CHAPTER 05
“ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไง ไม่ต้องพาไปหาหมอหรอก”
ไม่ฟัง ไม่ฟังอะไรเลย
มีแต่คำว่าไม่ฟังเต็มไปหมด ธาราไม่ยอมให้ฉันขับรถไปเอง
มันทำเสียงขู่แล้วยึดกุญแจรถฉันไปขับเสียเอง ฉันโวยวายเสียงดังจนมาถึงคลินิกที่อยู่ใกล้ ๆ กับมอ
“พูดมาก”
ว่าไงนะ
แรงอยู่นะว่าไม่ได้
คำพูดนิ่ง ๆ แววตาเฉย ๆ หันมามองฉันพร้อมคำด่าเบสิก ๆ แต่กลับรู้สึกเจ็บจนแทบสำลักความเจ็บปวดตาย
“ฉันไม่ได้พูดมากแต่นายจะมาบังคับกันเพื่อ!”
“หุบปาก”
“ธารา!”
ฉันโมโหแล้วนะเว้ย ด่ากันไม่พักยิ่งสายตายิ่งด่ากันไปอีก
บ้าจริง
“เธอเสียงดัง”
มันทำเหมือนฉันเป็นคนทำให้มันหนวกหู ใบหน้าที่หล่อน่าตบนั้นหันมาหาฉันพร้อมปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกไป
“ก็นายไม่ฟังฉันมั้ยวะ”
ฉันหัวร้อนแล้ว อยากจะกรี๊ดให้มันจบ ๆ แต่คงทำได้แค่เจ็บคอเล่น ๆ แค่นั้นแหละ
“ฟังอยู่ ปลดเข็มขัดแล้วลงไปได้แล้ว”
เจริญละ
ฟังกันนะ แต่แม่งค้านทุกสิ่งที่ฉันต้องการ
มันมองข้ามการคัดค้านของฉันไปหน้าตาเฉยเลย
“ไม่!”
ตอนนี้ถึงตาแม่จะเมินเฉยในสิ่งที่มันต้องการบ้างละ ดูสิระหว่างมันกับฉันใครมันจะแรงกว่ากัน
“ฉันว่าเธอก็คงรู้ว่าฉันไม่ชอบพูดอะไรเยอะแยะ”
ฉันหัวเราะ แล้วกอดอกขึ้น
“แต่ตอนนี้นายพล่ามไม่หยุดเลยนะ รู้ตัวหรือเปล่า”
ฉันมองหน้าธาราอย่างท้าทาย แม้สายตานั้นจะแผ่รังสีถึงอำนาจมืดบางอย่างออกมาก็ตาม
ธาราจ้องหน้าฉันอย่างไม่ละสายตา แววตาเย็นชาคู่นั้นดุดันจนน่าใจหายในขณะที่เรียวลิ้นที่อยู่ในปากกำลังดันกระพุ้งแก้มตัวเองเล่นเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่
หรือมันกำลังหัวร้อนแต่เก๊กเก็บอาการอยู่วะ
แกล้งแหย่สักหน่อยดีกว่า
“ทำไม? โมโหเหรอ คนตายด้านอย่างนายมีอารมณ์แบบนั้นกับเขาด้วยเหรอ น่าแปลกดีแฮะเพราะปกติฉันเห็นนายเอาแต่เก๊กหน้าทำทรงเป็นก้อนหินในป่าลึกอยู่ได้”
เอาสักหน่อย ฉันแค้นใจที่ทำอะไรธาราไม่ได้อย่างน้อยปากแซ่บใส่ให้มันรู้สึกเคืองก็ยังดี
“โมโหอีกสิ อาละวาดให้ฉันเห็นเป็นบุญตาฉันจะได้อัดวิดีโอขึ้นโซเชียลเผื่อฉันจะดังข้าม คะ คืน”
พรึ่บบ!
“ถอยไป”
เสี้ยววินาทีที่ยังปากดีใส่ธาราไม่เลิกจู่ ๆ มันก็จู่โจมเข้าใส่ฉันที่ยังไม่ปลดเข็มขัดนิรภัยออก มันเลยทำให้ฉันไม่สามารถขยับหนีไปได้ บวกกับอาการปวดเท้าที่แทบจะขยับยากตอนนี้เลยเหมือนถูกธาราคร่อมทับอยู่
มันกักขังฉันด้วยท่อนแขนแกร่งทั้งสองข้างแล้วโถมร่างกายมาอยู่เหนือร่างกันโดยที่ตรงกลางยังมีช่องว่างระหว่างกัน
“ปากดีอีกสิ”
แววตาที่มองมาออกจะเย้ยหยันที่เห็นฉันขนลู่ลงราวกับแมวน้อยที่กำลังยอมแพ้ราชสีห์ที่กำลังจะตะครุบกัน
ฉันยื่นมือออกไปผลักดันแผ่นอกแกร่งที่อยู่ตรงหน้า แววตาฉายแววความสับสนบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรง
พอสบตากันฉันก็กลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว
“โมโหก็ออกไปอาละวาดข้างนอก อื้อ!”
พูดไม่ทันจบประโยคดีริมฝีปากฉันก็ถูกคนตรงหน้าประกบจูบลงมาหนัก ๆ หนึ่งครั้งและผละออก เหลือทิ้งเอาไว้แค่ความอุ่นร้อนที่เคลือบติดเอาไว้อยู่
“นี่! นะ นายจูบฉันทำไมเล่า”
“ก็เธอปากดี”
นั่นคือเหตุผลเหรอวะ
แล้วยังมีหน้ามายกยิ้มมุมปากอย่างพอใจที่เห็นฉันดิ้นเร่าอยู่ตรงหน้าอีก
“นายไม่พอใจนายก็ไปกัดลิ้นตัวเองตายสิ จะมาจูบฉันเพื่อ!”
“กัดลิ้นเธอไปก่อนแล้วกัน”
“นะ นี่ อื้อ..”
ทุกคำพูดแทบจะถูกริมฝีปากของคนตรงหน้ากลืนกินไปจนหมด ฉันแทบจะลืมจังหวะหายใจที่ถูกต้องเพราะริมฝีปากถูกเขากลืนกินไปจนหมดก่อนที่เรียวลิ้นร้อนจะเข้ามาดูดดุนลิ้นฉันเบา ๆ แล้วขบกัดเหมือนเป็นการสั่งสอนกัน
“ไอ้ธารา!”
ฉันทุบอกผู้ชายตรงหน้า กรีดกรายเล็บที่ยาวเล็กน้อยลงบนแผงอกแกร่งของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ากัน
“จะลงไปดี ๆ หรืออยากให้ทำมากกว่านี้”
ผู้ชายคนนี้ใครบอกกันว่าพูดน้อย
เขาชอบทำหน้ามึน ๆ แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนกวนประสาทคนอื่นเก่งเป็นที่หนึ่งเลย
ฉันมองไอ้ธาราผิดไป นึกว่าจะเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ชอบเอาคืนใคร
ที่ไหนได้
โคตรจองล้างของจองผลาญเลย
“ไอ้เลว”
ฉันหงุดหงิด ผลักอกแกร่งตรงหน้าให้ถอยออกไปแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะเดินออกจากรถไปด้วยท่าทีทุลักทุเล
“ปล่อยสิ อุ้มทำไมเล่า”
ไอ้ธาราตวัดฉันขึ้นมาอุ้มหน้าตาเฉย มันทำเหมือนตัวฉันไม่หนักเลยสักนิด
“เงียบ”
แล้วพออยู่ต่อหน้าคนอื่นเยอะ ๆ มันก็กลับมาเป็นคนพูดน้อยแล้วปรามฉันด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนจะอุ้มพาเข้าคลินิกไปเลย
“ฉันมีปากนายจะมาบังคับไม่ให้ฉันพูดไม่ได้มั้ยวะ”
ธาราหยุดเดิน มันชำเลืองสายตาลงมามองหน้ากัน
แววตาดูดุดันมากขึ้นกว่าตอนที่อยู่ในรถยนต์คันนั้นอีก
“ถ้าไม่อยากถูกจูบจนปากเปื่อยก็เงียบซะ”
คำขู่ของธาราทำให้ฉันเงียบแล้วปิดปากตัวเองจนเงียบ
สุดท้ายก็ต้องยอมให้มันพาเข้าคลินิกไปอย่างจำใจ
“ข้อเท้าแพลงครับ น่าจะเกิดจากการกระแทกที่รุนแรงแล้วก็ลงผิดท่าเลยทำให้อักเสบ ตอนนี้ก็พยายามเดินน้อย ๆ นะครับจะได้หายเร็ว ๆ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”
"ครับผม ตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ ออกไปรับยาแล้วกลับบ้านได้เลยครับ"
คุณหมอฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรและฉันก็ยิ้มตอบคุณหมอไป
แต่ทว่า จู่ ๆ ธาราก็ผลุนผลันมาอุ้มฉันไปโดยไม่ทันตั้งตัว
"อะไรเล่า"
"เสร็จแล้วก็กลับ"
เป็นอะไรของมัน วันนี้มาหลากอารมณ์จนฉันสับสนไปหมดแล้ว
ธาราอุ้มฉันไปวางในรถแล้วมันก็ออกมารับยาและจ่ายเงินให้ฉันเสร็จสรรพ
พอมาถึงคอนโดก็ไม่ยอมให้ฉันเดินอีก ธาราอุ้มฉันขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่ฉันและมันอยู่ก่อนจะเดินมาหยุดหน้าห้องฉันแล้วส่งสายตาให้ฉันแตะคีย์การ์ดเพื่อเปิดห้องให้มันเข้าไป
"วางฉันไว้ตรงนี้แล้วนายก็กลับไปได้แล้ว"
ธาราอุ้มฉันมาวางไว้ตรงโซฟาหน้าทีวี แต่คนหน้ามึนแทนที่จะกลับไปมันกลับทิ้งตัวลงมานั่งข้างกันเสียได้
"คอแห้ง"
มันว่าหน้าตาเฉย
"ในห้องนายไม่มีน้ำให้ดื่มหรือไง"
"อยากดื่มน้ำเธอ"
ไม่รู้ฉันคิดมากไปเองหรือเปล่าแต่คำพูดนั้นของธารากลับทำให้ผิวแก้มฉันร้อนผ่าว
มันฟังดูคลุมเครือแปลก ๆ
"นายช่วยพูดให้จบประโยคได้มั้ยวะ"
ฉันโยนหมอนอิงใส่หน้ามัน แทนที่จะโกรธกลับหัวเราะชอบใจแล้วเอื้อมไปหยิบถุงยามาเปิดดูยาทีละตัว
"มีแต่ยาหลังอาหาร เธอต้องกินข้าวก่อน"
ทำตัวเหมือนพ่ออีกแล้ว
"รู้แล้ว เดี๋ยวฉันหากินเองนั่นแหละ"
ปกติฉันกับธาราไม่เคยคุยไม่เคยใกล้ชิดกันขนาดนี้เลยนะ มากสุดก็แค่ถูกจับได้ว่าธาราแอบมองฉันและบางครั้งฉันก็แอบมองธารา มันมีแค่สองเหตุการณ์นี้เท่านั้น
"เธอไว้ใจไม่ได้"
อ้าว..
อะไรของมัน
"อย่ามาว่ากันมั่ว ๆ นะเว้ย ฉันสู้นะบอกไว้ก่อน"
ถึงตอนนี้ขาจะเจ็บฉันก็มีอีกข้างที่ยกมาเสยคางเข้าได้
"จะคอยดู"
มันว่าเสียงเยาะเย้ยแล้วหยิบเจลแก้ฟกช้ำที่หมอให้ฉันทาแล้วนวดเบา ๆ เอาไว้ก่อนจะลงไปนั่งข้างล่างแล้วจับขาฉันมาวางไว้บนตักตัวเองเบา ๆ
"จะทำอะไร ไม่ต้องฉันทำเองได้"
อะไรของมัน ช่วงนี้ฉันรู้สึกเหมือนธาราสกินชิพกันมากขึ้น
"เธอทำไม่ได้"
ธาราบีบเจลลงไปบนนิ้วมือแล้วทาบนข้อเท้าฉันเบา ๆ ความเย็นจากเจลนั้นทำให้ฉันรู้สึกแปลก ๆ
"นายจะเซ้าซี้กับฉันทำไมนักหนา ชอบฉันหรือไงถึงวอแวไม่เลิก"
เรียวนิ้วยาวค่อย ๆ นวดคลึงข้อเท้าฉันเอาไว้ เขายกยิ้มมุมปากกับคำถามที่ฉันถามราวกับเป็นเรื่องตลก
"ฉันก็ไม่ได้อยากหลงตัวเองหรอกนะ แต่นายวอแวฉันไม่เลิกเลย"
เขานวดเบา ๆ ไต่นิ้วขึ้นมาสูงเรื่อย ๆ จนมาถึงต้นขา แค่เพียงถูกลูบไล้ฉันก็สะดุ้งผ่าว
"ถ้าฉันตอบว่าชอบเธอจะยอมเป็นแฟนมั้ยล่ะ?"
นั้นน่ะ คิดจะกวนตีนกันใช่มั้ย!
“ฝันไปเถอะ!”
“หึ”
อะไรของมันเล่า สับสนไปหมดแล้ว
อย่ามาผิดผีต่อกันนะ!
Talk
นี้ไง นี้ไงต้องแบบนี้
พระนางเรื่องนี้ทันกันมาก อีกฝ่ายรุกอีกฝ่ายรับ ><
1 เม้น 1 กลจ นะคะ