหากที่พาคนของคุณหยาดขึ้นไปดูห้อง”                “ผมอาจจะมาถูกวันที่เขาว่างมั้งครับ” จานินเอ่ยพลางระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วค่อยเปลี่ยนเรื่อง “พอผมได้รู้เรื่องนี้แล้ว แม้จะรู้เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ผมก็รู้สึกได้เลยว่าแม่ลูกคู่นี้เขานิสัยคล้าย ๆ กันเลยนะครับ คุณหยาดพิรุณก็พยายามไม่เลิก ส่วนคุณชินกรเองก็ใจแข็งใช่ย่อย” จานินแสดงความคิดเห็น ซึ่งนั่นก็ทำให้แม่บ้านถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย                “ฮ่า ๆ ใช่เลยค่ะ นิสัยของคุณหยาดกับคุณชินเป็นอย่างนั้นเลย นี่ค่ะถึงแล้วห้องเก็บอุปกรณ์”                “….”                “จริง ๆ เมื่อวานนี้ป้าว่าจะเข้าไปทำความสะอาดให้อยู่นะคะ แต่ว่าคุณชินไม่อนุญาตค่ะ ห้องนอนของคุณจานินเลยยังคงฝุ่นเขรอะอยู่ แต่เดี๋ยวยังไงป้าจะให้เด็ก ๆ ไปช่วยทำความสะอาดอีกแรงหลังจากที่คุณชินออกไปจากบ้านแล้วนะคะ เพราะถ้าคุณทำคนเดียวมันคงไม่เสร็จง่าย ๆ”                “อ๋อ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอบคุณมากเลยนะครับ” จานินเอ่ยแล้วเอื้อมมือไปหยิบอุปกรณ์ปัดกวาดฝุ่น เตรียมจะนำขึ้นไปทำความสะอาดในห้องของตัวเองต่อทันที            การย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะคนอุ้มบุญที่ถูกจ้างมา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแฮะ…                ขณะที่กำลังทำความสะอาดห้องนอนของตัวเองอยู่นั้น จานินก็ได้คิดอะไรเพลิน ๆ ไปด้วย ซึ่งเรื่องหลัก ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการรับจ้างอุ้มบุญที่เขาตัดสินใจจะทำมันเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี่แหละ                และเหตุผลที่ทำนั้น นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาไม่มีเงิน                ย้อนเหตุการณ์กลับไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ระหว่างที่จานินกำลังทำงานอยู่ในร้านกาแฟอยู่นั้น ขณะที่เขากำลังเก็บแก้วกาแฟและทำความสะอาดโต๊ะที่หน้าร้าน เขาก็ได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ของผู้หญิงคนหนึ่งด้วยความบังเอิญ โดยในตอนแรกก็เขาไม่ได้ตั้งใจจะฟังมันด้วยซ้ำ เนื่องจากนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของลูกค้า แต่เพราะจานินต้องยืนเคลียร์โต๊ะอยู่แถวนั้นนานพักใหญ่ นั่นจึงทำให้เขาได้ยินเสียงสนทนาเหล่านั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้                ซึ่งในบทสนทนาเหล่านั้น เขาก็จับใจความได้ว่าเธอกำลังหาคนมารับอุ้มบุญให้ แถมเงินค่าจ้างนั้นก็สูงลิ่ว จนจานินได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเสนอตัวเอง                5,000,000 ก้อนนี้ คือ ค่าตอบแทน            10,000,000 ก้อนนี้ คือ ค่าตอบแทน บวกกับโบนัสหากมีลูกขึ้นมา            15,000,000 ก้อนนี้ คือ ค่าตอบแทน บวกกับโบนัสและลูกที่เกิดมาเป็นเพศชาย            แค่เงินค่าตอบแทนก็ได้เป็นหลายล้านแล้ว แถมยังทำเพียงแค่สามเดือนเท่านั้น แล้วจะให้จานินเมินเฉยต่อโอกาสรวยของตัวเองได้อย่างไร                “อุ่ย!” ตัดภาพกลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน ขณะที่จานินกำลังจะหมุนตัวกลับไปทางประตูห้อง เขาก็ต้องเผลออุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นคุณชินกำลังกอดอกแล้วยืนพิงอยู่ที่ขอบประตูห้อง                “ม—มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาตัดสินใจถามออกไป หลังเห็นว่าคนตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไรออกมาเสียที ซึ่งจานินก็ยืนสบตากับคุณชินกรอยู่อย่างนั้นนานพักใหญ่ ก่อนที่ในเวลาต่อมาร่างสูงจะหมุนตัวแล้วเดินกลับออกไปทันที                “อ้าว อะไรของเขาเนี่ย” เมื่อคุณชินกรเดินออกไปได้พักใหญ่แล้ว จานินก็ได้แต่พึมพำออกมาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ                [ย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่นวันแรกเป็นยังไงบ้าง?]                “…เหนื่อย”                [อะไรเนี่ย แค่มึงย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่นวันแรกเขาก็จัดหนักมึงเลยเหรอ]                “ก็ใช่น่ะสิ ก้ม ๆ เงย ๆ ปวดเอวฉิบหาย”                [ท่าไหนวะ]                “ฮะ ท่าอะไร? นี่เราคุยเรื่องเดียวกันไหมเนี่ย”                [….]                “เพียว กูไม่ได้กำลังพูดเรื่องบนเตียงนะ แต่กูหมายถึงคุณชินเขาให้กูทำความสะอาดห้องนอนเองจนกูเหนื่อยต่างหาก แล้วที่กูต้องก้ม ๆ เงย ๆ เนี่ย ก็เพราะกูต้องปัดกวาดเช็ดถูพื้น เพราะฝุ่นมันเยอะ”                [ก—กูก็นึกว่าเรื่องบนเตียงเสียอีก]                “ไอ้บ้า” จานินด่าปลายสายที่เป็นเพื่อนสนิทเบา ๆ แล้วค่อยพูดต่อ “ขนาดคุยกันยังแทบนับคำได้เลย แล้วจะไปหวังอะไรกับเรื่องบนเตียง”                [อ้าว แล้วเขาไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับแม่ของตัวเองหรือไง?]                “เห็นแม่บ้านบอกว่าคุณชินเขาไม่เคยเห็นด้วยนะ แต่เขาก็ไม่ได้ห้าม แม่ตัวเองจะทำอะไรก็เรื่องของแม่ แต่เขาจะไม่ให้ความร่วมมือ”                [งั้นก็คงจะจริงแหละ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นแม่เขาก็คงไม่มากำชับมึงหนักหนาหรอกว่าต้องทำให้ได้]                “อือ แต่เอาจริง ๆ กูก็แอบเครียดอยู่เหมือนกัน เพราะมันก็จริงอยู่ว่ากูไม่จำเป็นต้องทำอะไรก็ได้ แค่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามเดือนกูก็ได้เงินห้าล้านมาใช้ฟรี ๆ แล้ว แต่กูก็เสียดายเงินแทนคุณหยาดพิรุณอะ”                [เอาอีกแล้ว ไอ้นิสัยชอบคิดแทนคนอื่นเนี่ย]                “นิสัยชอบคิดแทนคนอื่นเนี่ย มันไม่ดีเลยเนอะ แต่ก็อดไม่ได้จริง ๆ” จานินเอ่ย พลางระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย โดยเรื่องนี้มันก็เป็นข้อเสียของเขาเองที่ชอบคิดมากแทนคนอื่น ขี้กังวลเสมอ ทั้งที่ตัวเจ้าของเรื่องเองอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น                [แต่ว่าถ้ามึงทำไม่สำเร็จ มันก็จะเป็นเรื่องดีมากเลยนะ]                “ฮะ?”                [มึงรู้ใช่ไหมว่าการทำแบบนี้ในบ้านเรา มันผิดกฎหมาย…เพราะมึงเป็นเจ้าของไข่ที่กำเนิดตัวอ่อน]                “….”                [แล้วถ้าคุณชินเขาไม่มายุ่งย่ามกับมึง ต่างคนต่างอยู่เหมือนอย่างที่เขาลั่นวาจาเอาไว้ นั่นก็เป็นเรื่องดีแล้วล่ะ อยู่ใครอยู่มัน และตัวมึงเองก็ใช้ชีวิตในบ้านหลังนั้นจนครบสามเดือนแล้วย้ายออกมา…มันดีที่สุดแล้วหรือว่ามึงหวังเงินมากกว่าห้าล้าน?]                “กูก็ไม่ได้หวังขนาดนั้น แต่ถ้าได้มากกว่านั้นก็ดี” จานินตอบปลายสายเสียงแผ่ว                [เออ เอาเข้าไปสิ…แล้วนี่คุณชินเขาอยู่บ้านไหม หรือว่าเขาหนีมึงไปอยู่คอนโดแล้ว?]                “น่าจะอยู่แหละมั้ง กูก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันแฮะ แต่เห็นเขาขับรถออกจากบ้านไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วนะ” จานินเอ่ย เมื่อเขาจำได้ว่าคุณชินกรขับรถออกไปจากบ้านตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว แต่ตอนนี้ที่เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มกว่า จานินก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าอีกฝ่ายกลับมาหรือยัง หรือว่าจะไปนอนค้างที่อื่น เนื่องจากเขาย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว                [งั้นก็ขอให้เขาย้ายไปนอนที่คอนโดแล้วกัน] สิ้นเสียงของเพียว เสียงเคาะประตูห้องของจานินก็ดังขึ้นทันที นั่นจึงทำให้คนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ถึงกับรีบหันไปมองประตูห้องโดยพลัน                ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!                “มึง มีคนมาหา งั้นเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ” หลังบอกกับปลายสายเสร็จ จานินก็รีบกดตัดสายแล้วเดินไปเปิดประตูห้องทันที                “ค—คุณชินมีอะไรหรือเปล่าครับ?” เมื่อเปิดประตูห้องออกไปแล้วเจอคุณชินกรกำลังยืนทำหน้านิ่งอยู่ จานินก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักทันที                “ถอยไป ฉันจะเดินเข้าไปในห้อง” อีกฝ่ายตอบกลับมา แล้วนั่นก็ทำให้จานินต้องเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย เพื่อให้คุณชินกรเดินเข้ามาในห้องนอนของเขา                “แม่ของฉันจ้างนายมาเท่าไร?”                “ครับ?”                “สิบล้านบาท ฉันจะจ่ายเงินจำนวนนั้นให้นายเอง แล้วนายก็ไปยกเลิกสัญญากับแม่ฉันซะ”                50,000,000 นั่นคือตัวเลขที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของจานิน หลังเขาถูกคุณชินกรสั่งให้ไปยกเลิกสัญญาการอุ้มบุญนี้ ซึ่งเขาก็จะต้องชดใช้คุณหยาดพิรุณเป็นจำนวนเงินห้าสิบล้าน เพื่อเป็นค่าเสียเวลา            “ไม่ครับ” แล้วเพราะตัวเลขที่ต้องชดใช้สูงลิ่วขนาดนั้น นั่นจึงทำให้จานินรีบปฏิเสธคนตรงหน้าทันที                “ไม่? มันน้อยเกินไปหรือไง”                “ไม่ใช่ครับ แต่ไม่ว่ายังไงผมจะไม่รับข้อเสนอจากคุณเด็ดขาด”                “นี่แม่ฉันไปตกลงกับนายว่ายังไงบ้างเนี่ย นายถึงซื่อสัตย์ขนาดนี้”                “….”                “โอเค ตกลงนายจะไม่รับข้อเสนอจากฉันใช่ไหม?” คุณชินกรถามต่อ                “ใช่ครับ และไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่รับข้อเสนอจากคุณเด็ดขาด” จานินบอกอีกฝ่ายอย่างชัดถ้อยชัดคำ                “โอเค งั้นถือว่าฉันถามนายแล้วนะ แต่ว่านายไม่รับข้อเสนอจากฉันเอง…ถ้าอย่างนั้นคืนนี้นายก็ทำหน้าที่หน่อยสิ”                “….”                “เพราะถ้าให้เดาแม่ของฉันคงจ้างนายเป็นจำนวนเงินหลายล้าน ภายในระยะเวลาแค่สามเดือนนี้แน่ เพราะงั้นนายก็ต้องทำให้คุ้มกับเงินหน่อยสิ แล้วถ้าพูดกันตรง ๆ แล้ว เด็กเสี่ยยังได้เงินน้อยกว่านายอีกนะ” คุณชินกรเอ่ยเสียงนิ่ง และจานินก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดหยอกหรือลองเชิงอะไรทั้งนั้น                แต่คุณชินกรเอาจริง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD