ทว่าขณะที่พริ้มพราวกำลังจะเดินกลับเรือน จู่ ๆ ก็มีหัวขโมยคนหนึ่งที่คอยแอบจ้องมองเธอ ตั้งแต่ตอนที่หญิงสาวควักเงินออกมาช่วยขอทานในตลาด เมื่อสบโอกาสหัวขโมยนั่นก็อาศัยทีเผลอที่หญิงสาวไม่ทันระวังตัวกระชากถุงเงินในมือและผลักเธอจนล้มลงโดยแรง
“กรี๊ด ช่วยด้วย”
พริ้มพราวกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจก่อนจะรีบลุกขึ้นพยายามวิ่งไล่ตามให้ทัน แต่ก็ยังช้ากว่าฝีเท้าอันปราดเปรียวของหัวขโมยนั้น ทำให้หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดายอัฐในถุง
ขณะที่หัวขโมยนั่นกำลังวิ่งหนีไปด้วยความเร็วก็ถูกขัดขาจนล้มหัวทิ่มหน้าคะมำไปบนพื้นดิน ร่างกายคลุกฝุ่นดูไม่เป็นท่า ถุงเงินที่ขโมยเธอไปก็กระเด็นไปคนละทิศละทาง ครั้นเจ้าตัวจะกลับไปเก็บถุงเงินก็มีก้อนหินก้อนหนึ่งเขวี้ยงมาโดนที่ศีรษะอย่างจังจนหัวแตกเลือดอาบใบหน้า ก่อนจะตามมาด้วยก้อนหินอีกหลายก้อนที่ขว้างมาโดนหัวและลำตัว ทำให้เจ้าหัวขโมยนั้นตกใจต้องรีบวิ่งหนีเอาตัวรอด จำต้องทิ้งถุงเงินไว้ด้วยความเสียดาย
พริ้มพราวมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยใจระทึก เธอคิดว่าจะต้องเสียอัฐถุงไปแน่แล้ว ทว่าเมื่อเห็นขอทานผู้นั้นยื่นขามาขัดเท้าหัวขโมยจนเสียหลักด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะตามด้วยการขว้างปาก้อนหินไปโดนศีรษะหัวขโมยก็ให้เกิดความประหลาดใจแก่หญิงสาวยิ่งนัก
และยิ่งแปลกใจหนักขึ้นไปอีก เมื่อเธอเห็นชายผู้นั้นยืดตัวตรงแวบนึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นเดินราวกับคนแก่ ไหล่ทั้งสองห่อลง พอ ๆ กับขาทั้งสองข้างย่อลงจนดูตัวเล็กกว่าปกติ ท่าทางการเดินนั้นราวกับขาทั้งสองไม่เท่ากัน คล้ายพิการทางร่างกาย ก่อนร่างนั้นจะเดินเข้าไปก้มหยิบถุงเงินที่ตกอยู่บนพื้นอย่างทุลักทุเลมาคืนให้เธอแทนที่จะเก็บอัฐนั้นไว้กับตัวเอง
“ขอบน้ำใจจ้ะ”
หญิงสาวกล่าวด้วยความตื้นตันใจก่อนจะเอื้อมมือไปรับถุงเงินนั้นไว้ ทันทีที่พริ้มพราวเงยหน้าขึ้นมองดวงตาคู่งามก็สบสายตาเขาอย่างจัง แววตาของเขาลุกวาวเป็นประกายมองสบสายตาเธอนิ่งราวกับสะกดเธอไว้ภายใต้อำนาจเร้นลับบางอย่าง ชั่วอึดใจหญิงสาวรู้สึกหัวใจเต้นแรงแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาคู่นั้นของเขาช่างแตกต่างจากรูปลักษณ์ภายนอกที่เธอเห็น พริ้มพราวได้แต่พิศดูชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
“แปลก แปลกเสียจริง”
ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดหรือทำสิ่งใดไปมากกว่าเดิม เสียงเรียกชื่อของเธอก็ดังแว่วมาแต่ไกลจากพี่เลี้ยงคนสนิท
“แม่หญิงพราว แม่หญิงเจ้าขา มาอยู่ที่นี่เอง บ่าวก็ตามหาเสียทั่ว”
ทันทีที่ชื่นวิ่งมาถึง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นชายสไบและผ้าถุงเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นก็รีบปรี่เข้ามาช่วยปัดฝุ่นนั้นออกโดยเร็วพลางบ่นไม่หยุด
“ตายแล้ว ทำไมเนื้อตัวแม่หญิงถึงได้เปรอะเปื้อน...”
ยังมิทันพูดจบพี่เลี้ยงสาวก็ต้องชะงักมือ ทันทีที่สายตาเหลือบไปเห็นนายใบ้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก็รีบฉวยข้อมือพริ้มพราวดึงออกมาให้ห่างจากชายแปลกหน้าในบัดดล
“นี่มึง มึงเป็นคนทำแม่หญิงของกูใช่รึไม่ ไอ้ขอทาน หนอย...ช่างกล้านักนะ มึงนี่ช่างมิรู้จักเจียมตัว มิรู้เลยหรือว่าแม่หญิงพราวเป็นบุตรสาวผู้ใด มึงนี่ช่างรนหาที่ตายเสียแล้ว”
ชื่นชี้หน้าด่าทันทีขณะที่อีกฝ่ายถอยกรูดพลางทรุดตัวลงนั่งยกมือไหว้ท่วมหัวเนื้อตัวสั่นเทา ส่ายหน้าไปมาเชิงปฏิเสธในข้อกล่าวหานั้น
“พี่ชื่น นายใบ้มิได้เป็นคนทำ คนทำคือหัวขโมยที่วิ่งหายไปทางด้านโน้นแล้วจ้ะ” พริ้มพราวรีบอธิบายก่อนความเข้าใจผิดจะลุกลามใหญ่โต
“ตายแล้วแม่หญิง ต้องไปแจ้งออกญาท่านนะเจ้าคะ อย่าได้ปล่อยไว้” คำว่า ‘ออกญา’ ทำให้ชายใบ้ถึงกับหูผึ่งด้วยความสนใจ
“ช่างเถิดพี่ชื่น ฉันมิได้เป็นกระไรดอก เงินทองหรือก็ยังอยู่ครบ”
“จะดีหรือเจ้าคะแม่หญิง”
“ดีสิจ๊ะพี่ชื่น”
“เอ... แล้วไอ้ขอทานนี่ มิใช่คนทำแน่ใช่ไหมเจ้าคะ?” ชื่นถามอย่างไม่แน่ใจขณะที่แม่หญิงพราวพยักหน้าเป็นการยืนยันพร้อมกับรอยยิ้มระบายบนใบหน้างาม
“นายใบ้มิใช่เป็นคนทำดอกพี่ชื่น นายใบ้เป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้น่ะ ส่วนอัฐที่ถูกขโมยไปฉันก็ได้คืนมาครบแล้วเพราะฝีมือของนายใบ้น่ะจ้ะ”
“เยี่ยงนั้นหรือเจ้าคะ” พี่เลี้ยงสาวอุทานเมื่อรู้ว่าตนคะเนผิดไปก็รีบพูดแก้เก้อ “เยี่ยงนั้น ข้าก็ต้องขอบน้ำใจเอ็งด้วยที่ช่วยแม่หญิงพราวของข้าไว้”
“เอ๊ะ!...นี่มันกลิ่นกระไรหรือเจ้าคะ ทำไมถึงได้เหม็นเยี่ยงนี้”
ชื่นย่นจมูกสูดดมเมื่อลมพัดกลิ่นไม่พึงประสงค์โชยมาเตะจมูกพลางพยายามตามหากลิ่นนั้นไปทั่ว จนกระทั่งพี่เลี้ยงสาวรู้ที่มาของกลิ่นนั้นก็ต้องอุทานออกมาอย่างหัวเสียมากขึ้นพร้อม ๆ กับเป็นห่วงนายหญิงของตนหนักมากขึ้นอีก
“ตายแล้วแม่หญิงเจ้าขา รีบออกมาห่าง ๆ เถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวกลิ่นเหม็นนี้จะติดเนื้อติดตัวเอาได้นะเจ้าคะ ดูสิคนอะไร๊ไม่ได้อาบน้ำอาบท่าเลยหรือพ่อคู๊ณ น้ำท่าหรือก็มีออกเยอะแยะไปอาบน้ำบ้างเถิดนะเจ้าใบ้” ชื่นพูดพลางก็รีบฉวยมือหญิงสาวออกมาให้ห่างขึ้นอีก ขณะที่เจ้าตัวที่ถูกพูดว่าเหม็นนั้นถึงกับต้องดมกลิ่นเนื้อตัวของตัวเองอย่างงุนงง
“แม่หญิงเจ้าขา อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลยนะเจ้าคะ รีบกลับเถิดเจ้าค่ะ ป่านนี้น้อง ๆ รอแย่แล้วนะเจ้าคะ”
“ได้สิจ้ะพี่ชื่น ข้าขอบน้ำใจเอ็งมากนะใบ้หากมิได้เอ็งช่วยครานี้ข้าอาจจะแย่ อัฐนี่ข้าให้ตอบแทนน้ำใจเอ็ง คงจะช่วยให้ซื้อข้าวปลาอาหารได้หลายมื้อ...” พริ้มพราวยื่นถุงแพรสีกลีบบัวที่มีอัฐอยู่ครึ่งถุงส่งให้ชายผู้นั้น
“แม่หญิง...”
ชื่นทำท่าจะคัดค้าน ทว่าเมื่อเห็นแววตาดุ ๆ ของนายสาวก็ยกเลิกความคิดนั้นเสีย ชื่นจึงรับถุงเงินนั้นจากมือผู้เป็นนายแล้วยื่นส่งไปให้ชายขอทานนั้นแทน
หลังจากนายใบ้รับถุงเงินมาแล้วก็ก้มกราบแทบพื้นดินด้วยความซาบซึ้งในพระคุณ
“เรียบร้อยแล้วนะเจ้าคะ รีบไปเถอะเจ้าค่ะแม่หญิง ขืนกลับเรือนช้ากว่านี้คุณหญิงท่านได้เอ็ดเอาได้นะเจ้าคะ ดีไม่ดีชื่นได้โดนลงโทษแน่เลยเจ้าค่ะ”
พี่เลี้ยงสาวบ่นพลางรีบดึงข้อมือของนายสาวออกไปจากบริเวณนั้นทันที โดยมีสายตาขอทานหนุ่มมองตามไปจนลับตาก่อนจะก้มมองถุงผ้าแพรสีกลีบบัวในมืออย่างครุ่นคิดแล้วเก็บถุงเงินนั้นไว้อย่างดี