วันต่อมาหลังจากคุณหนูตระกูลหลิวกลับถึงจวนด้วยสภาพสะบักสะบอม ผมเผ้าหลุดลุ่ย เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ซ้ำหลังมือยังถลอกปอกเปิกจากการโดนเหยี่ยวจิก จากนั้นก็เกิดข่าวลือไปทั่วเมืองหลวงว่าหากได้ลิ้มรสเหยี่ยวขาวตุ๋นโสมแม้เพียงคำเดียว ชีวิตนี้จะยืนยาวไปอีกร้อยปี ทั่วตลาดร้านรวงบัดนี้จึงว้าวุ่นกันไปทั้งเมือง ค่าตัวในการออกล่าหัวเหยี่ยวขาวเพียงตัวเดียวสูงขึ้นเป็นพันตำลึงทอง หลิวซูมี่ที่กำลังนั่งผ่อนคลายให้สาวใช้ทายาที่หลังมือลอบยิ้ม ได้ยินมาว่าเหยี่ยวขาวสายพันธุ์
ดีที่สุดในแคว้นนี้ ก็มีเพียงครอบครัวเหยี่ยวขาวเลี้ยงของเซียนอ๋องเท่านั้น อย่าได้คิดบินออกมานอกกำแพงวังเชียว
โดนตุ๋นโสมแน่ !
" คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูลู่จะออกเดินทางมาที่วัดไท่ซานเช้าวันพรุ่งนี้
เจ้าค่ะ นางกำนัลตำหนักกุ้ยเฟยเล่าว่า คุณหนูลู่เลื่อมใสพระอาจารย์ท่านหนึ่งในวัดที่ช่วยเหลือคนยากไร้ จึงมักจะนำอาหารมาถวายให้วัดเพื่อแบ่งปันชาวบ้านเจ้าค่ะ "
หลิวซู่มี่ตบเข่าฉาด แต่เมื่อนึกได้ว่าเป็นมือข้างที่ยังเจ็บจากแผลถลอกและแสบจนน้ำตาไหลจึงรีบสะบัดเร็ว ๆ เพื่อคลายความแสบร้อน ในเมื่อเซียนอ๋องคนนั้นดูท่าจะไม่ให้ความร่วมมือในการเป็นแม่สื่อครั้งแรกของเธอ หลิวซู่มี่จึงคิดจะจู่โจมด้วยการพรีเซ้นต์สินค้าให้เขาเองเสียเลย ในเมื่อ
ลู่หลานเฟินขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีงาม ทั้งยังเรียบร้อยอ่อนหวาน จิตใจเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องไม่ชอบกันล่ะ ? น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันจะไม่กร่อนซะบ้างก็ให้รู้กันไป
" ส่งสารไปหาองค์หญิงลี่อิน ข้าต้องการความช่วยเหลือให้พวกเขาพบเจอกันด้วยความประทับใจเป็นครั้งแรก "
" เจ้าค่ะคุณหนู "
ในแคว้นฉินซึ่งก็ไม่ทราบว่าบันทึกอยู่ในช่วงใดของประวัติศาสตร์ชาติ ที่นี่ผู้คนที่มีอันจะกินนิยมสื่อสารกันด้วยเหยี่ยว เพราะเป็นสัตว์ที่สามารถสอนให้เชื่องกับเจ้าของได้ อีกทั้งยังทำงานได้คล่องแคล่วทันเวลาเสียด้วย โดยทั่วไปจะเป็นเหยี่ยวบ้านหรือเหยี่ยวป่าที่นำมาฝึก แต่เหยี่ยวหิมะสีขาวล้วนแบบของเซียนอ๋องนั้นต้องไปตามล่ามาจากป่าลึก นับว่าเขามีรสนิยมโดดเด่นแปลกตากว่าผู้อื่น
" องค์หญิงลี่อินส่งสารกลับมาแล้วเจ้าค่ะ ! "
" ทรงแจ้งว่าจะให้เซียนอ๋องเดินทางไปที่วัดเพื่อนำอาหารไปแจกจ่ายช่วยประชาชนเช่นกันเจ้าค่ะ "
" ดีเลย ! ตกลงตามแผน พวกเจ้าตามข้ามา "
หญิงสาวเรียกให้สาวใช้สองคนตามเข้ามาในห้องพร้อมด้วยถ่านที่เผาแล้วหนึ่งถังไม้ หลิวซูมี่สั่งให้สาวใช้นำเสื้อผ้าเก่าของตนเองมาขยี้ด้วย
ผงถ่านให้เปื้อนดำสกปรก จากนั้นจึงสั่งห้ามทั้งสองอาบน้ำสระผมหนึ่งคืน เมื่อเห็นกองเสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมม ซูมี่ก็แย้มยิ้ม
" เราจะทำสิ่งใดกันหรือเจ้าคะคุณหนู เหตุใดจึงต้องทำให้เสื้อผ้าสกปรกเช่นนี้ "
" พวกเจ้าห้ามอาบน้ำและสระผมโดยเด็ดขาด พรุ่งนี้ให้สวมเสื้อผ้าเหล่านี้ ทาหน้าด้วยผงถ่านให้เลอะเทอะสักหน่อย "
"...."
" จากนั้นก็ไปต่อแถวรับอาหารรวมกับพวกชาวบ้าน เมื่อเห็นเซียนอ๋องเสด็จ ให้คนหนึ่งแสร้งเป็นลม อีกคนแสร้งร้องไห้ขอความช่วยเหลือ "
สองสาวใช้อ้าปากค้าง ยิ้มกว้างกับแผนการอันแยบยลของนายหญิง หากเป็นเช่นนั้นลู่หลานเฟินผู้มีจิตใจเมตตาคงพุ่งตรงเข้ามาช่วยเหลือ
พวกนางก่อนใคร และเหตุการณ์ทั้งหมดก็จะตกอยู่ในสายตาของเซียนอ๋อง เขาจะต้องเกิดความประทับใจหรือสนใจลู่หลานเฟินไม่มากก็น้อย
" ยอดเยี่ยมเลยเจ้าค่ะคุณหนู บุรุษใดจะไม่ประทับใจหากพบเจอสตรีงามที่จิตใจเมตตาเช่นคุณหนูลู่ "
" ใช่ไหมล่ะ ! เช่นนั้นก็ทำตามแผน ! "
" ตามแผนเจ้าค่ะ ! "
" เป็นแผนการของคุณหนูหลิวทั้งสิ้นพะย่ะค่ะ "
" นางเป็นบุตรสาวในตระกูลหงเหนียนเช่นนั้นหรือ "
" ทูลเซียนอ๋อง อีกทั้งยังเป็นบุตรสาวเจ้ากรมโยธาด้วยพะย่ะค่ะ "
ชายหนุ่มรูปงามผิวพรรณขาวผ่องราวกับไม่เคยโดนแสงแดด ใช้เรียวนิ้วลูบไล้ขนนกเหยี่ยวขาวเบา ๆ อย่างปลอบโยน หลังจากมันบินออกไปหาข่าวนอกรั้ววังให้เขาแล้วดันโดนกับดักชาวบ้านจนเกือบเอาตัวไม่รอด กรามคมขบเม้มเบา ๆ แม้จะเจ็บใจที่ถูกเด็กสาวธรรมดา ๆ อย่างหลิวซูมี่แก้แค้นคืนได้เจ็บแสบ ทั้งยังวางแผนให้เขาได้ไปพบกับลู่หลานเฟินที่วัดไท่ซานเพื่อจับคู่ตามความประสงค์ขององค์หญิงลี่อิน แต่ลึก ๆ กลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแปลกประหลาด นานแล้วที่ไม่ได้ต่อสู้วางแผนกับใคร เขาเพียงเก็บตัวอยู่เงียบ ๆ อย่างสงบสุขในวังหลวงแห่งนี้เท่านั้น
" จัดเตรียมรถม้าและชุดเสื้อผ้าที่ดูดีให้ข้า พร้อมด้วยของแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ฟ้าสางให้ออกเดินทางไปที่วัดไท่ซานทันที "
อู๋กงกงขันทีคู่ใจของตำหนักเหอซั่วชินหวังโค้งคำนับอย่างนอบน้อมก่อนหายไปในความมืด อีกไม่กี่ชั่วยามก็รุ่งเช้า ชายหนุ่มปล่อยให้เหยี่ยวขาวบนลำแขนแกร่งเกาะลงบนแท่นไม้ พร้อมพยักหน้าอนุญาตให้นางกำนัลนำเนื้อไก่สดเข้ามาเตรียมเป็นอาหารเช้าของเหยี่ยวรัก ยืนมองบรรดาบรรดานกเหยี่ยวกินอาหารจนอิ่มได้ไม่นาน แสงอาทิตย์ก็ค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้า เป็นสัญญาณให้เขาเตรียมพร้อมออกจากรั้ววังในรอบปี
จะหงเหนียนที่เก่งกาจแค่ไหน หรือลู่หลานเฟินที่งดงามราวเทพธิดาเพียงใด หากเขาไม่ต้องการ พวกนางก็ไม่สามารถเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตได้ทั้งนั้น
" เหอซั่วชินหวังเสด็จ ! "
บรรยากาศยามเช้ามีหมอกลงเล็กน้อย ในลานกว้างของวัดไท่ซานปรากฏชาวบ้านจำนวนมากมายืนเรียงแถวรอรับอาหารและข้าวสารจากคุณหนูลู่หลานเฟิน อีกทั้งยังมีของจากตำหนักเหอซั่วชินหวังที่ส่งมาสบทบ สร้างความปลาบปลื้มใจทั้งผู้ให้และผู้รับเป็นอย่างยิ่ง ลู่หลานเฟินในชุดแพรสีฟ้าอ่อนงดงาม มีรอยยิ้มหวานดุจดั่งเทพเซียน ช้อนตาขึ้นมองขบวนเสด็จจากวังหลวง หัวใจดวงน้อยเต้นรัวยามได้ยินว่าชายสูงศักดิ์นอกจากมอบสิ่งของช่วยเหลือแล้ว ยังเสด็จมาเยี่ยมเยียนชาวบ้านถึงที่ด้วยตนเอง
" ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย ! น้องสาวของข้าหิวข้าวจนเป็นลมแล้ว ! นางไม่มีข้าวตกถึงท้องมาสามวัน ! "
เสียงหญิงสาวชาวบ้านร้องดังมาจากปลายแถว ลู่หลานเฟินได้สติสะบัดศรีษะเบา ๆ ให้หลุดจากภวังค์ ก่อนจะรีบมุ่งตรงไปดูแลคนเป็นลม พบว่าเป็นเด็กสาวร่างกายมอมแมม นอนหมดสติที่พื้นโดยมีเด็กสาวอีกคนพยายามเขย่าร่างเล็ก ฝ่ามือสวยยื่นไปแนบใบหน้าเปื้อนฝุ่นเพื่อวัดไข้โดยไม่นึกรังเกียจ ลู่หลานเฟินร้อนใจนัก ด้วยกลัวเด็กสาวจะหิวโหยจนล้มป่วยหนัก
" สามหาว ! ชาวบ้านทุกคนล้วนหิวโหยเจ้าจะทนรอไม่ได้จนต้องมาแสดงละครลิงเช่นนี้หรือ ? "
เสียงตะคอกทรงอำนาจของชายสูงศักดิ์มาพร้อมกับการถลึงตาโตจนแทบหลุด ใบหน้าหล่อเหลาค่อย ๆ บิดเบี้ยวพร้อมหอบหายใจแรงจนตัวโยน ลู่หลานเฟินรวมถึงชาวบ้านต่างตื่นตกใจกับท่าทางราวคนเสียสติของเซียนอ๋องรูปงาม
" ลุกขึ้นมา ! ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ! ทหาร ! ทหาร ! "
ลู่หลานเฟินอ้าปากค้าง เมื่อเซียนอ๋องจู่ ๆ ก็ร้องลั่น จนชาวบ้านพากันกรูกันถอยหนี เขาดูหวาดกลัวผู้คนรอบกายแต่ก็อาละวาดโวยวายไม่หยุด เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่หรือเหอซั่วชินหวังที่ใคร ๆ ต่างก็ร่ำลือว่าโฉมงาม เก่งกาจ อีกทั้งยังไม่มีคู่ครอง คุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ล้วนหมายปอง บัดนี้เขากลับกรีดร้องราวกับคนบ้าเสียแล้ว !
" เตรียมรถม้า ! ข้าจะกลับ ! ข้าจะกลับ ! "
" พะย่ะค่ะ "
อย่าว่าแต่ผู้คนที่งงงวย หลิวซูมี่ที่ยืนแอบอยู่ข้างกำแพงวัดยังชาไปทั้งตัว ได้แต่ยืนแข็งทื่อไร้วิญญาณ ฉากที่เธอคิดไว้คือทั้งคู่ต้องสบตากันอย่างลุ่มหลงท่ามกลางสายหมอกและแสงแดดยามเช้า อีกคนประทับใจในความหล่อเหลาใจบุญ ส่วนอีกคนก็ต้องประทับใจในความงามและมีเมตตา แต่นี่...อีตาเซียนอ๋องจู่ ๆ ดันผีเข้า ! แหกปากร้องจนแม้แต่ลู่หลานเฟินก็กลัวจนตัวสั่น
" หึ ! "
ชั่ววินาทีที่รถม้าตรงเข้ามาจอดเทียบในลานวัด ชายหนุ่มสูงศักดิ์ถูกทหารสองนายประคองขึ้นรถม้า ก่อนหันมาสบตาและส่งยิ้มมุมปากให้หลิวซูมี่อย่างประกาศชัยชนะ พร้อมหายเข้าไปภายในรถม้าสีดำสนิท ออกตัวมุ่งตรงกลับวังหลวงในเวลาอันรวดเร็ว
เพ้ย ! ไอ้หมอนี่มันตั้งใจทำลายแผนตกหลุมรักของเธอชัดๆ ! มันไม่ได้บ้าจริงนี่ !
แย่แล้ว ! ทีนี้เธอจะแก้เกมส์ยังไงได้ล่ะ ? ลู่หลานเฟินคงเข้าใจว่าเซียนอ๋องเป็นชายสติไม่สมประกอบไปแล้ว ไม่ใช่แค่นาง...แต่ข่าวนี้จะถูกเผยแพร่ไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วโดยชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด....
อย่าว่าแต่สตรีในวังสูงศักดิ์ แม้แต่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดา ๆ ก็คงไม่อยากได้อีตานี่เป็นผัวแน่ ๆ
แผนสูงนัก !