ตอนที่ 3 ยอมรับความจริง

1707 Words
ตอนที่ 3 ยอมรับความจริง ฉันยอมเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน ในแบบไม่มีทางเลือก กวาดสายตามองไปรอบๆบ้าน ภายในบ้านสะอาดสะอ้านเรียบร้อย กว้างขวางเหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว “นั่งลงสิ มองอยู่ได้ จะกลัวอะไรนักหนา บ้านคนนะครับไม่ใช่บ้านผี ไม่ต้องกลัว” ตอนนี้อะไรๆมันก็เริ่มชัดเจนขึ้น เธอคงไม่ได้ดื่มเหล้า ซึ่งผมก็คงไม่ได้เมา สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริง “คุณ...” ตอนนี้ฉันปวดฉี่จนจะอั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว แต่ฉันกลัว...ในสมองตอนนี้คิดดีไม่ได้จริงๆ ทำไมเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นกับฉันด้วยนะ “เป็นอะไรยืนบิดอยู่ได้” บอกให้นั่งลง เธอก็ไม่ยอมนั่ง “ฉันปวดฉี่...” อ้าว...ผมลืมไปสนิทเลย เธอคงอั้นไว้นานแล้วเพราะตอนที่ผมเดินชนกับเธอ ผมกำลังจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันได้เข้าดันเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน “ก็ไปฉี่สิ ใครห้ามครูล่ะโน่นห้องน้ำ” น้ำเสียงสบายๆของเขาทำให้ฉันเม้มปากแน่นหนักกว่าเดิม...เขาไม่เข้าใจ! “ฉันไม่กล้า...” “เป็นอะไรกลัวผีเหรอ ที่นี่ไม่มีผีหรอกมีแต่ตุ๊กแก” บ้านป่าบ้านดงจิ้งจกตุ๊กแกมันเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งหน้าฝนแบบนี้ ตะขาบแมงป่องก็เยอะ...ผมไม่ได้โกหก “ว้าย!! ตุ๊กแกเหรอฉันกลัว” ฉี่จะราดแล้วนะ! “ทำท่าให้มันแมนๆหน่อย แบบนี้ผมรับไม่ได้ เสียชื่อเฮียมังกรหมด” ท่าทางอ้อนแอ้นของเธอกระโดดเข้ามาเกาะแขนผมเอาไว้แน่น ผมรีบแกะมือของเธอออก ใครมาเห็นเข้าคงเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นตุ๊ด “ฉันกลัวจริงๆนะ ฉี่จะราดแล้วด้วย” “ตกลงคุณกลัวอะไรกันแน่น” ผีหรือจิ้งจกตุ๊กแก “ฉันกลัว...ไอ้นี่ของคุณ” ฉันก้มหน้าลงชี้มาที่เป้ากางเกงของตัวเอง จะทำยังไงดีฉันไม่อยากเห็น! “มันน่ารักจะตาย จะจับจะมองตามสบายเลยผมไม่หวง แต่อย่าทำร้ายมันก็พอ” ไอ้บ้านี่! คนกำลังจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาพูดเล่นอีก “ฮื่อๆๆ” ฉันร้องไห้จริงๆ ฉันกลัว ฉันอึดอัด ฉันไม่ชิน ทำไมชีวิตของฉันจะต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยนะ “ครูใจเย็นๆนะ ไม่ต้องร้อง ผมไม่อยากเห็นตัวเองร้องไห้ คุณฟังผมนะ คุณต้องทำใจยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ ไปฉี่เถอะ หรือจะให้ผมช่วยก็ได้” “ฉันต้องทำใจยอมรับความจริง จริงๆเหรอเนี่ย” ตัวผมเองก็ต้องทำใจยอมรับความจริงเหมือนกัน “ไปๆผมพาไป เดี๋ยวคุณหลับตา ผมจะปลดกางเกงให้” ผมพาเธอเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำแล้วเอ่ยถามเธออีกครั้ง... “แน่ใจนะว่าจะไม่ทำเอง นอกจากฉี่แล้วอย่างอื่นคุณก็ต้องทำเองอยู่ดี” วันนี้ไม่ทำ พรุ่งนี้ก็ต้องทำเองอยู่ดี สิ่งเดียวที่จะทำให้เธออยู่กับมันได้คือทำใจยอมรับความจริงให้ได้ “อย่างอื่นอะไร” ทุกอย่าง! ทุกเรื่อง! “คุณจะไม่อาบน้ำหรือไง” ผมยกตัวอย่าง...เพราะมันไม่ได้มีแค่นี้ “ฉันไม่อาบ!” “จะบ้าเหรอ!” “ก็ได้ๆ...ตอนนี้ฉันไม่ไหวแล้ว” ฉันรีบเข้าห้องน้ำ แล้วปิดประตูล็อคกลอนทันที “ผมรออยู่ข้างนอกนะ จับมันด้วยล่ะระวังจะฉี่ลดเท้า” ผมตะโกนคุยกับเธออยู่หน้าห้องน้ำ ด้วยน้ำเสียงขบขัน “ไอ้บ้า! ฉันนั่งย่ะ” เธอตะโกนกลับมา...ซึ่งผมก็ยังคงยืนพิงผนังหน้าห้องน้ำรอเธออยู่ “ครับๆ คุณครูจะนั่งหรือจะยืนก็ตามสบายเลย” ฉันเข้ามายืนอยู่ในห้องน้ำได้ รีบปลดตะขอกางเกงออก รูดซิปลง และกดขอบกางเกงชั้นในลงด้วยความรีบร้อน พยายามไม่มองมัน แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร จากที่ฉันรู้สึกอึดอัดอยู่แล้ว มันแข็งขืนชูคอสูงออกมาทันที “ว๊าย!!!” “ครูเป็นอะไร!” เงียบ...ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด ไม่ใช่ว่าเป็นลมไปแล้วล่ะ สักครู่เธอก็เปิดประตูเดินออกมา ตาลอยๆ เหมือนคนไม่มีจิตวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น “เสร็จแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง” “ใหญ่...” เธอตอบคำถามด้วยสายตาลอยๆ มังกรน้อยของผมออกจะน่ารักดูทำหน้าเข้า “ไม่ใช่! ผมหมายถึงว่าฉี่เสร็จแล้วเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นมั้ย” “โล่ง...” ฉันเกือบจะช๊อกตาย นี่ฉันจะต้องอยู่กับมังกรน้อยของเขาจริงๆเหรอ...ฉันไม่โอเคเลยสักนิด! “ต้องการอะไรอีกมั้ยเดี๋ยวจะดึก เราต้องคุยเรื่องสำคัญกัน” เธอพยักหน้า ผมจึงเดินนำเธอมานั่งลงที่ห้องนั่งเล่นกลางบ้าน “คุณอยู่กับใคร” “ผมอยู่คนเดียว” “คุณไม่มีพ่อแม่พี่น้องเหรอ” “มี...แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่กับผม ถามเรื่องพวกนี้ก็ดี เราจำเป็นต้องรู้เรื่องของกันและกันแบบละเอียดได้ยิ่งดี” “ทำไมฉันจะต้องบอกเรื่องส่วนตัวกับคุณด้วย” “แล้วครูคิดว่ายังไงล่ะ” ผมเลิกคิ้วถาม...เพราะอะไรไม่น่าถาม คุยกับผู้หญิงนี่มันน่าเบื่อจริงๆ “ก็ได้ คุณก่อน...” “ได้...แต่ก่อนอื่นเราต้องมาตกลงกันก่อน คุณอยู่บ้านพักครูกับใคร” “ฉันอยู่คนเดียว” “ดีเลย งั้นคุณย้ายมาอยู่กับผมที่บ้านหลังนี้” เพราะผมจะไม่มีทางยอมให้ร่างกายของผมออกห่างจากสายตาของผมเด็ดขาด ถ้าไม่จำเป็น “ไม่มา ทำไมฉันจะต้องย้ายด้วย” ยังจะถามคำถามแบบนี้อีก ผมเริ่มจะหมดความอดทนแล้วนะ “ดูสภาพของคุณกับผมตอนนี้สิ คุณต้องทำงานคุมลูกน้องแทนผม ผมต้องไปสอนหนังสือแทนคุณ...หรือเปล่า” ผมเริ่มโมโห พูดยากพูดเย็น น้ำเสียงจึงฟังดูดุไปหน่อย แต่เสียงหวานๆของเธอที่ผมเปล่งออกไปทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิด “เรื่องนี้...ฉันไม่เลี้ยงวัวแน่!” แค่คิดก็เหม็นแล้ว ฉันทำไม่ได้หรอก “แล้วครูคิดว่าผมอยากจะไปสอนหนังสือเด็กหรือไง ถ้าคุณไม่ทำงานของผม ผมก็จะไม่ทำงานของคุณ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ที่จริงผมมีลูกน้อง มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก ขอแค่ให้เธอเปิดใจยอมรับมันสักหน่อยก็เท่านั้น “ฉันต้องทำอะไรบ้าง แค่นึกก็เหม็นแล้ว” ดูทำท่าเข้า ถ้าลูกน้องในฟาร์มของผมเห็นเข้าคงต้องสงสัยแน่...สงสัยว่าผมป่วยหรือไม่ก็เป็นผู้ชายกลับใจ “ก่อนอื่นเลย ห้ามทำท่าดัดจริตแบบนี้อีก โดยเฉพาะต่อหน้าคนอื่น ทางที่ดีฝึกเป็นผมให้ได้” “นี่คุณ! กล้าดียังไงมาว่าฉันดัดจริต มันไม่แรงไปหน่อยเหรอ เกิดมายังไม่เคยมีใครเคยว่าฉันแบบนี้เลยนะ” “โอเคๆ คุณก็แค่อ้อนแอ้นไปหน่อยเท่านั้น ตอนนี้คุณต้องเป็นผม ช่วยรักษาหน้าผมหน่อยจะได้มั้ย ขอร้องล่ะ” “.............” “เอาล่ะ ผมมีคนงาน เอาอย่างนี้แล้วกัน ก่อนอื่นเลยช่วยทำตัวแข็งแรงกว่านี้หน่อยได้มั้ย นั่งไม่ต้องหนีบ เห็นแล้วขัดตาจริงๆ” “นี่! ฉันเป็นผู้หญิงนะ นายนั่นแหละ นั่งให้ดีๆ นั่งแบบนี้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน น่าเกลียดมากเลย” ผมรีบหุบขาทันทีลืมไปเลยว่าใส่กระโปรงอยู่ “ถ้าอย่างนั้นผมจะเป็นคุณ แต่คุณก็ต้องเป็นผมให้ได้เหมือนกัน” “ข้อนี้ฉันเห็นด้วย แต่เรื่องที่ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่กับคุณ ฉันจะบอกทุกคนยังไง” “บอกทุกคนไปว่าเราเป็นผัวเมียกัน...แค่นี้ก็จบ” ห๊ะ! พูดง่ายจัง สถานะอื่นยังมีให้เลือกอีกตั้งเยอะ "เป็นน้อง เป็นญาติห่างๆได้มั้ย" ฉันเสนอ... "โอ้ย...ไม่ได้หรอกคุณ คนแถวนี้เขารู้จักผมกันหมดทั้งตำบล ยิ่งพูดออกไปแบบนั้นคนยิ่งจับตามอง บอกไปแบบนี้แหละดีแล้ว" ร้อยวันพันปีไม่เคยมีน้อง พี่ผู้หญิงก็ไม่เคยมี ชีวิตเพลย์บอยของผมที่ผ่านมามีแต่ผู้หญิงที่เข้ามาอยู่ในบ้าน ใครจะเชื่อ...บอกวัวในฟาร์มมันยังไม่เชื่อเลย “แต่ฉันไม่ได้อยากเป็นเมียคุณ” “ผมก็ไม่ได้อยากเป็นผัวครูสักหน่อย” “.........” ชีวิตของฉันมันจะไม่มีทางเลือกอื่นให้ฉันได้เลือกแล้วเหรอ “เอาน่า เอาตามนี้ไปก่อน ถ้าเราคืนร่างกันได้เมื่อไหร่ ก็ต่างคนต่างไป คุณว่าแบบนี้เป็นไง” “แต่ฉันแคร์สายตาคนรอบข้าง...เขาจะคิดยังไง ย้ายมาที่นี่แค่สองอาทิตย์ก็มีผัวซะแล้ว” ทำแบบนี้ฉันคงเสียหาย...ดีที่ที่นี่ไม่มีคนรู้จัก จะมีก็แต่เพื่อนร่วมงาน ต่อจากนี้ไปฉันคงต้องหัดหน้าหนาเข้าไว้สินะ “คนที่ถูกมองไม่ดีคือผมต่างหาก เพราะผมอยู่ในร่างคุณ เอาน่าทำใจให้สบาย ทางนี้เป็นทางเดียวที่ทำให้ร่างกายของผมสามารถอยู่ที่บ้านของตัวเองได้ ส่วนคุณช่วงเช้าก็ขับรถไปทำงาน ไม่สิ...ผมจะขับรถไปทำงาน แทนคุณ” “คุณสอนหนังสือเด็กเป็นเหรอ” “ก็เพราะอย่างนี้ไง เราถึงต้องอยู่ด้วยกัน คุณก็สอนผมเป็นวันๆไป ส่วนงานที่คุณต้องทำผมก็จะค่อยๆสอนให้” ข้อเสนอนี้ฟังดูไม่เลว “ฉันไม่มีทางเลือก...” “คุณมีรถขับมั้ย” “มีค่ะ ฉันขับรถเก๋ง” “ไปเอารถของคุณมา เพราะผมต้องใช้รถคุณ ส่วนคุณใช้รถผม คุณน่าจะขับรถผมได้แหละ อ่อ...เสื้อผ้า ข้าวของทุกอย่างของคุณด้วย เอามาให้หมด” “ยังไปตอนนี้ไม่ได้ ที่โรงเรียนจัดงาน คนน่าจะเยอะ รอดึกๆหน่อยแล้วกัน” “อือ...รอบคอบดี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD