CHAPTER 06 มากกว่าเพื่อน

1952 Words
CHAPTER 06 “ทั้งหมด 200 บาทครับ” ธารามันอยู่หน้าประตูฉัน มันไม่ยอมกลับแล้วให้เหตุผลว่าต้องเห็นฉันกินข้าวกินยาด้วยตาตัวเองถึงจะยอมกลับไป อะไรของมัน ใส่ใจกันมากจนขนลุก! ฉันนั่งจ้องจอทีวีที่มีซีรีส์แนวแอคชั่นฉายอยู่ ไอ้ธาเดินเข้ามาพร้อมกล่องข้าวสองกล่องที่มันหิ้วเข้ามาด้วย 2 กล่อง = มันก็จะนั่งกินที่นี่งั้นเหรอ? จะบ้า ต้องเถียงกับมันยาว ๆ เลยหรือไง “กินซะ จะได้กินยา” ธาราเปิดกล่องข้าวให้ฉัน มันวางบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าโซฟาส่วนตัวเองก็หยิบในส่วนของตัวเองมานั่งกินบนพรมที่อยู่ข้างล่างฉัน “ทำไมไม่มานั่งกินข้างบนดี ๆ” ฉันถอนหายใจ เหนื่อยแล้วเหอะ ทะเลาะกันไม่ไหวแล้วแม่ “ไม่ถือ ต่ำกว่าได้” เอาเถอะ เอาที่สบายใจ ฉันพยักหน้ารับความต้องการของธาราก่อนจะหยิบข้าวขึ้นมาตักกิน ธาราสั่งข้าวเนื้อทอดกระเทียมกับไข่ดาวมาให้ เป็นเมนูจานโปรดของฉันที่ไม่รู้ว่ามันรู้ได้ไง กินข้าวกันไปสักพักจู่ ๆ มือถือธาราก็ดังขึ้น ธาราวางกล่องข้าวลงแล้วกดรับวิดีโอคอลจากไอ้ชินที่คอลเข้ามาก่อนที่หน้าจอจะฉายให้เห็นภาพเคลื่อนไหวของชิน เบลล์ และชายที่เบียดเข้ามาในกล้องจนครบทุกคน “ว่า?” นั้นคือคำทักทายที่มันมีให้เพื่อน “ไอ้แป้งเป็นไร ทำไมอุ้มออกไปแบบนั้น” ชินถามแล้วทุกคนก็จ้องมองราวกับรอคำตอบ ธาราเบนกล้องมาหาฉัน มันขยับมานั่งพิงโซฟาจากมุมนี้จึงเห็นทั้งฉันและมันพร้อมกันสองคน “ (เชี้ย... นั่งแบบนี้กูนึกว่าผัวเมียกัน) ” “ไอ้ชิน! สลัดความคิดน่าขนลุกนั้นทิ้งไปเดี๋ยวนี้ฉันแค่เจ็บขาแล้วธารามันช่วยพาไปหาหมอ” นั้นคือคำตอบที่ฉันมีให้ไอ้ชิน แต่แม่งเพื่อนทุกคนทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อจนฉันอยากตะกุยเล็บใส่ทุกคนเลย “ (ดี ๆ ช่วยกันดูแลมึงกับธาอยู่ใกล้กันมันควรใส่ใจมึงบ้าง) ” ไอ้เบลล์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ฉันแทบจะแยกเขี้ยวส่วนไอ้ชายนะเหรอขยับปากอยู่ข้างหลังแต่ฉันดันอ่านปากออกไป ไอ้ชาย ---> จับเย็ตเลยธา ไอ้เหี้ย! กูอยากจะบ้า “ไอ้ชาย! ไอ้เวร!” ฉันเป็นเดือดเป็นร้อนแต่คนที่โดนลากเข้าไปในบทสนทนาอย่างธารากลับแค่นเสียงหัวเราะเงียบ ๆ อยู่ในคอ “หุบปากไปเลย นายด้วยหัวเราะทำซากอะไรเล่า” ฉันกำหมัดแล้วทุบไหล่หนาไปเต็มแรงจะคนโดนทุบร้องอวดครวญขึ้นมา “เจ็บ” นั้นคือสิ่งที่ธาราเอ่ยบอกกันแต่ใครจะสน ยิ่งมันบอกว่าเจ็บฉันยิ่งทุบมันอีกหนจนคราวนี้ธารากุมข้อมือฉันไว้แล้วฉุดลงมาจนตัวฉันถลาไปหาแผ่นหลังแกร่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ “นี่! ปล่อยฉันนะ” “ก็บอกอยู่ว่าเจ็บ” เสียงธาราไม่ได้ฟังดูเจ็บเลยมันฟังดูกวนตีนกันมากกว่า ฉันหันหน้าหนีมันแล้วสลัดตัวออกมานั่งหน้าตึงเหมือนเดิม “ (แป้ง คืนนี้ไปร้านเดิมป่ะ ไหวมั้ย?) ” เสียงเบลล์ตะโกนถามผ่านจอ ฉันกลับไปจ้องอีกครั้งหนึ่ง “ไป เจ็บขาแค่นี้เดี๋ยวก็หาย” “หึ...” เสียงแค่น ‘หึ’ ในคอดังขึ้นอีกหนก่อนที่ปลายสายจะถูกวางไปในที่สุด “นายจะแค่นเสียงในคอเพื่อ?” ธาราวางมือถือลงบนโต๊ะ เขาหันหน้ามาหาฉันแล้วคิ้วที่เรียงตัวสวยจนน่าอิจฉาขึ้นในขณะที่เงยหน้ามองหน้าฉัน “เจ็บขนาดนี้ยังจะออกไปแรด?” เจ็บนะ ปากไอ้ธาราหมาไม่เป็นสองรองใครเลยจริง ๆ “ยุ่งไรด้วย” ฉันขยับขาหนีมือธาราที่ตั้งใจจะคว้าข้อเท้าฉันเอาไว้ “ก็เพื่อนไง” ฉันถอนหายใจ กลอกตามองบน เพื่อนแล้วไง “แค่เพื่อนอย่ามาห้าม อ๊ะ! ไอ้ธา!” เสียงฉันร้องลั่นเมื่อข้อเท้าถูกดึงลงมาจนร่างกายถลาลงไปนั่งบนตักของคนที่นั่งอยู่เบื้องล่าง “นี่! ปล่อย! นายอยากอายุสั้นหรือไง” ฉันดิ้นแต่กลับสู้แรงเพื่อนบ้าที่รวบเอวตัวเองไม่ได้เลย “หรือเธออยากทำ?” อะไรของมัน “อย่ามากวนนะธา บอกก่อนนะว่าเวลาฉันโมโหช้างเป็นร้อยก็เอาไม่อยู่” ฉันจิกอกแกร่ง ขย้ำแล้วกรีดกรายเล็บลงไปบนอกแกร่งเพื่อให้มันปล่อยฉันไป แต่ไม่ไง ไอ้ธามันทนไม้ทนมือมากจริง ๆ “อยากเห็น แสดงหน่อย” “นายเป็นโรคจิตหรือไงถึงชอบโดนคนอื่นเขาทำร้ายอะ” “อาจจะ...” โอเค! ตอนนี้ฉันเหมือนคนบ้าคนหนึ่งที่กำลังดีดดิ้นและอาละวาดบ้าคลั่งอยู่คนเดียวในขณะที่ธาราดูสนุกกับท่าทีฟึดฟัดของฉันจนฉันกลายเป็นคนที่เหนื่อยแล้วหยุดไปเองอย่างช่วยไม่ได้ “เหนื่อยแล้ว ปล่อยสิจะกินยา” ยกธงขาวแต่โดยดี ฉันพอแล้ว เหนื่อยโคตร ธาราบิดยิ้มอย่างผู้ชนะ มันปล่อยฉันลงจากตักแต่โดยดี เมื่อเป็นอิสระฉันก็หยิบถุงยาขึ้นมาเพื่อหยิบยาที่คลินิกจ่ายให้มากินจะได้หายปวดแล้วไปแรดได้อย่างเต็มที่ในคืนนี้ “นายไม่คิดจะกลับห้องไง” ดูเหมือนยาตัวนี้จะทำให้ง่วงพอสมควร กินได้ประมาณสิบห้านาทีฉันเริ่มง่วงแล้ว “ดูเธอก่อน” เกิดเป็นเพื่อนที่ดีคอยดูแลคอยใส่ใจกันเสียอย่างนั้น “ฉันไม่เป็นไรแล้ว กำลังจะนอนมันง่วง” ธาราหยิบกล่องข้าวฉันและเขาไปทิ้งไว้ ฉันเอนตัวนอนบนโซฟาแล้วตะแคงข้างมองธาราที่กำลังทำความสะอาดตรงจุดที่เรานั่งกินข้าวกันเมื่อกี้ “อาบน้ำก่อนจะได้สดชื่น” ธามันนั่งล่างโซฟาเหมือนเดิม ฉันจ้องหน้าเพื่อนตรงหน้าแล้วส่ายหน้าเบา ๆ “ค่อยอาบทีเดียวคืนนี้ ตอนนี้ง่วงอยากนอน” ยังดีที่โซฟาห้องฉันพร้อมนอนมาก ฉันคว้าหมอนแครอทมากอดเอาไว้แล้วซุกคางลงไปอย่างสะลึมสะลือ “ห่มผ้ามั้ย?” คำถามนั้นฟังดูอ่อนโยนจนฉันเผลอจ้องลึกลงไปอีกครั้งหนึ่ง “อื้ม... เอา” ผ้าห่มผืนนุ่มถูกห่มขึ้นมาปกคลุมฉันทั้งร่างกาย แต่ถึงอย่างนั้นธาราก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแล้วเอาแต่มองหน้าฉันราวกับไม่อยากลุกขึ้นไปไหน “นายกลับไปพักผ่อนเถอะ ขอบใจที่พาไปหาหมอ” ฉันก็ไม่ใช่คนใจแคบที่ไม่รู้จักสำนึกในพระคุณคนอื่น เขาทำดีฉันก็ขอบคุณเขาไปมันเป็นเรื่องที่ฉันยอมรับได้ “อยากเฝ้าเธอก่อน” ฝ่ามือที่ร้อนอุ่นแตะลงมาตรงผิวแก้มฉันอย่างอ่อนโยน เรียวนิ้วโป้งลูบไล้ผิวแก้มฉันอย่างละเมียดละไม “เป็นแค่เพื่อนไม่ต้องมาเฝ้าให้เหนื่อย” เสียงฉันแผ่วลง สติสตังเริ่มเลื่อนลอยแต่ยังเข้าใจอยู่ “อยากให้เป็นมากกว่าเพื่อนมั้ย?” คนคนนี้สามารถพูดประโยคที่มีผลต่อการเต้นของหัวใจทั้งที่ใบหน้ายังเรียบเฉยแบบนั้นได้ยังไง ฉันเม้มปาก จู่ ๆ ก็รู้สึกร้อนผ่าวตรงผิวแก้มจนต้องมุดหน้าลงไปกับหมอนแครอทที่ตัวเองกอดอยู่ “อย่างนายคงอยากเป็นศัตรูกับฉันมากกว่า” แว่วเสียงเข้ามาในหูคือเสียงหัวเราะจากธารา ฉันไม่เงยหน้าออกมาจากหมอนแต่อย่างใด รู้ตัวอีกทีสติที่มีก็ค่อย ๆ เจือจางหายไปอย่างช้า ๆ แต่กลับรู้สึกอุ่นวาบตรงหน้าผากของตัวเองราวกับว่ามีคนมาฝากรอยจูบให้ไม่หลงลืมสัมผัสจากมัน หลายชั่วโมงต่อมา “อื้อ...” เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้เริ่มทำงาน ฉันลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย สิ่งแรกที่เห็นคือเพดานห้องที่มีแสงไฟสลัว ๆ สาดส่องให้ต้องหรี่ตาลงเนื่องจากสายตายังปรับกับแสงได้ไม่ดีมากนัก ฉันค่อย ๆ หยัดตัวลงมานั่งตัวตรง ขยี้ตาเบา ๆ เพื่อปลุกตัวเองให้ตื่น แต่ทว่าโซฟาเดี่ยวตัวถัดไปทำให้ฉันชะงักเพราะธารายังอยู่ เขาเปลี่ยนชุดแล้วและให้เดาก็คงอาบน้ำแล้วแต่ย้อนกลับมาในห้องฉันเพราะคีย์การ์ดฉันอยู่บนโต๊ะนั้น เขานั่งหลับอยู่ในมุมของตัวเอง หมอนี้จะมานอนเฝ้าฉันทำไมกัน ฉันคลานเข่าไปใกล้ธาราที่ยังหลับไม่รู้ตัว ใบหน้าเขาตอนนอนดูไม่มีพิษไม่มีภัยไม่เหมือนตอนตื่นนอนขึ้นมาเลยสักนิด “ทำไมไม่กลับไปนอนห้องตัวเอง” ฉันพึมพำเสียงแผ่ว พอได้นั่งมองแล้วธาราก็หน้าตาดีใช่เล่นแฮะ... ใช่... เขาหล่อ เขาดูดี แต่ทำไมถึงชอบมองเหมือนหาเรื่องฉันอยู่เรื่อยเลย “อยากขย้ำให้ร้องไม่ออกเลย” ฉันกางเล็บกลางอากาศทำเหมือนจะประทุษร้ายใบหน้าเขาแต่กลับโดนดึงข้อมือจนตัวเองถลาลงไปหาอกแกร่งอย่างไม่ทันตั้งตัว “ธารา ปล่อยนะ” “คิดจะทำอะไร? ฆาตกรรมตอนฉันนอนเหรอ” แววตานั้นรู้ทัน อีกทั้งมุมปากยังยกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์จนฉันบึนปากอย่างงุ่นง่าน “เปล่า ไม่ใช่สักหน่อย” ฉันเฉไฉแต่กลับถูกรั้งเอวให้ขึ้นมานั่งควบตักเขาแทน กระโปรงนักศึกษาที่สั้นอยู่แล้วกลับสั้นลงกว่าเดิม “นี่! ปล่อยฉันจะมาจับเพื่อ! “ “จับไม่ได้?” “ก็ใช่ไง” ฉันต่อปากต่อคำกับผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่คิดยอมแพ้แต่อย่างใด แต่ธารามันคนหน้าด้านคนหนึ่งเลย ไม่ได้รู้สึกรู้ร้อนเลยที่ฉันแทบจะกินหัวมันอยู่รอมร่อแล้วเนี่ย “หายเจ็บขายัง” บทสนทนาถูกเปลี่ยนตามใจคนถามอย่างง่ายดาย ฉันดันแผ่นอกแกร่งที่อยู่ตรงหน้า หัวมันเริ่มร้อน อยากตะกุย อยากตะกุย “หายแล้ว จะไปอาบน้ำเนี่ย” ยิ่งดันออกธาราก็ยิ่งรั้งเอวฉันให้ขยับชิดเข้าไปใกล้เขามากขึ้น “นี่! สักตั้งมั้ยธารา อยากเจ็บตัวมากใช่มั้ย!” ฉันจิกเล็บลงไปกับลำคอผู้ชายตรงหน้า กรีดกรายลงมาเป็นทางยาวเพื่อให้เขาเจ็บแล้วปล่อยฉันไป แต่รู้อะไรมั้ย? ธารามันอดทนเก่งเป็นบ้า มีอย่างที่ไหนโดนทำร้ายขนาดนี้ยังบิดยิ้มชอบใจ เมื่อก่อนสงสัยทำไมมันชอบหน้านิ่งแต่พอมันเลิกทำหน้านิ่งแล้วหันมายิ้มคำตอบที่ได้คือแม่งหน้าตากวนตีน! “ทำร้ายร่างกายฉัน?” “ไม่อยากเจ็บก็ปล่อยดิ” “เจ็บไม่ว่าแต่ต้องได้เอาคืน” ธาราขยับมือขึ้นไปคว้าท้ายทอยฉัน เขาดันฉันให้ใบหน้าขยับเข้าไปใกล้กันก่อนจะขยับริมฝีปากมากัดซอกคอฉันเบา ๆ ราวกับเป็นการสั่งสอนว่าเขาพร้อมจะเอาคืนฉันทุกเมื่อ “ไอ้ธา เจ็บนะ...!” ฉันหวีดแล้วมันก็กดจูบจุดเดิมเหมือนเป็นการปลอบประโลม “เอาคืนแล้ว” ฉันจ้องผู้ชายร้ายกาจตรงหน้า จ้องตาเดือดอย่างไม่มีใครยอมใคร ฉันทำคอมันมีรอยด้วยเล็บมันเลยทำคอฉันมีรอยคืนกลับมาแต่สิ่งที่มันใช้ทำดันเป็นปากไง! ฉันหายใจแทบไม่ออกเลยรู้มั้ย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD