“อ้าว,คุณบัวมาทำอะไรที่นี่ล่ะคะ” เสียงแหลมดังขึ้นด้านหลังทำให้บัวชมพูหันไปมองงามศิริอดีตดาราสาวที่แต่งงานกับชยาลูกชายคนโตของคุณชัยพลกับคุณเพชรรัตน์ ก่อนหน้านั้นชยาชอบบัวชมพูแต่หญิงสาวไม่ได้ชอบเขาชยาจึงหันไปคบผู้หญิงหลายคนและพลาดท่าทำงามศิริท้องจึงต้องแต่งงานกัน
“สวัสดีค่ะคุณงาม บัวมาหาคุณเพชรก็เลยแวะมากราบคุณหญิงท่านก่อนค่ะ” บัวชมพูทักทายงามศิริที่อายุรุ่นเดียวกับเธอและมักจะพูดจากระแนะกระแหนเธอทุกครั้งที่เจอกันเพราะหึงหวงสามีทั้งที่เธอไม่ได้คิดอะไรกับชยาแม้แต่น้อย เธอบอกเขาว่านับถือเขาอย่างพี่ชายทำให้ชยาผิดหวังจนมีความสัมพันธ์กับดาราสาวแล้วท้องจึงแต่งงานกันแต่งามศิริก็ยังไม่เลิกระแวงสามี
“อ่อเหรอ,งั้นป่านนี้คุณแม่คงรอเธอแล้วมั้ง” งามศิริอิจฉาที่ญาติผู้ใหญ่ของสามีรักและเอ็นดูบัวชมพูแต่กับเธอพวกท่านดูเฉยๆยกเว้นลูกสาววัยขวบครึ่งเท่านั้นที่ทุกคนรักและเอ็นดู
“ยายยังคุณกับหนูใยบัวเรื่องงานไม่จบเลยนะ หนูงามมีธุระอะไรก็ไปทำเถอะยายขอคุยกับหนูใยบัวก่อน” คุณหญิงมณีจันทร์บอกหลานสะใภ้ที่ไม่มีมารยาทผู้ดีเอาเสียเลยท่านกำลังคุยอยู่ก็ยังเดินเข้ามาพูดแทรก
“เอ่อ,ค่าคุณหญิงยาย” งามศิริรับคำคุณหญิงยายเบาๆแล้วค้อนบัวชมพูก่อนจะเดินออกไปเธอยังไม่ไว้ใจบัวชมพูในเมื่อทั้งสองยังทำงานด้วยกัน แต่งามศิริลืมไปว่าถ้าบัวชมพูรักชยาเธอคงไม่ได้แต่งงานกับเขา
“หนูใยบัวอย่าไปสนใจถือสาแม่งามเขาเลยนะลูก” คุณหญิงบอกหญิงสาวที่ท่านเอ็นดูและเพชรรัตน์ก็ชอบบัวชมพูมากเพราะหญิงสาวทำงานได้เรียบร้อยสมกับที่ไว้ใจ
“ค่ะคุณหญิง”
“คุณตาบอกว่าจะให้หนูใยบัวไปเชียงใหม่ด้วยเพื่อไปดูโรงแรมที่โน่น ท่านจะให้หนูใยบัวช่วยทำการตลาดโปรโมทจัดโปรโมชั่นให้โรงแรมน่ะลูก” คุณหญิงมณีจันทร์ถามบัวชมพูเพราะเรื่องนี้มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่าสามีของท่านได้จัดการเรื่องโรงแรมไว้ให้หลานชายมาบริหารซึ่งไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือเปล่า
“เดี๋ยวบัวดูวันหยุดก่อนแล้วบัวจะเรียนให้คุณหญิงกับคุณท่านทราบค่ะ” บัวชมพูตอบคุณหญิงมณีจันทร์เรื่องนี้คุณบุริศท่านเรียกเธอมาคุยเป็นการส่วนตัวไม่เกี่ยวกับงานที่บริษัท
“ขอบใจมากลูก งั้นหนูบัวไปหาแม่เพชรเถอะลูก” คุณหญิงบอกบัวชมพูอย่างอ่อนโยนและคิดถึงหลานสาวที่อยู่อเมริกาซึ่งนานๆจะเจอกัน
“ค่ะคุณหญิง” บัวชมพูยกมือไหว้คุณหญิงก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นส่วนตัวของท่านที่อยู่มุมด้านหลังบ้านติดกับสระน้ำมีสวนดอกไม้สวยงามให้ท่านชื่นชมยามว่างไม่ได้ออกงานท่านก็ลงไปเด็ดดอกไม้มาร้อยมาลัยหรือบางทีก็ไปพรวนดินแก้เหงาตามประสาคนแก่มีคนสนิทติดตามอย่างใกล้ชิด
“เสียดายหนูใยบัวจริงๆนะสีนวล” คุณหญิงมณีจันทร์เปรยกับคนสนิทเบาๆด้วยความเสียดายผู้หญิงเก่งทั้งสวยน่ารักและนิสัยดีเรียบร้อยกิริยามารยาทงดงามพ่อแม่สอนมาดีและท่านก็เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว
“พวกเขาคงไม่ใช่เนื้อคู่กันค่ะ แต่คุณหญิงยังมีหลานชายอีกคนนี่คะ” สีนวลบอกเจ้านาย
“พ่อพิตต์น่ะเหรอ หัวรั้นก็ปานนั้นคงฟังฉันหรอกช่างเถอะหนูใยบัวเป็นคนสวยน่ารักเดี๋ยวเธอก็เจอเนื้อคู่เองแหละ ฉันจะเอนหลังสักหน่อยถ้าว่างก็ไปเก็บดอกพุดให้ด้วยนะ ฉันจะร้อยพวงมาลัยไปกราบคุณพ่อคุณแม่ท่าน” คุณหญิงพูดแล้วก็คิดถึงหลานชายอีกคนแล้วส่ายหน้า พิตต์เป็นคนเงียบขรึมไม่ค่อยพูดรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเสียอย่างเดียวหนวดเครารกรุงรังยังกับโจรบางครั้งก็ไว้ผมยาวอีกต่างหากแต่ก็ยังดูหล่อเข้มดุดัน
“ค่ะคุณหญิง” สีนวลเดินออกไปจากห้องของคุณหญิงมณีจันทร์แล้วเข้าครัวจัดการของว่างให้เจ้านายก่อนจะลงไปเก็บดอกพุดให้ท่าน
บัวชมพูเดินไปอีกฝั่งของบ้านที่เป็นโฮมออฟฟิตของเพชรัตน์เอาไว้คุยงานเพราะเธอดูแลงานที่คลีนิกกับบริษัทนำเข้าเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ส่วนทัศนัยน้องชายบริหารโรงแรม
“สวัสดีค่ะคุณเพชร” บัวชมพูยกมือไหว้เจ้านายสาวใหญ่รุ่นเดียวกับแม่ของเธอที่ทำหน้าที่เลขาของคุณเพชรตอนเธอมาทำงานใหม่ทุกคนคิดว่าเธอใช้เส้นเข้ามาเพราะแม่เป็นคนใกล้ชิดเจ้านายแต่พอได้ร่วมงานเห็นฝีมือการทำงานของเธอจึงยอมรับแต่ก็มีบางคนที่ไม่ชอบเธอเพราะอยากได้ตำแหน่งของเธอ
“สวัสดีจ้ะใยบัว มานั่งเลยจ้ะฉันกำลังปวดหัวอยู่พอดีว่าจะเลือกใครเป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ดี” เพชรรัตน์บอกให้บัวชมพูมานั่งตรงหน้าเธอเพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใครมาเป็นพีเซ็นเตอร์คนใหม่ของคลีนิก
“บัวว่าคุณณัฐฐาก็ดีนะคะเพราะเธอทำศัลยกรรมที่คลีนิกเราส่วนคุณอาภัสราเธอไปทำที่คลีนิกอื่นก่อนจะมาแก้ที่คลินิกของเราเหมือนเขาจะไม่เชื่อมั่นฝีมือคุณหมอของคลีนิกเราค่ะ” บัวชมพูตอบเจ้านายเบาๆเพราะเธอศึกษาจากประวัติของดาราสาวทั้งสองที่ทางทางแผนกศัลยกรรมเสนอชื่อมาให้เจ้านายเลือกพรีเซ็นเตอร์คนใหม่
