ตอนที่ 4

3606 Words
“เขามีปัญหาภายในครอบครัวตาก็ซื้อไว้คิดว่ามันน่าจะทำกำไรได้มาก หนูใยบัวคิดว่าเราจะเริ่มโปรโมทจากตรงไหนก่อนดีล่ะ” ท่านซื้อไว้ให้หลานชายคนโตกับหลานสาวคนรองมาบริหารเพราะอยากให้ลูกหลานมาอยู่ใกล้ๆแต่พิตต์กับเบลินดาไม่ได้มีท่าทีจะสนใจธุรกิจของท่านเลยหรือเป็นเพราะเงื่อนไขที่ท่านตั้งขึ้นจึงทำให้หลานชายของท่านไม่สนใจ “บัวขอเดินดูให้ทั่วก่อนได้มั้ยคะ ตอนเย็นบัวจะสรุปให้ท่านฟังค่ะ” บัวชมพูตอบคุณบุริศ เธออยากดูโรงแรมให้ทั่วก่อนว่าจะเริ่มโปรโมทตรงไหนก่อนและหลังเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า “ได้สิหนูใยบัว แต่ตากับคุณหญิงคงเดินดูทั่วโรงแรมไม่ไหวนะ เดี๋ยวตาจะให้นายดมไปเป็นเพื่อน” คุณบุริศบอกหญิงสาวที่ท่านไว้ใจให้ดูแลงานนี้เพราะกลัวข่าวจะรั่วไปถึงลูกชายคนเล็กและคนอื่นก่อนจะถึงวันเปิดตัวโรงแรม “ค่ะท่าน บัวขอตัวนะคะ” บัวชมพูก็เดินแยกไปกับคนสนิทของท่านบุริศที่รุนราวคราวเดียวกับพ่อของเธอเดินตะเวรไปทั่วโรงแรมที่กำลังปรับปรุงใหม่ทั้งหมดจนไม่เหลือภาพของโรงแรมเดิมและเพิ่มเติมคือห้องอาหารริมแม่น้ำปิงที่สร้างขึ้นใหม่อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ “บัวว่าโรงแรมใหม่ต้องหาพาร์ตเนอร์ก่อนเป็นอันดับแรกอย่างเช่นพวกบริษัททัวร์ใหญ่ เอเจนซี่ และสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ๆที่เราสามารถพาลูกค้าไปเที่ยวได้ และจัดโปรโมชั่นห้องพักในช่วงเทศกาลต่างๆ และอาหารดนตรี บัวเคยไปกินอาหารที่หนึ่งเขามีโชว์รำไทยและลูกค้าก็ชอบมากเลยโดยเฉพาะชาวต่างชาติ เดี๋ยวบัวจะไปขอข้อมูลของพาร์ตเนอร์เก่าก่อนเผื่อเขาสนใจจะร่วมงานกับโรงแรมของเรา ลุงดมคิดว่ายังไงคะ” บัวชมพูถามความเห็นคนสนิทของคุณบุริศ “หนูใยบัวคิดว่าดีลุงก็ว่าดีครับ ไม่งั้นคุณท่านคงไม่ไว้ใจให้มาจัดการงานนี้หรอกครับ” อุดมชมผู้จัดการฝ่าการตลาดคนสวยและเก่งสมกับเจ้านายของเขาไว้ใจ “บัวไม่ได้เก่งหรอค่ะลุงดม คนทำงานเหมือนบัวก็คิดได้ไม่ต่างกันค่ะ” หญิงสาวพูดถ่อมตัวก่อนจะเดินไปดูห้องอาหารที่ติดริมแม่น้ำได้ถูกตกแต่งเรียบร้อยพร้อมให้บริการเธอจึงขอนั่งทำงานต่อที่นี่จนเย็นแล้วนำไปเสนอคุณบุริศกับคุณหญิงและพวกท่านก็เห็นด้วยกับแผนโปรโมทจัดโปรโมชั่นร่วมกับเอเจนซี่หลายบริษัทแต่ต้องตกลงเรื่องผลประโยชน์กันก่อน เมื่อเสร็จงานที่เชียงใหม่บัวชมพูก็กลับกรุงเทพก่อนคุณบุริศกับคุณหญิงมณีจันทร์กลับไปทำงานต่อและรายงานเจ้านายที่ไม่ได้มาด้วยเพราะคุณเพชรัตน์ติดงานด่วน “ตู้ดดๆๆ..” “ว่าไงจ้ะคะนิ้งมีอะไรให้บัวรับใช้เหรอจ้ะ” บัวชมพูถามเพื่อนรักที่ทำงานเป็นเลขาหน้าห้องเจ้าของบริษัทนำเข้าสุราแบรนด์ดังและพ่วงตำแหน่งเมียเก็บแต่เธอก็ไม่ได้สนใจมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเพื่อนแต่ในความเป็นเพื่อนยังเหนียวแน่นและไม่คิดว่ามันจะคล้ายกับครอบครัวของเธอในตอนนี้ที่เธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “แก,คะนิ้งท้องอ่ะ” เหมือนแพรตอบเพื่อนเบาๆ “อะไรนะคะนิ้ง” “คะนิ้งจะทำยังไงดีใยบัว ตอนนี้คะนิ้งท้องได้สองเดือนแล้วอ่ะ” เหมือนแพรไม่รู้จะปรึกษาใครดีและไม่กล้าบอกเจ้านายเขาก็มีครอบครัวและมีลูกแล้วถึงสามคนและเธอก็เป็นแค่ของเล่นที่เขาใช้เงินแลกหาความสุขเท่านั้น “แกอย่าเพิ่งคิดมากนะคะนิ้งเดี๋ยวบัวเลิกงานแล้วจะไปหาที่ห้อง” บัวชมพูบอกเพื่อนมันเป็นเรื่องใหญ่มากและเธอกลัวเพื่อนคิดจะทำอะไรโง่ๆ “จ้ะใยบัว” เหมือนแพรตอบเพื่อนรักที่ไม่เคยยุ่งเรื่องที่เธอยอมเป็นเมียเก็บเจ้านาย ก่อนจะวางสายเพราะวันนี้เธอแพ้ท้องจนไปทำงานไม่ไหว บัวชมพูวางสายจากเพื่อนก็เอาแต่นั่งเหม่อครุ่นคิดว่าจะช่วยเพื่อนรักยังไงดีเพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเธอไม่คิดว่าเพื่อนจะปล่อยให้ตัวเองท้องแล้วพ่อของเธอล่ะท่านก็ทำแบบเจ้านายของเพื่อนนี่ใช่มั้ย “น้องใยบัวคะ” เกยูร รองผู้จัดการฝ่ายการตลาดเรียกเจ้านายสาวที่กำลังนั่งเหม่อทั้งที่เสียงกริ่งพักเที่ยงดังก้องยังไม่รู้สึกตัว “คะพี่เก๋” “เที่ยงแล้วไปกินข้าวกันคะ” เกยูรชวนเจ้านายสาวอายุน้อยกว่าเธอไปกินข้าวกลางวันตามปกติทุกวัน “เที่ยงแล้วเหรอคะ” “เสียงกริ่งดังนานแล้วค่ะ น้องใยบัวคิดถึงใครอยู่เอ่ย” เกยูรแซวสาวรุ่นน้องแล้วยิ้มล้อเลียน “เปล่าค่ะ พอพี่เก๋พูดถึงอาหารบัวก็หิวทันทีลยค่ะ” บัวชมพูตอบยิ้มแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับเพื่อนร่วมงานในห้องไปกินข้าวกลางวันที่โรงอาหารเป็นกลุ่มเหมือนทุกๆวันแล้วกลับไปทำงาน เมื่อเลิกงานบัวชมพูก็โทรบอกแม่ว่าจะแวะไปหาเพื่อนอาจจะกลับค่ำเพื่อแม่จะได้ไม่ต้องรอกินอาหารและไม่รู้ว่าอาทิตย์นี้พ่อกลับบ้านหรือเปล่าและเธอก็ยังไม่กล้าบอกแม่เรื่องที่พ่อมีเมียน้อยซึ่งเป็นกรณีเดียวกับเพื่อนของเธอ “ก๊อกๆๆ..” “ใยบัว ฮืออๆๆ..”เหมือนแพรเปิดประตูห้องออกก็โผเข้ากอดเพื่อนร้องไห้ออกมาเสียงดัง “คะนิ้งไม่เป็นไรนะแก” บัวชมพูกอดเพื่อนแล้วลูบหลังไปมาอย่างปลอบโยน “คะนิ้งจะทำยังไงดีแกพ่อแม่ต้องด่าแน่ๆ” เธอกลัวพ่อแม่ด่าที่ทำให้พวกท่านอับอายขายหน้าคนทั้งหมู่บ้านเพราะเอาเธอไปพูดอวดไว้เยอะทั้งเรื่องงานและรายได้ที่ส่งให้พ่อแม่ปลูกบ้านใหม่ก็มาจากเจ้านายให้เธอด้วยความเสน่หาถ้าหากเขารู้ว่าเธอมีลูกเขาคงเลิกกับเธอ “แกอย่าเพิ่งคิดไปไกลเลยนะคะนิ้ง พ่อแม่ของแกอาจไม่เป็นแบบนั้นก็ได้หยุดร้องไห้เถอะแล้วมาคิดว่าจะเอายังไงต่อ” บัวชมพูประคองเพื่อนที่โทรมสุดๆไปนั่งที่โซฟามุมห้อง “แกบอกฉันทีใยบัวว่าจะทำยังไง..” เหมือนแพรจับแขนเพื่อนเขย่าวันนี้ทั้งวันเธอคิดอะไรไม่ออกเลยในหัวมันตื้อไปหมด “แกต้องบอกพ่อของเด็กก่อนว่าเขาจะรับผิดชอบยังไงอย่างน้อยพ่อของเด็กต้องรู้ก่อนว่าเขากำลังจะมีลูก" “ไม่ได้นะใยบัวคุณพีมจะรู้เรื่องนี้ไม่ได้” “ฟังนะคะนิ้ง ถ้าแกไม่บอกแล้วจะรู้มั้ยว่าเขาคิดยังไงอย่างน้อยแกจะได้ตัดสินใจได้ว่าจะดำเนินชีวิตต่อยังไง” “แต่คะนิ้งกลัวอ่ะใยบัว” “แกไม่ตั้งกลัวหรอกคะนิ้งแกยังมีบัวมียัยอุ๊ ยัยหลินและพ่อแม่พี่น้องของแกอีกนะ” บัวชมพูให้กำลังใจเพื่อน “หรือว่าฉันเอาเด็กออก” “คะนิ้ง แกพูดอย่างนี้ได้ยังไงนี่มันลูกของแกนะถึงแกจะพลาดท้องไม่ได้ตั้งใจแต่เขาก็เป็นลูกแก หมามันยังรักลูกของมันเลย ตอนแกทำทำไม่ไม่คิด” บัวชมพูต่อว่าเพื่อนอย่างแรงด้วยความโกรธที่คิดโง่ๆทีตอนทำไม่คิดพอพลาดมาจะแก้ปัญหาด้วยการเอาเด็กออกมันโหดร้ายเกิดไปเพราะเด็กไม่ได้รู้เรื่องด้วยเลยแต่มารับเคราะห์แทน “ใยบัว ฮืออๆๆ..” “แกตั้งสติให้ดีนะคะนิ้ง แล้วโทรหาคุณพีมของแกนัดมาคุยกันให้รู้เรื่องวันนี้เลย” บัวชมพูบอกเพื่อนด้วยความผิดหวังซึ่งเหมือนแพรเป็นคนอ่อนโยนใจเย็นตอนนี้อาจจะเครียดเรื่องท้องถึงได้คิดแก้ปัญหาแบบโง่ๆด้วยการเอาเด็กออก “ฉันขอโทษนะใยบัวที่เอาปัญหามาให้แกทั้งที่ฉันเป็นคนก่อ” เหมือนแพรขอโทษเพื่อนเมื่อกี้เธอแค่คิดด้วยอารมณ์ชั่ววูบว่าเอาเด็กออกเพื่อแก้ปัญหาแต่เธอจะใจร้ายพอทำร้ายลูกได้ลงคอจริงๆเหรอ “บัวว่าแกไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะคะนิ้ง เดี๋ยวบัวจะไปดูว่ามีอะไรพอจะทำให้แกกินได้บ้าง แต่ว่ามีไข่ใช่มั้ย” บัวชมพูบอกเพื่อนแล้วลืมไปว่าตัวเองทำเป็นแต่เมนูไข่ “มีจ้ะ ขอบใจมากนะใยบัว” เหมือนแพรขอบใจเพื่อนที่ช่วยเตือนสติเธอ “ฮื่อ,”บัวชมพูพยุงเพื่อนไส่งที่ห้องน้ำแล้วเธอก็เดินไปที่ครัวเล็กของเพื่อนที่มีอุปกรณ์ทำอาหารครบพร้อมอย่างน้อยก็มีคอนโดอยู่โดยไม่ต้องเช่าเพราะพีมศวัจน์ซื้อให้เพื่อจะได้ไปมาหาสู่ได้สะดวกโดยไม่มีใครรู้เห็น บัวชมพูก็หุงข้าวแล้วเจียวไข่น้ำให้เพื่อนเพื่อจะได้ซดน้ำได้คล่องคอจึงปรุงรสออกเปรี้ยวนำตามที่รู้มาว่าคนท้องชอบกินรสเปรี้ยว “ใยบัวแกทำอะไรอ่ะหอมจัง” ว่าที่คุณแม่เดินออกมาจากห้องนอนในสภาพที่เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยและก็ได้กลิ่นหอมของข้าวสวยกลิ่นเปรี้ยวของมะนาวทำให้เธอหิว “ไข่เจียวน้ำน่ะ แกหิวแล้วใช่มั้ย” “อื่อ หอม..” เหมือนแพรเดินมาหยุดมองเพื่อนยกหม้อไข่เจียวน้ำออกจากเตาแล้วชะโงกหน้าไปสูดกลิ่นเปรี้ยวของมะนาว “แกไปนั่งรอแป๊บนะคะนิ้งเดี๋ยวบัวรอข้าวสวยสุกอีกห้านาทีแกได้กินข้าวแน่ๆ” “จ้ะ” เหมือนแพรเดินไปหยิบโทรศัพท์แล้วไปนั่งรอที่โต้ะอาหารริมหน้าต่างกระจกมองออกไปด้านนอกก็เห็นถนนอยู่ด้านล่างมีรถหลากหลายชนิดวิ่งไปมาบนท้องถนนดูวุ่นวายมากปกติเธอไม่มีเวลามานั่งมองอะไรแบบนี้เลยก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพีมศวัจน์ “กริ้งๆๆ กริ้งงๆๆ...” “ว่าไงคะนิ้งเป็นอะไรมากหรือเปล่า” พีมศวัจน์ถามเลขาสาวพ่วงเมียเก็บของเขาที่อยู่อย่างเงียบๆไม่ทำตัวสนิทสนมกับเขาในที่ทำงานเหมือนคนอื่นและยังเป็นสาวบริสุทธิ์ตอนที่ได้เธอเขาจึงหยุดอยู่ที่เหมือนแพรไม่มีคนอื่นเลี้ยงดูเป็นตัวเป็นตน “ก็ไม่มากหรอกค่ะ คะนิ้งอยากเจอคุณพีมได้มั้ยค่ะ” เหมือนแพรบอกหนุ่มใหญ่ไปตามสาย “ตอนนี้เหรอ” “ค่ะตอนนี้ คะนิ้งจะรออยู่ที่ห้องนะคะ” “ได้เดี๋ยวผมแวะไป” พีศวัจน์วางสายแล้วมองดูนาฬิกาบนข้อมือเพิ่งจะสิบแปดนาฬิกากว่านิดหน่อยจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานไปชั้นล่างที่มีคนขับรถรออยู่ “กลับบ้านเลยนะครับคุณพีม” “ไปคอนโดของคะนิ้งก่อน” “แต่ว่า” เสกสันต์จะค้านเจ้านายคืนนี้เป็นงานวันเกิดของภรรยาเจ้านาย “แป๊บเดียว” “ครับเจ้านาย” เสกสันต์รับคำสั่งเจ้านายก็ขับรถออกไปจากบริษัทตรงไปคอนโดของเหมืือนแพรผู้หญิงของเจ้านาย บัวชมพูตักไข่เจียวน้ำใส่ถ้วยและล้างหม้อล้างชามเสร็จข้าวก็สุกพอดีเธอจึงตักใส่จานไปให้เพื่อนทันทีเพราะรู้ว่าเพื่อนหิว “ไข่เจียวน้ำร้อนๆฝีมือบัวชมพูมาแล้วจ้ารับรองว่าแซ่บมากก..” บัวชมพูพูดลากเสียงแล้วยิ้มให้เพื่อนวางถ้วยไข่เจียวน้ำกับข้าวสวยร้อนบนโต้ะกินข้าว “หอมจริงๆนะใยบัว ขอบใจแกมากนะเพื่อน” ว่าที่คุณแม่พูดแล้วน้ำตาคลอ “รู้แล้วน่าไม่ต้องขอบใจบัวหรอกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอเพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะไปช่วยแมวที่ไหนล่ะ กินได้แล้วป่านนี้หลานบัวหิวจะแย่แล้วล่ะ” บัวชมพูบอกเพื่อนที่มองหน้าเธออย่างซาบซึ้ง “จ้ะใยบัว” เหมือนแพรตักข้าวใส่ปากคำแรกก็ชะงักมองเพื่อนแล้วก็ตักกินเรื่อยๆด้วยความอร่อย “ไม่อร่อยเหรอ” แม่ครัวเห็นเพื่อนชะงักก็ถามอย่างไม่แน่ใจเพราะเมนูไข่เธอทำไข่เจียวน้ำได้แซ่บมากขนาดแม่ยังชอบเลย “อร่อยสิ บัวทำถูกปากฉันมากเลย เอ่อ ใยบัว..” “มีอะไร” บัวชมพูเห็นเพื่อนมองเธอแล้วจะพูดอะไรสักอย่างแล้วหยุดไป “คือฉันโทรบอกคุณพีมให้มาหาที่นี่น่ะ แกอยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนนะ” เหมือนแพรบอกเพื่อนเบาๆ “ได้อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้แกคุยกับเขาสองคนก่อนนะ ถ้าเขามาถึงบัวจะไปหลบในห้องน้ำ “จ้ะ” เหมือนแพรยิ้มให้เพื่อนอย่างขอบคุณเพราะเธอต้องการกำลังใจจากเพื่อนรรักมากกว่าพีมศวัจน์เธอไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไงและเธอคิดว่าน่าจะสองเดือนก่อนที่งานยุ่งเจ้านายติดต่อบริษัทผลิตวิสกี้ยี่ห้อดังเข้ามาจำหน่ายเพิ่มและเธอก็ยุ่งจนลืมกินยาคุม “ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ..” “คุณพีมมาแล้ว” “แกไปเปิดประตูสิคะนิ้ง บัวจะไปหลบในห้องน้ำ” เหมือนแพรรอจนเพื่อนเดินเข้าห้องน้ำเธอก็เดินไปเปิดประตูห้องให้พีมศวัจน์ “ผมมีเวลาไม่มากนะคะนิ้ง พอดีวันนี้วันเกิดของคุณวาวเขาน่ะ” พีมศวัจน์เดินเข้ามาในห้องก็ได้กลิ่นไข่เจียวน้ำฝีมือของบัวชมพู “เพิ่งกินข้าวเหรอแล้วปวดหัวเป็นยังไงบ้างล่ะไปหาหมอมารึยัง” “ไปหามาแล้วก็ดีขึ้นค่ะ คุณพีมคะ” เหมือนแพรยืนกุมมือแน่นยืนตรงหน้าพีมศวัจน์ที่นั่งบนโซฟา “มีอะไรหรือคะนิ้งนั่งลงคุยกันก่อนสิ” “คะนิ้งท้องค่ะ” “อะไรนะ เธอท้องเหรอท้องได้ยังไงก็กินยาคุมอยู่ไม่ใช่เหรอ” พีศวัจน์ปวดหัวขึ้นมาทันทีมองเมียเก็บที่อ่อนกว่าเขาไปหนึ่งรอบและเหมือนแพรก็คุมมาตลอดสองปีก็ไม่เคยมีปัญหา “มะ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่เดือนก่อนงานเยอะจนคะนิ้งลืมกินไม่คิดว่าจะท้องค่ะ” เหมือนแพรบอกพีมศวัจน์ไปตามเธอไม่คิดจะจับเขาเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขามีครอบครัว “แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะ คุณก็รู้ว่าผมมีครอบครัวแล้วจะรับผิดชอบคุณกับลูกไม่ได้” พีมศวัจน์ยกมือขึ้นกุมขมับเขามีลูกสาวสามคนซึ่งกำลังอยู่ในวัยเรียนไล่กันโตสิบขวบคนกลางแปดขวบคนเล็กหกขวบแต่จะบอกให้เหมือนแพรไปเอาเด็กออกก็เลวเกินไปและฐานะของเขาก็อยู่ระดับเศรษฐีสามารถเลี้ยงลูกได้อยู่แล้วแต่กลัวภรรยาจะรู้นี่สิคือปัญหาใหญ่บางทีภรรยาเขาอาจจะรู้แล้วก็ได้แต่เลือกเฉยเพราะเขาให้ความสำคัญกับครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ “คะนิ้งไม่ได้อยากให้คุณพีมมารับผิดชอบแค่บอกให้คุณพีมรับรู้ไว้ แต่คะนิ้งต้องทำงานเลี้ยงลูกคุณพีมอย่าไล่คะนิ้งออกนะคะ” ตอนนี้เธอกลัวตกงานมากกว่าหากเป็นเช่นนั้นเธอจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงลูก “ผมก็ไม่ได้เลวจนจะไม่รับผิดชอบลูกกับคุณนะคะนิ้ง ผมขอเวลาคิดหน่อยได้มั้ยว่าจะหาทางออกยังไงดีกับเรื่องของเรา” “ค่ะ” “ช่วงนี้ก็ดูแลตัวเองกับลูกดีๆนะ ถ้าไปทำงานไม่ไหวก็หยุดงานก่อนเดี๋ยวผมจะให้นายเสกมันหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วช่วงนี้ผมอาจจะไม่ได้มาหาคุณนะเราจะคุยกันทางโทรศัพท์หรือไม่ผมจะให้นายเสกมันแวะมาดู” พีมศวัจน์บอกเมียเก็บและจะหาทางออกที่ดีสำหรับเขากับเหมือนแพรและภรรยา “ค่ะคุณพีม ขอบคุณมากนะคะ” เหมือนแพรทรุดลงนั่งบนโซฟาข้างหนุ่มใหญ่แล้วยกมือไหว้เขา “ผมต้องกลับก่อนนะคะนิ้ง แล้วจะโทรหา” พีมศวัจน์พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไปจาห้องพักของเมียเก็บแล้วถอนหายใจมีลูกเขาก็ดีใจอยู่หรอกแต่ไม่ใช่กับภรรยานี่สิ หากนนทิยารู้จะเป็นยังไงถึงเขาจะเจ้าชู้แต่ก็ไม่เคยอยู่กับใครได้นานเท่าเหมือนแพร “ได้ดอกไม้ที่ฉันสั่งมั้ยเสก” เมื่อมาถึงรถก็ถามคนสนิทที่เขาให้ไปสั่งดอกไม้เพื่อไปให้ภรรยาในวันเกิด “เรียบร้อยแล้วครับเจ้านาย” เสกสันต์ตอบเจ้านายขณะเปิดประตูรถตู้หรูให้ “ขอบใจมาก” พีมศวัจน์มองคนสนิทไม่ยอมขึ้นรถ “มีอะไรครับเจ้านาย” เสกสันต์วัยสามสิบห้าปีถามเจ้านายอย่างสงสัย “นายมีเมียหรือยังเสก” “ทำไมเจ้านายถามแบบนี้ครับ ผมทำงานกับเจ้านายมาเกือบสิบปีอยู่กับเจ้านายตลอดจะเอาเวลาไหนไปมีเมียครับ อีกอย่างผมก็ไม่อยากมีพันธะด้วยครับ” เขาก็ชอบผู้หญิงสวยและโสดไปทั่วนั่นแหละแล้วแต่ใครอยากจะสนุกด้วยเขาก็เอาทั้งนั้นแต่ก็ป้องกันตัวเองอย่างดี “แฟน กิ้ก หรือกั้กอะไรก็ไม่มีเหรอ” “ไม่มี เอ่อ ก็มีกั้กบ้างครับ” “ฉันอยากขอร้องให้นายช่วยสักเรื่องได้มั้ย” เจ้านายหนุ่มใหญ่พูดจบก็ขึ้นไปนั่งบนรถ “ได้ครับคุณพีมพูดมาได้เลยผมยินดีช่วยเหลือทุกอย่างยกเว้นไปฆ่าคนครับ” เสกสันต์พูดหยอกเจ้านายในตอนท้ายก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ “คะนิ้งท้อง” “ห๊ะ,คุณคะนิ้งท้อง” เสกสันต์ถึงกับเบรกรถจนตัวโก่งด้วยความตกใจ “ขับดีๆสิ” “ขอโทษครับคุณพีม เรื่องจริงใช่มั้ยครับ” “เรื่องนี้ควรเอามาพูดเล่นเหรอ” “ไม่ครับ” “นายช่วยฉันได้มั้ย ฉันไม่อยากให้คุณวาวเธอสงสัยแต่จะให้ฉันปล่อยให้คะนิ้งกับลูกลำบากฉันก็ทำไม่ได้ ฉันไว้ใจนายให้ช่วยดูแลคะนิ้งแทนได้มั้ย” “ได้ครับ,คุณพีมไว้ใจผมได้เลย ผมจะดูแลคุณคะนิ้งกับคุณหนูให้ดีที่สุดครับ” “ขอบใจมาก