รริชาก้มมองใบหย่าที่อยู่บนตักตัวเองราวกับต้องการตอกย้ำให้หัวใจยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว มันไม่ได้โล่งอกที่ทุกอย่างจบสิ้นตามที่ควรจะเป็น หัวใจเธอมันเจ็บแปลบ โดดเดี่ยว อ้างว้าง
“ริชามีอะไรที่ต้องกลับไปเอาที่บ้านอีกไหมครับ” สามสี่วันที่ผ่านมาโอบนทีช่วยเธอขนของไปไว้ที่คอนโด ซึ่งมันไม่ได้มีอะไรมากมาย ทยอยเก็บไปเรื่อยๆ วันนี้เขาพาเธอไปที่คอนโดก่อนในตอนเช้า แล้วขับรถมาสำนักงานเขตด้วยกัน ตอนนี้ก็กำลังไปส่งเธอ
“ไม่น่าจะมีแล้วค่ะ”
“ริชาอยากแวะที่ไหนก่อนไหมครับ”
“คุณโอบล่ะคะ อยากแวะไหนหรือเปล่า” เธอไม่ได้อยากแวะไหน หากไม่ได้อยากให้คำตอบที่รู้สึกเหมือนตัดรอน...อันที่จริงก็คงเพื่อตัวเธอเองที่อยากยืดเวลาที่จะได้อยู่กับเขาออกไปอีกสักหน่อย
“ตอนนี้สิบเอ็ดโมง เรากินข้าวเที่ยงกันค่อยกลับคอนโดดีไหมครับ”
“แล้วแต่คุณโอบค่ะ” ปกติรริชาก็ตามใจเขาตลอดอยู่แล้วตั้งแต่เป็นสามีภรรยาหรือจะเรียกว่าตั้งแต่รู้จักกัน โอบนทีคงไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตอะไร
เธอรู้จักกับโอบนทีประมาณห้าปีก่อนหลังจากที่เรียนจบแล้วมาทำงานกับคุณแม่ของเขา คุณรัญญาเป็นคนให้ทุนการศึกษาเธอตั้งแต่มัธยมปลายจนจบมหาวิทยาลัย ท่านให้ทุนนักเรียนนักศึกษาทุกปี และสำหรับเธอท่านยังเมตตาอุปการะ
ตอนเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้าบ้านของเธอถูกไฟไหม คุณยายที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กเสียชีวิต ทำให้เธอไม่เหลือใครเพราะพ่อแม่แยกทางกัน แม่ก็ไม่ได้พร้อมที่จะดูแลเธอ คุณรัญญาให้ที่พักอาศัย หาหอพักให้อยู่ และบางครั้งก็รับเธอไปเล่นที่บ้านให้เธอทำงานเล็กๆ น้อยๆ แลกค่าขนม
ท่านเคยเล่าถึงลูกชายเพียงคนเดียวให้ฟังเรื่อยๆ รัญญาหย่าขาดกับสามีตั้งแต่โอบนทียังเด็กๆ และเป็นฝ่ายย้ายออกมา โอบนทีอยู่กับผู้เป็นพ่อ แต่พออีกฝ่ายประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตตอนโอบนทีเพิ่งจะสิบห้ารัญญาก็กลับเข้าไปทำงานที่บริษัท และกลับไปอยู่บ้าน
เธอได้มีโอกาสเจอโอบนทีบ้างหลังจากเข้ามาทำงานที่บริษัทในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการของคุณรัญญา เขาเป็นน้องเธอสามปี รู้จักเขาในฐานะลูกชายของผู้มีพระคุณ ลูกชายของเจ้านาย เธอไม่กล้าเรียกเขาว่าน้องโอบหรอก แต่แทนอย่างสุภาพว่าคุณโอบ และโอบนทีก็ไม่เรียกเธอว่าพี่เหมือนกัน
“พี่เขาชื่อริชานะ เป็นผู้ช่วยคุณกรพินท์”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณโอบ”
“ริชาน่าจะอายุมากกว่าโอบสามปีนะ แต่ก็ดูๆ วัยเดียวกัน น่ารักไหม จีบได้นะ” คุณรัญญาแซวเธอกับลูกชายในครั้งแรกที่เจอกัน มันทำให้คนที่ไม่ค่อยสนใจผู้ชายอย่างรริชาเกิดอาการเขินอายได้ เพราะผู้ชายตรงหน้าเธอมีทุกอย่างที่ทำให้ผู้หญิงชื่นชมได้ง่ายๆ ขาว หล่อ ดวงตามีเสน่ห์ ดูอบอุ่น สุภาพแต่ก็มีความขี้เล่นเล็กๆ
“ครับ ดูวัยเดียวกัน เมื่อกี้เธอเรียกผมว่าคุณโอบ ถ้าอย่างนั้นขออนุญาตไม่เรียกพี่นะครับ ริชา” จำได้ว่าคุณแม่ของเขาพอใจกับความแพรวพราวของลูกชายเป็นอย่างมาก และเรื่องที่อยากให้โอบนทีจีบเธอภายหลังมามันก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ รัญญาขอให้เธอแต่งงานกับลูกชายตัวเอง
ตอนนั้นโอบนทีมีแฟนอยู่แล้ว รัญญาเล่าให้ฟังว่าครอบครัวทางพ่ออยากให้ทั้งคู่แต่งงานกัน ซึ่งรัญญาไม่เห็นด้วย รริชาพอจะรู้ว่ารัญญาไม่ถูกกับญาติของอดีตสามี และคิดว่าการคบหากันของโอบนทีกับนรีนาถเป็นสิ่งที่ผิดพลาด จึงอยากให้เธอคบหาและแต่งงานกับลูกชาย แน่นอนว่ารัญญาต้องมีการบังคับโอบนทีด้วยแน่ๆ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ทั้งความไม่กล้าของเธอ...หัวใจของเขา และทางญาติผู้ใหญ่ฝั่งพ่อที่ไม่มีทางยอมให้แม่ของเขาชนะในเรื่องนี้
แต่สุดท้ายเธอกับเขาก็ได้แต่งงานกันเพราะอุบัติเหตุในค่ำคืนนั้น...ซึ่งแน่นอนว่าทางครอบครัวเขาย่อมคิดว่าเป็นแผนของเธอกับแม่ของเขา แต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมถึงตื่นขึ้นมาบนเตียงของเขาในสภาพที่ต่างคนต่างเปลือยเปล่า และเหมือนกับมีอะไรเกินเลยกันจริงๆ...แต่มันไม่ใช่แค่เหมือนนี่สิ พอทบทวนดีๆ เธอก็จำค่ำคืนเร่าร้อนนั้นได้ว่ามันเกิดขึ้นจริง
แม้เธอจะปฏิเสธ แม้ว่าโอบนทีจะไม่พูดอะไรเพราะเขาอาจจะเมาจนจำอะไรไม่ได้ แต่อีกฝ่ายก็เต็มใจที่จะรับผิดชอบเธอ
ชีวิตคู่ของเธอกับเขาดำเนินไปแบบเรียบง่าย โอบนทีไม่ได้ใจร้ายกับเธออย่างที่กังวล เขาใจดีมากๆ ด้วยซ้ำจนทำให้ใจที่เอนเอียงไปหาเขาอยู่แล้วตกเป็นของเขาสมบูรณ์แบบ...แต่สำหรับเขา ทุกอย่างยังเหมือนเดิม
หลังจากแต่งงานกันได้หนึ่งปีคุณรัญญาก็เสียชีวิตกะทันหันด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หลังจากนั้นไม่ถึงเดือนโอบนทีก็ปรึกษากับเธอว่าอยากให้เธอเลิกทำงานในบริษัท รริชารู้ว่าน่าจะเป็นความต้องการของญาติๆ เขาด้วย คุณกรพินท์ก็ลาออกตั้งแต่ที่รัญญาเสียชีวิต...และเธอรู้ว่ามันอาจลามมาถึงชีวิตแต่งงานของเธอกับเขา
รริชาคิดว่าตัวเองต้องคุยกับเขาในวันหนึ่ง แต่ก็คิดว่าเขาเพิ่งสูญเสียผู้เป็นแม่ไป เลยยังไม่อยากทำอะไรในทันที เธอรู้ว่าเขาเสียใจมากแม้ภายนอกจะดูเหมือนเข้มแข็ง...อยากอยู่เป็นเพื่อนเขา หรือบางทีก็อาจต้องการยืดเวลาให้ตัวเอง
แต่โอบนทีก็เป็นฝ่ายพูดก่อน มันทำให้เธอแทบจะทรงตัวไม่อยู่เลยทีเดียว
“ริชาครับ ถ้าการที่ริชาแต่งงานกับผมเป็นเพราะคุณแม่ ตอนนี้ไม่มีคุณแม่แล้วริชายังอยากเป็นภรรยาของผมอยู่ไหม”
หัวใจของเธอมันซื่อตรงสามารถตอบคำถามนั้นได้ในเสี้ยววินาที แต่เธอต้องใช้สติที่มีเพียงน้อยนิดกลั่นกรอง โอบนทีคงไม่ได้ต้องการคำตอบนั้นของเธอหรอก
ญาติๆ ของเขาคงรอให้เธอหย่ากับเขาเต็มทน และนรีนาถก็ยังรอเขาอยู่ ไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป
หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จโอบนทีก็มาส่งเธอที่คอนโดตอนเกือบๆ บ่ายสาม เพราะใช้เวลาที่ร้านอาหารอยู่นานพอสมควร
“เดี๋ยวขึ้นไปส่งบนห้องนะครับ” แปลกใจอยู่เหมือนกันคิดว่าเขาคงแค่จะมาส่งถึงคอนโดก็กลับ...และระหว่างเราก็คงไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว แต่เธอก็ทำได้แค่ยิ้มแล้วขึ้นห้องมาด้วยกัน
โอบนทีเหมือนเข้ามาเช็กห้องให้แถมแนะนำส่วนต่างๆ ให้ด้วย จะว่าไปเขาน่าจะรู้จักห้องนี้ดีกว่าเธอเพราะเป็นคนเลือกให้ ตอนเธอขนของมาก็มาช่วยจัดของทั้งสามวัน...นี่เป็นคืนแรกที่เธอจะอยู่ห้องนี้ คิดแล้วก็ใจหาย แม้จะเคยอยู่หอพักคนเดียวมาตั้งแต่มอห้า แต่ช่วงเวลาที่มีโอบนทีที่แม้นจะแสนสั้น แต่ก็กลืนกินชีวิตจิตใจ จนใจหายกับความโดดเดี่ยว
“น้ำเย็นๆ ไหมครับ” พอดูห้องให้เธอแล้วก็เปิดตู้เย็นหาน้ำและแก้วมาเผื่อเธอเหมือนเป็นเจ้าของห้องเสียอย่างนั้น รริชาต้องรีบรับแก้วและเทน้ำให้เขาและตัวเอง
“ริชาอยู่ได้นะครับ”
“ได้ค่ะ นี่ว่าห้องกว้างเกินไปด้วยซ้ำ” มีห้องนอนใหญ่และห้องนอนเล็ก ห้องนั่งเล่น ห้องครัวแยกเป็นสัดส่วนเหมือนอยู่บ้านหลังหนึ่งเลย
“ถ้ามีปัญหาอะไรริชาโทรหาผมได้ตลอดนะครับ”
“ขอบคุณคุณโอบมากๆ นะคะ ดูแลริชาทุกอย่างเลย”
“ผมต้องดูแลอยู่แล้ว” เพราะเขาเป็นคนดี...รริชาคิดในใจ
“เรื่องงานถ้าริชาอยากลองหางานทำปรึกษาผมได้นะครับ แต่จริงๆ ผมว่าริชาลองพักก่อนสักปีสองปี หรือหางานที่สามารถทำอยู่บ้านได้ก็น่าจะดี” ค่อนข้างจะแปลกใจที่เขาแนะนำเธอถึงขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้สงสัยจนจะต้องหาคำตอบให้ได้ เขาอาจเป็นห่วงในแบบของเขา
“ก็น่าลองเหมือนกันนะคะ” ความจริงแล้วเงินสิบล้านที่โอบนทีให้เธอหลังหย่าและรายเดือนเดือนละหนึ่งหมื่นมันเพียงพอที่เธอจะสามารถดูแลตัวเองได้ตลอดชีวิตถ้าเธอไม่สุรุ่ยสุร่ายจนเกินไป ก่อนหน้านี้เธอก็มีเงินเก็บจากการทำงานให้คุณแม่เขา และเงินรายเดือนที่เขาให้ระหว่างเป็นสามีภรรยากัน ตอนนี้ก็ไม่ได้กังวลเรื่องเงินหรืองานมากนัก และงานที่เขาเสนอก็น่าสนใจเหมือนกัน คงมีเวลาให้เธอหาลู่ทางในอนาคต
“คืนไหนฝันร้ายโทรหาผมได้ตลอดนะครับ” ข้อความที่ละเอียดอ่อนยิ่งทำให้เธอใจหาย โอบนทีรู้ว่าเธอชอบฝันร้าย แม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านจนยายเสียแต่มันก็สะเทือนใจจนเก็บเอาไปฝัน...และรู้สึกว่าพอมีเขา เธอก็ไม่ค่อยฝันร้ายแล้ว
“ขอบคุณที่เป็นภรรยาที่น่ารักตลอดระยะเวลาหนึ่งปี สี่เดือน สิบหกวันนะครับ” รริชาไม่อาจหลบดวงตาคู่นี้ได้เลย มองด้วยความค้นหาอย่างเผลอไผล ใจสั่น เขาจำรายละเอียดขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ทำไมถึงให้ความรู้สึกสำคัญ ไม่รู้ว่าตัวเองมองเขาอยู่นานแค่ไหน หลุดความรู้สึกอะไรให้เขาเห็นบ้างหรือเปล่า แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มให้...เหมือนอย่างที่เคยเป็นมา
“คุณโอบก็เป็นสามีที่น่ารักค่ะ”
เรายิ้มให้กัน...กับความรู้สึกของเธอที่ทุกอย่างมันกำลังเป็นแค่อดีต
พออดีตสามีกลับออกไปความรู้สึกอ้างว่างยิ่งแจ่มชัด รริชาพยายามบอกตัวเองให้หาอะไรทำ เริ่มจากการสำรวจห้อง โอบนทีเลือกคอนโดแบบสองห้องนอนให้เธอ อีกห้องหนึ่งเป็นห้องนอนเล็ก เขาบอกว่าเผื่อเธออยากใช้เป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ระเบียงหลังห้องที่กว้างพอสมควร รริชาเริ่มคิดว่าอยากหาต้นไม้มาปลูกให้ได้รดน้ำดูแลน่าจะทำให้ชีวิตไม่เงียบเหงาจนเกินไป
หญิงสาวหลบเข้ามาในห้องครัว ปกติตอนอยู่กับเขาในเวลาหกโมงเย็นเธอจะเข้าครัวช่วยแม่บ้าน ทำอาหารขึ้นโต๊ะหนึ่งอย่าง เพราะทั้งรัญญาและโอบนทีต่างบอกว่าเธอทำกับข้าวอร่อย วันไหนเป็นวันหยุดก็จะเป็นคนทำเองทั้งหมด...ตอนนี้คิดอะไรก็ยังไม่พ้นเรื่องของเขา
เลยเปิดตู้เย็นหาอะไรออกมาทำกับข้าวง่ายๆ แต่ก็ทำเพลินจนมีอาหารขึ้นโต๊ะถึงสามเมนู จัดโต๊ะในเวลาหกโมงครึ่ง มองอาหารที่วางเรียงบนโต๊ะราวกับว่ามีอีกคนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกินมื้อเย็นด้วยกัน
สั่นศีรษะให้ตัวเอง ตักอาการใส่จาน คำแรกรู้สึกฝืดคอ คำที่สองที่สามก็ยิ่งรู้สึกจุกที่อก มันเหงาและเจ็บในใจจนต้องยอมรับ ปล่อยให้น้ำตาหยดออกมา มือเช็ดน้ำตาไปกินข้าวไปด้วยความคับข้องใจ...ทำไมชีวิตเธอถึงมีเขาไม่ได้
รริชากินข้าวเคล้าน้ำตาในมื้อแรกแล้วก็บอกกับตัวเองว่าจะไม่ร้องไห้อีก ต้องอยู่ให้ได้ เธอใช้เวลาในห้องครัวไม่นานนัก ตอนนี้ปวดตัวตุบๆ จนคิดว่าคงต้องรีบอาบน้ำนอน
แต่พอทิ้งตัวลงเตียงหัวใจก็หนึบหน่วง กลิ่นที่ไม่คุ้นเคยโอบล้อมแทนอ้อมกอดและกลิ่นกายอบอุ่น เมื่อคืนเธอยังมีเขา โอบกอด แนบชิดลึกซึ้งเสน่หาราวกับว่าจะไม่แยกจากกัน