“งั้นฉันเลือกคุณนัฐฐาละกัน บัวก็จัดการส่งรายละเอียดไปให้เธอว่าสนใจจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คลีนิกของมั้ยถ้าตกลงก็เรียกมาคุยทำสัญญากันได้เลย” เพชรรัตน์บอกสาวสวยรุ่นลูกที่ได้ร่วมงานกันมาสามปีอย่างพอใจเพราะบัวชมพูไม่อยู่นิ่งหญิงสาวจะสรรหาและเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวนำมาใช้ในงานที่มีการแข่งขันกันอยู่ตลอดเวล
บัวชมพูมาฝึกงานที่บริษัทบีบี เฮลธ์เมดดิคอล จำกัด,ก่อนจบแล้วผู้จัดการคนเก่าก็ชวนบัวชมพูมาทำงานด้วยเพราะมีฝีมือและความคิดสร้างสรรค์และเมื่อปีที่แล้วผู้จัดการแผนกการตลาดได้เลื่อนตำแหน่งก็เสนอชื่อบัวชมพูและเธอก็เห็นด้วย
“แล้วโปรโมชั่นใหม่ที่บัวส่งให้คุณเพชรดูเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวถามเจ้านายถึงเรืองจัดโปรโมชั่นที่คลีนิกเพื่อดึงดูดลูกค้าเพราะคู่แข่งจัดโปรโมชั่นลดจนน่ากลัวแต่สำหรับมณีจันทร์คลีนิกเน้นคุณภาพและความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลัก
“ฉันเห็นด้วยกับบัวนะเดี๋ยวพรุ่งนี้เอาเข้าที่ประชุมเลย อ้อ พรุ่งนี้จะมีหมอมาเพิ่มใหม่สองคนจบจากอเมริกาเคยทำงานที่โรงพยาบาลที่เกาหลีก่อนจะย้ายกลับมาเมืองไทยเขาว่าฝีมือดีมากโดยเฉพาะจมูกทรงหยดน้ำกับคางเรียวเหมือนดาราเกาหลีคนไทยเคนไปทำกับเขาเยอะ” เพชรรัตน์บอกผู้จัดการคนเก่ง
“บัวก็ได้ยินมาเหมือนกันค่ะ หรือว่าเราจะโปรโมตคุณหมอคนใหม่พร้อมกับโปรทำจมูกดีคะ” บัวชมพูเสนอเจ้านาย
“เข้าท่าดีนะใยบัว เอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันนะจ้ะ นี่เอกสารที่ฉันเซ็นแล้วฝากใยบัวเอาไปให้ผู้จัดการฝ่ายบัญชีด้วยนะจ้ะ” เพชรรัตน์บอกหญิงสาวที่เธอเอ็นดูและเสียดายที่ไม่ได้มาเป็นลูกสะใภ้พวกเขาอาจไม่ใช่เนื้อคู่กัน
“ค่ะคุณเพชร”
“เฮ้อ,ฉันชักอยากพักบ้างแล้วสิ พอยัยยุ้ยกลับมาจากอเมริกาฉันจะไปดูโรงแรมที่เชียงใหม่ใยบัวบัวลาพักร้อนนะเราจะไปเชียงใหม่กันสักสี่วันไม่ต้องบอกใครว่าไปด้วยกัน ฉันจะพาพ่อกับแม่ล่วงหน้าไปก่อน” เพชรรัตน์เรียกผู้จัดการสาวคนสวยมาคุยเรื่องโรงแรมที่ปรับปรุงโฉมใหม่ให้หรูหราสำหรับลูกค้ากระเป๋าหนัก
“ได้ค่ะคุณเพชร”
“ขอบใจมากใยบัว อยู่กินข้าวกลางวันกับฉันก่อนนะแล้วค่อยกลับบริษัทนะ” เพชรรัตน์บอกหญิงสาวที่เธอไว้ใจก่อนจะคุยเรื่องงานกันต่อลามไปถึงเรื่องสวยๆงามนอกเหนือจากงานแล้วไปกินข้าวกลางวันกับคุณหญิงมณีจันทร์และงามศิริที่พาลูกสาวลงมาเล่นชั้นล่างให้พี่เลี้ยงคอยดูแล
เมื่อรับประทานอาหารกลางวัยอิ่มแล้วบัวชมพูก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อเธอต้องเอาเอกสารไปให้ฝ่ายบัญชีตามที่เจ้านายฝาก
“ตู้ดดๆๆ..”
“หวัดดีค่ะพี่ต้า” บัวชมพูหยิบหูฟังบูธูทมาเสียบหูสายตาก็มองถนนกดรับสายของคีตะผู้ชายที่เธอกำลังคบหาดูใจอยู่และเขาเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัย
“พี่โทรมาเพราะคิดถึงหนูบัวไม่ได้เหรอครับ” คีตะอ้อนหญิงสาวที่เขาคบหาดูใจกันอยู่ยังไม่ถึงขั้นเป็นแฟนแค่บัวชมพูให้โอกาสเขาและอาทิตย์นี้ยังไม่ได้เจอกันเลยเขามาทำงานที่กระบี่หนึ่งอาทิตย์
“คิดถึงได้ค่ะ แล้วงานพี่ต้าเสร็จแล้วเหรอคะ” บัวชมพูถามคีตะและมองถนนไปด้วย
“ใกล้จะเสร็จแล้วครับอีกสองวันพี่ก็จะกลับกรุงเทพแล้ว ใยบัวขับรถดีๆนะครับคืนนี้พี่จะโทรหา” คีตะบอกหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ,พี่ต้าก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” บัวชมพูพูดจบก็วางสายจากคีตะแล้วขับรถกลับบริษัทเพื่อทำงานต่อจนเย็นก็กลับบ้าน เธอคบกับคีตะมีแต่เพื่อนๆเท่านั้นที่รู้และไม่แน่ใจว่าจะไปได้ถึงไหนเพราะเริ่มจากรุ่นพี่ที่นับถือแล้วเขามาขอคบเมื่อเห็นว่าเธอไม่มีใครและคีตะก็เป็นผู้ชายทีดีคนหนึ่งเธอก็ลองคบดูถ้าไปไม่ไหวจริิงๆก็จะคงสถานะพี่น้องเหมือนเดิม
“สวัสดีค่ะพ่อ กลับมาเมื่อไหร่คะ” บัวชมพูลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้างเดินเข้าบ้านก็เห็นพ่อนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องโถงของบ้านหลังขนาดกลางสองชั้นสี่ห้องนอนสามห้องน้ำชั้นบนมีสามห้องนอนชั้นลางมีหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขกและห้องอาหารกับห้องครัวอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรใหญ่ที่มีบ้านหลากหลายขนาดตั้งแต่ห้าสิบตารางวาหนึ่งร้อยตารางวาถึงสี่ร้อยตารางวาเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ราคาก็แตกต่างกันไปอยู่ที่กำลังทรัพย์ของแต่ละคนและบ้านของเธออยู่โซนหน้าโครงการส่วนบ้านหรูหลังใหญ่อยู่เป็นส่วนตัวลึกเข้าไปด้านใน
“พ่อเพิ่งมาถึงก่อนหน้าลูกครึ่งชั่วโมงน่ะ แล้วทำไมแม่ของใยบัวไม่มาด้วยล่ะลูก” เกริก คีรีวรรณ ถามลูกสาวปกติสองแม่ลูกไปทำงานด้วยกันทุกวันส่วนเขาก็ออกไปตรวจงานตามจังหวัดต่างๆครั้งละห้าวันถึงสิบวันแล้วกลับสำนักงานครั้งหนึ่งพักสองวันก็ไปอีกจึงไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับครอบครัว
“แม่ติดงานอยู่ที่บริษัทกับคุณเพชรค่ะ เย็นนี้พ่ออยากกินอะไรมั้ยคะเดี๋ยวบัวจะออกไปซื้อให้ค่ะ” บัวชมพูบอกพ่อเพราะเธอทำอาหารไม่เป็นยกเว้นตระกูลไข่ทั้งหลายเท่านั้น ปกติเธอไปทำงานพร้อมกับแม่ทุกวันแต่วันนี้ติดงานเธอจึงนั่งรถเมล์กลับมาก่อนทิ้งรถให้แม่
“ไม่เป็นไรลูกเดี๋ยวพ่อทำเอง พ่อเห็นแม่เขาซื้อสะโพกไก่มาไว้ว่าจะต้มยำสักหน่อยบัวไปอาบน้ำเถอะลูก” เกริกบอกลูกสาวส่วนตัวเขาจะไปทำอาหารรอภรรยากับลูกสาว
“ค่ะพ่อ” บัวชมพูลุกขึ้นเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ามาช่วยพ่อทำอาหารรอแม่ซึ่งไม่ได้มีบ่อยที่พ่อจะเข้าครัว
เกริกก็ลุกขึ้นเดินไปในครัวเพื่อทำอาหารตามที่ได้บอกลูกสาวไว้ก็เปิดตู้เย็นหยิบเนื้อสะโพกไก่สองอันและหมูสามชั้นออกมาหมักเพื่อจะทอดและกำลังจะหั่นเนื้อไก่เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นก่อน
“ตู้ดดๆๆ ตู้ดดๆๆ..”
เกริกล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูแล้วหันไปมองประตูว่าลูกสาวขึ้นบ้านไปแล้วจึงกดรับสาย
“มีอะไรรำพัน พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าโทรมาตอนพี่อยู่บ้าน” เกริกบอกรำพันเมียน้อยของเขาที่อยู่ในกรอบมาตลอดไม่เคยเรียกร้องมากไปกว่าที่เขาให้
“พี่เกริกตากรุงถูกรถชน ฮืออๆๆ”
“อะไรนะ ตากรุงถูกรถชนได้ยังไงทำไมเธอไม่ดูลูก”
"ฉันไม่รู้ตอนนี้นอนไม่ได้สติอยู่โรงพยาบาลค่ะ ฉันทำอะไรไม่ถูกแล้วพี่มาดูลูกหน่อยได้มั้ย ฮืออๆๆ” รำพันบอกสามีและร้องไห้ไปด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูกกลัวลูกชายจะเป็นอะไรมากหลังจากได้รับโทรศัพท์จากตำรวจเธอก็เป็นลมไปเลยพอฟื้นก็รีบไปโรงพยาบาลและโทรบอกสามี
“ได้ๆพี่จะจะรีบไปดูลูก เธอรออยู่โรงพยาบาลนั่นแหละ” เกริกบอกเมียน้อยแล้ววางโทรศัพท์หันหลังจะเดินออกไปบอกลูกสาวก็เจอบัวชมพูยืนตรงประตู
บัวชมพูเดินขึ้นไปชั้นบนได้ครึ่งทางแล้วนึกขึ้นได้ว่าเธอลืมกระเป๋าไว้ที่โซฟาจึงเดินลงมาแล้วได้ยินเสียงพ่อคุยโทรศัพท์และพูดถึงลูกที่ถูกรถชนและไม่ใช่เธอจึงหยุดฟัง
“ใยบัว” เกริกเรียกลูกสาวที่มองเขาด้วยสายตาสับสนเต็มไปด้วยคำถามมากมายทำให้เขาพูดไม่ออก
“พ่อพูดถึงใครคะ” เสียงหวานถามพ่อเบาๆ
“เอ่อ,พ่อ..”
“ใครคะพ่อ พ่อพูดถึงใครบอกบัวสิคะ” บัวชมพูพูดเสียงสั่นเมื่อพ่ออ้ำอึ้งไม่ตอบเธอ
“พ่อขอโทษนะใยบัว พ่อขอโทษ” เกริกขอโทษลูกสาวที่เขาทำผิดต่อครอบครัวแต่คิดได้มันก็สายไปแล้วเพราะเขามีลูกกับรำพันจึงรับผิดชอบ
“พ่อบอกบัวหน่อยสิคะว่ามันไม่จริง” เสียงหวานสั่นพร่าถามพ่อตาแดงก่ำแต่ไม่มีน้ำตา
“พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกผิดหวัง และทำผิดต่อแม่พ่อจะไม่ขอแก้ตัวเดี๋ยวพ่อกลับมาคุยกับแม่กละใยบัวนะลูกเองตอนนี้พ่อขอไปดูน้องก่อนเขาถูกรถชน” เกริกบอกลูกสาวด้วยความเป็นห่วงลูกชาย
“บัวไม่มีน้องค่ะ บัวเป็นลูกแม่คนเดียว” บัวชมพูเค้นเสียงออกมาบอกพ่อก่อนจะหันหลังกลับขึ้นบ้านด้วยความเสียใจที่พ่อทรยศครอบครัวไปมีคนอื่นทั้งที่แม่ก็แสนดีทำงานเพื่อครอบครัวมาตลอดไม่ได้มีแต่พ่อที่ทำงานหนักคนเดียว
เกริกมองตามหลังลูกสาวไปด้วยความเสียใจเขาเก็บงำความผิดพลาดมานานถึงสิบสามปีเท่าอายุของลูกชายหลังจากเผลอไปมีความสัมพันธ์กับพนักงานบริษัทเดียวกันจนเธอท้องก่อนจะถอนใจแล้วเดินออกไปจากบ้านอย่างรีบเร่งเพื่อไปดูลูกชายที่ถูกรถชนนอนอยู่โรงพยาบาลตาที่แม่ของลูกโทรมาบอก
บัวชมพูได้ยินเสียงรถของพ่อแล่นออกไปจากบ้านด้วยความเสียใจและไม่คิดว่าถ้าแม่รู้จะเสียใจมากแค่ไหนที่สามีอยูกินร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาเกือบสามสิบปีหักหลังด้วยการมีคนอื่นและมีลูกด้วยกันหญิงสาวนั่งจมกับความเสียใจจนลืมเวลาว่าตอนนี้เกือบหนึ่งทุ่มและแม่ของเธอก็กลับมาถึงบ้าน
“กริ้งๆๆ กริ้งๆๆ..”
“ค่ะแม่”
“บัวอยู่ไหนลูก” เครือวัลย์ลงจากรถแล้วโทรหาลูกสาวเมื่อเห็นว่าบ้านมืดมิดไม่มีใครอยู่บ้าน
“บัวอยู่บ้านค่ะแล้วแม่ถึงไหนแล้วคะ”
“แม่ก็อยู่บ้านนี่ไงลูกแล้วทำไมบัวไม่เปิดไฟล่ะลูก” คนเป็นแม่ถามลูกสาวก่อนจะเดินเข้าบ้านแล้วเปิดไฟจนสว่างไปทั่วทั้งบ้านหลังขนาดกลางสำหรับครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูก
“บัวลืมค่ะแม่”
“แล้วพ่อเราไปไหนล่ะหรือว่าวันนี้ยังไม่กลับ” เครือวัลย์ถามถึงสามีที่โทรมาบอกเธอว่าวันนี้เขากลับบ้านเพราะต่างคนก็มีงานจึงมีเวลาเจอกันในช่วงวันหยุดเท่านั้นสามีของเธอได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการภาคเมื่อสิบปีก่อนทำให้ต้องเดินทางไปตรวจงานตลอดแต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะสามีของเธอไม่ใช่คนดื่มและเจ้าชู้ต่างก็ช่วยกันทำงานเพื่อส่งเสียลูกสาวเรียนและผ่อนบ้านผ่อนรถ
“มาแล้วค่ะแต่ออกไปอีกสงสัยมีธุระค่ะ” หญิงสาวเหมือนน้ำท่วมปากไม่กล้าบอกแม่กลัวท่านจะเสียใจแต่ถ้าไม่บอกเธอก็สงสารแม่ที่ถูกพ่อหักหลัง บัวชมพูมองแม่อย่างสองจิตสองใจว่าจะพูดหรือไม่พูดดี
“บัวมีอะไรหรือเปล่าลูก”
“ไม่มีค่ะแม่ บัวแค่หิวน่ะ”
“จริงเหรอลูก”
“จริงๆค่ะแม่”
“งั้นแม่ไปดูในครัวก่อนว่าจะทำอะไรกินดี” เครือวัลย์วางกระเป๋าสะพายไว้บนโต้ะมุมหน้าบันไดแล้วเดินเลยเข้าไปในห้องครัวก็เห็นมีสะโพกไก่สองชิ้นวางบนเขียงและหมูสามชั้นหมักอยู่ในชามจึงอยากรู้ว่าสามีมีเรื่องอะไรถึงได้รีบขนาดลืมเก็บอาหารสดพวกนี้
“พ่อของลูกได้บอกหรือเปล่าว่าไปไหน”
“ไม่ค่ะแม่”
“เอ้,เกิดอะไรขึ้นนะ ไม่ได้การละแม่ไปโทรถามพ่อของลูกก่อนดีกว่า” เครือวัลย์พูดจบก็เดินออกไปจากห้องครัว
“แม่คะ”
“มีอะไรลูก”
“ไม่มีค่ะ” บัวชมพูไม่กล้าพูดจึงได้แต่ยิ้มให้แม่แล้วก้มมองดูสะโพกไก่สองชิ้นที่พ่อจะทำอาหารให้เธอกินแต่เป็นหมันไปซะแล้วเพราะเขารีบไปดูลูกชายเสียก่อนจึงหยิบมีดมาหั่นรอแม่
เครือวัลย์โทรหาสามีด้วยความเป็นห่วงพอเกริกตอบว่ามาดูลูกน้องที่ถูรถชนที่โรงพยาบาลเธอก็เข้าใจและยังบอกสามีดูแลลูกน้องให้ดีช่วยเหลือได้ก็ให้ช่วยไปตามกำลังทำให้เกริกยิ่งรู้สึกผิดต่อภรรยา
“พ่อว่าไงคะแม่”
“เห็นว่ารีบไปดูลูกน้องที่ถูกรถชนแต่อยู่ในมือหมอแล้วคงไม่เป็นไร ว่าแต่ใยบัวจะกินอะไรดีล่ะลูก” เครือวัลย์ตอบลูกแล้วมองไก่ที่บัวชมพูหั่นเสร็จบนเขียง
“ผัดกะเพราไก่ก็ได้ค่ะแม่ เดี๋ยวบัวไปหุงข้าวก่อนนะคะ” บัวชมพูบอกแม่และแยกไปหุงข้าวรอก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำทำให้เย็นนี้มีแค่สองแม่ลูกกินข้าวด้วยกัน
อาทิตย์ถัดมาบัวชมพูก็ลาพักร้อนแล้วเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อไปดูโรงแรมที่คุณบุริศเทคโอเวอร์มาจากนักธุรกิจที่รู้จักเพื่อจะให้หลานชายคนโตมาบริหารตามที่รับปากกับคุณบุริศและคุณหญิงว่าจะมาช่วยดูการตลาดให้เพราะตอนนี้ปรับปรุงใกล้จะเสร็จแล้วส่วนทีมบริหารก็ยังใช้พนักงานเก่าของโรงแรมทั้งหมดเพราะทุกคนยังอยากจะทำงานที่นี่คุณบุริศจึงรับไว้ทุกตำแหน่งยกเว้นประธานบริหารและผู้จัดการใหญ่ท่านได้วางตำแหน่งไว้ให้หลานชายกับหลานสาว
“เป็นยังไงบ้างหนูใยบัว” คุณบุริศถามผู้จัดการสาวฝ่ายการตลาดของบริษัทที่มีฝีมือทั้งที่ยังเด็กแต่มีความคิดความอ่านและไอเดียดีและมีทีมงานที่เข้าขากันดีจนทำให้บีบี เฮลธ์เมดดิคอล ก้าวล้ำหน้าคู่แข่งไปหนึ่งก้าวเสมอสมกับบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังของเมืองไทย
“สวยค่ะคุณท่าน” บัวชมพูตอบคุณบุริศผู้ใหญ่ที่เธอและครอบครัวเคารพนับถือและเป็นผู้ให้โอกาสเธอได้เรียนรู้งานจนตอนนี้เธอได้เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด
“แค่สวยเหรอหนูใยบัว” คุณหญิงมณีจันทร์พูดแล้วยิ้มเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวมองบริเวณสวนของโรงแรมอย่างพึงพอใจ
“โรงแรมก็สวยมากทำเลก็ดีทำไมเจ้าของเขาถึงขายล่ะคะ” บัวชมพูถามสองสามีภรรยาที่ยืนมองโรงแรมใหม่ของท่านอย่างมีความสุข