แล้วฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้อีกหนึ่งเท่าแทนคำขอบคุณนะเสก” พีมศวัจน์บอกคนสนิทอย่างขอบคุณตอนนี้เขาขอแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนเอาใว้คิดได้ดีกว่านี้ค่อยจัดการ “ไม่เป็นไรครับเจ้านายผมเต็มใจช่วยเจ้านายให้ผมมามากแล้วครับ” ทุกวันนี้เขาก็ได้เงินเดือนเต็มๆส่วนค่ากินอยู่เจ้านายก็ให้คร้องละสองสามพันไม่เคยขาดและยังช่วยเหลือเขาสร้างบ้านให้พ่อแม่ที่สุรินทร์อีกแค่นี้ทำไมเขาจะทำให้เจ้านายไม่ได้ล่ะ “รับไว้เถอะน่า เอาไว้ฉันแก้ปัญหาได้เมื่อไหร่จะบอกนาย ช่วงนี้ก็ช่วยฉันก่อนละกัน” “ครับเจ้านาย” พีมศวัจน์โล่งใจที่เขาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้แล้วที่เหลือค่อยคิดว่าจะจัดการยังไงดีแต่ที่แน่ๆเขาจะต้องเพิ่มเงินให้เหมือนแพรไว้ใช้จ่ายดูแลตัวเองและลูก เหมือนแพรนั่งนิ่งมองพีมศวัจน์เดินออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกดีอย่างคาดไม่ถึงตอนที่ตกลงกันเขาก็บอกชัดเจนว่าห้ามปล่อยตัวเองให้ท้องเพราะเขาจะไม่รับผิดชอบ แต่นี่มันอะไรกันเขาบอกให้เธอดูแลลูกไม่ได้บอกให้เธอไปทำแท้งเหมือนที่เธอกลัวและรับผิดชอบอีกต่างหากมันไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย “คะนิ้งแกโอเคนะ” บัวชบพูได้ยินเพื่อนคุยกับเจ้านายอย่างชัดเจนและโล่งใจที่พีศวัจน์เป็นลูกผู้ชายพอที่ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบ "โอเคใยบัว โอเคมากเลยแก คะนิ้งกลัวคุณพีมจะบอกให้เอาลุกออกจะแย่.." เหมือนแพรพูดเสียงสั่นด้วยความดีใจอย่างน้อยพีมศวัจน์ก็ไม่บอกให้เธอไปทำแท้งหรือไล่เธอออกจากงาน "อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกผู้ชาย ไม่ใช่หมา เอ่อ.." บัวชมพูหยุดพูดแล้วยิ้มแหยๆให้เพื่อน "ขอบใจมากนะใยบัว คะนิ้งไม่กล้าบอกหลินกับอุ๊เลยแก" เหมือนแพรรู้ว่าเพื่อนทั้งสามไม่เห็นด้วยที่เธอยอมเป็นเมียเก็บของเจ้านายแต่แค่เตือนในเมื่อเธอไม่เชื่อเพื่อนๆก้ไม่ยุ่งแต่ไม่มีใครเลิกคบกับเธอ "แกอยู่คนเดียวได้มั้ยคะนิ้ง หรือว่าจะให้บัวอยู่เป็นเพื่อน" "คะนิ้งอยู่ได้ ใยบัวกลับเถอะขอบใจมากนะใยบัวขอบใจจริงๆ" "งั้นบัวกลับก่อนนะ ดูแลตัวเองล่ะพรุ่งนี้เย็นจะแวะมาหานะ" "จ้ะใยบัว" เหมือนแพรลุกไปส่งเพื่อนที่หน้าห้องแล้วกลับเข้ามากินยาแล้วนอนพักผ่อนหลังจากวันนี้เธอเครียดทั้งวัน บัวชมพูนั่งรถเมล์กลับบ้านเพราะมันเพิ่งสองทุ่มกว่าเองก่อจะต่อมอเตอณไซค์เข้าบ้านก็เห็นรถของพ่อกับแม่จอดอยู่จึงเดิเข้าไปในบ้าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD