“หืม” ปฏิพัทธ์ชะงัก เอ่ยทวน “ศรายุทธ ศานต์ศิร”
“ใช่ครับคุณธาม มากันสามคน แก๊งรถหรู นี่เห็นถามหาสาวๆ ใสๆ ได้ยินว่าแก๊งนี้ชอบจัดปาร์ตี้เล่นสนุกกัน”
“พนักงานเราไม่พอเหรอ”
“เอ... ไม่นะครับ วันนี้ไม่มีใครหยุดใครขาดด้วย พนักงานเราเยอะพร้อมบริการทุกหน้าที่ครับ”
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายกำมือแน่น บอกไม่ถูกว่ากำลังกรุ่นเรื่องไหนมากกว่ากัน เป็นที่รู้จักกันทั่วอยู่แล้วว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนั้นหมายถึง นายวสุ ศานต์ศิร ตอนนี้กำลังมาแรงในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงด้านความงามและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งถอยรถหรูคันใหม่ราคาเฉียดสามสิบล้านบาท
“ส่งใครไป” เอ่ยถามทั้งที่พอเดาได้
อรนลินคงเป็นบรรณาการให้ลูกค้าคนนั้น!
“สาวๆ สดซิงสามคนน่ะครับ แต่ละคนหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ท่าทางไม่ประสีประสาน่าจะถูกใจคุณวสุกับเพื่อนๆ เป็นพิเศษ”
ผู้จัดการมากประสบการณ์เรื่องงานไม่ได้รับรู้เลยว่า เจ้านายที่เอ่ยเสียงเรียบนิ่งติดเคร่งขรึมเย็นชานั้น ภายในกำลังถูกกลุ้มรุมด้วยกองไฟขนาดใหญ่
“นั่นขึ้นมากันแล้ว”
ปฏิพัทธ์หันไปมองทางเดียวกับที่อภิชาตกำลังมอง นอกจากอรนลินกับพี่เลี้ยงยังมีสาวสวยอีกสองคน ในสายตาเขามีเพียงเธอ แวบแรกที่ได้เห็นร่างอรชรในชุดผ้ากันเปื้อนเซ็กซี่มีหูกระต่ายครอบผมในรูปลักษณ์ของแรบบิตเกิร์ล ความร้อนที่สุมใจคล้ายจะพุ่งทะลุออกทางหัว พวกนั้นมองไม่เห็นพวกเขาเพราะมุมผนังบัง แต่เขาเห็นเธอชัดเจนโดยเฉพาะตอนที่หมุนตัวหันหลังให้อวดความนวลเนียนของผิวพรรณกระจ่างที่แทบเรียกได้ว่าเปล่าเปลือย แม้จะมีบิกินีสีแดงเพลิงสวมอยู่ทั้งบนและล่าง มันไม่อาจปิดผิวสวยๆ ได้ โดยเฉพาะบั้นท้ายกลมกลึงงอนงาม
เมื่อความขาวนวลเนียนตัดกับสีแดงเพลิง มันชวนให้จินตนาการไปไกลลิบลับ
“เอ๊ะ ทำไมมีเด็กนั่นด้วย” เสียงเปรยบอกความแปลกใจ
“หรือเธอจะเปลี่ยนใจอยากทำ มิน่า เมื่อคืนตอนส่งไปหาคุณธามถึงไม่โวยวายสักแอะ ดูไปก็ซ่อนรูปมากเลยนะครับ”
จู่ๆ ปฏิพัทธ์นึกอยากควักลูกตาผู้จัดการออกมา ก่อนจะทำแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ สั่งเสียงราบเรียบ
“พาตัวเด็กนั่นมา ส่งขึ้นไปหาผม”
“ว่าไงนะครับ!” อภิชาติกังขาหนัก ไม่เคยสักครั้งที่คุณธามจะเข้ามาวุ่นวายงานในร้าน เขาได้แต่มองเจ้านายเดินลิ่วๆ ห่างออกไป
รูปร่างสูงสมาร์ต แข็งแกร่งเพราะออกกำลังสม่ำเสมอก้าวพรวดๆ ไม่กี่นาทีก็ถึงห้องทำงานบนชั้นแปด ตึกร้านอาหารนี้มีแปดชั้น รอบตึกนั้นกรุกระจกสวยงามตามสมัยนิยม ภายในมีการออกแบบตกแต่งตามสไตล์ญี่ปุ่นทำให้แม้ว่าข้างๆ กันเป็นโรงแรมสูงสิบห้าชั้นก็ไม่มีใครสามารถมองเข้ามาในตึกนี้ได้
หลังผลักประตูเข้าไปพบว่าข้างในห้องไม่มีใครอยู่ เขาระบายลมหายใจแรง หวังจะไล่ความหงุดหงิดทั้งหมดออกไป แต่มันยังคงอยู่ เดินไปนั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ หยิบสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดออกมากวาดนิ้วไม่กี่ครั้ง ปฏิพัทธ์ก็ได้อย่างที่ต้องการ
ภายในห้องหนึ่งบนชั้นสาม ลูกชาย สส.คนดังดีกรีนักเรียนนอกกำลังชนแก้วกับเพื่อนอีกสองคน สีหน้าสนุกสนานเฮฮา กล้องไม่ได้ทำให้เขาเห็นแค่ภาพแต่ยังได้ยินเสียงพูดคุยชัดเจน ข้างกายบุคคลทั้งสามมีสาวสวยคลอเคลียอยู่แล้วสามคน บางคนผ้าหลุดไปแล้วหลังจากแบงก์ปลิวว่อน แน่นอนว่าไม่มีอรนลิน
นาทีต่อมาภาพที่กำลังดูหายไป หน้าจอมีสายเรียกเข้า ชื่อที่บันทึกไว้ทำให้ต้องกดรับสาย
“ครับ เจ้านาย”
คนในสายหัวเราะแผ่วกลับมา ฟังแล้วยียวนเขามากกว่า
“กูส่งเหยื่อไปให้เชือดถึงที่ ไม่ชอบ?”
ปฏิพัทธ์กดยิ้มเย็นชา ภาพหน้าตายิ้มระรื่นของไอ้คนที่ชื่อ วสุ ศานต์สิร ผุดขึ้นมาในหัว คนที่เขารู้จักมันตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง
“ผมต้องขอบคุณเจ้านายที่ช่วยจัดการให้ใช่ไหม”
“ฟังเสียงเหมือนหงุดหงิด มึงช้า กูเลยช่วยสงเคราะห์ ไม่ต้องคิดว่าเป็นบุญคุณ กูแค่ตอบแทนมึงที่ทำให้กูได้สัญญาหลายร้อยล้านว่ะ”
หึ!
“ด้วยความซาบซึ้งสุดหัวใจ เย็นนี้ผมจะส่งเด็กเอนฯ ไปดูแลเจ้านายเป็นการตอบแทนนะครับ”
“เฮ้ย! กูไม่อยากได้”
“คนนี้ดีกรีพริตตี้เงินล้าน กำลังจะเซ็นสัญญาเป็นนางเอกละครช่องดัง คุณคาร์ลไม่อยากได้จริงเหรอครับ”
“ไอ้ธาม!”
“หวังว่าจะถูกใจเช่นกันครับเจ้านาย”
ปฏิพัทธ์กดวางสายหลังได้ยียวนคนในสายกลับไปบ้าง บนจอสมาร์ตโฟนกลับมาเป็นภาพการสังสรรค์ในห้องรับรองอีกครั้ง
ตาคมดุกร้าวจับจ้องที่หน้าตาเริงรื่น
“ขอต้อนรับสู่เส้นทางการแก้แค้นว่ะไอ้ต้น”
ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละห้องรับรองนั้นมีกล้องจิ๋วทันสมัยซุกซ่อนไว้ตามมุมต่างๆ มันจะส่งภาพเข้าไปที่คลังเก็บข้อมูลส่วนตัวของเขาคนเดียว มันเรียกว่า ‘หลักประกัน’ ธุรกิจที่เขาทำมันต้องมีเขี้ยวเล็บ ไม่งั้นคงอยู่รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้ไม่ได้
เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ เขากดปิดหน้าจอคว่ำสมาร์ตโฟนลงบนโต๊ะ เอ่ยอนุญาต ผู้จัดการอภิชาติพาตัวคนที่เขาต้องการเข้ามาในห้อง บนตัวเธอมีเสื้อคลุมผ้าซาตินสวมทับชุดยั่วตัณหานั่นไว้
“เธอมาแล้วครับ”
“คุณออกไปได้”
อภิชาติก้มหน้ารับคำก่อนจะถอยออกไปจากห้องโดยไม่ลืมกดล็อกประตู
ปฏิพัทธ์ไม่ได้สนใจนัก สายตาคมจับจ้องวงหน้ากระจ่าง มองสบดวงตาหวาดๆ แดงเรื่อ วาวรื้นด้วยน้ำสีใส กลีบปากเคลือบด้วยลิปสติกสีสดเม้มเข้าหากันแน่น สองมือบางรวบกำสาบเสื้อคลุมแน่นราวกับกลัวเขาจะกระตุกมันออก
ตาคมตวัดขึ้นมาสบตากันอีกรอบ เป็นอีกครั้งที่เขาถอนใจยาวกับการกระทำบ้าๆ ของตัวเอง ก่อนเสียงสั่นๆ จะกล่าวหา
“คุณสั่ง”
ปฏิพัทธ์เลิกคิ้ว เข้าใจได้ไม่ยาก
“ถ้าฉันสั่งเธอคงไม่มายืนตรงนี้ตอนนี้”