BLACK DEVIL EP.01 มาเฟีย หรือ คนถ่อย
“ห๊ะ!!! อายุห้าสิบ ไม่ไหวมั้งคะพ่อ”
เสียงแหลมดังขึ้นด้วยความตกใจ
“พ่อว่าเค้าน่าจะยังดูหนุ่มอยู่นะอร พ่อก็ยังไม่เคยเห็นหน้าคาดตา รู้แต่ว่าผู้หญิงในเมืองไทยต่างก็อยากตกเป็นของมิสเตอร์ลีโอนาร์ด”
“แก่หงำเหงือกแบบนั้นอรไม่ไหวหรอกค่ะพ่อ ไม่เอาเด็ดขาดค่ะ ทำไมเราไม่ขายที่ดินหรือทรัพย์สมบัติอะไรก็ได้ ทำไมต้องเป็นอรด้วย”
หญิงสาวร่างสูงเพรียวในชุดเกาะอกสีดำเดินผ่านร่างบางของบิดาที่นั่งอยู่ด้วยใบหน้าที่แสนจะหงุดหงิด
“แต่มิสเตอร์ลีโอนาร์ดเค้ารวยมากเลยนะลูก ถ้าลูกยอมไปอยู่กับเค้า หนี้สินที่พ่อติดไว้ก็ถือว่าหายกัน แถมเรายังได้ใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองอีกต่างหาก ทั้งกระเป๋าแบรนด์เนม รองเท้า เสื้อผ้า รถยุโรป ลูกจะได้ทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่าง”
กำพลพยามพูดเพื่อหวาดล้อมให้บุตรสาวยอมเปลี่ยนใจ โอกาสทองแบบนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ
“ทำไมไม่ให้นังบีไปแทนล่ะคะ ยังไงมันก็เป็นลูกของพ่อเหมือนกัน”
อรณีปฏิเสธเสียงแข็ง มิสเตอร์ลีโอนาร์ดนั่นคงเป็นพวกตาแก่พุงพลุ้ยตัณหากลับ เพียงแค่คิดก็ขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว
“แต่มิสเตอร์ลีโอนาร์ดเค้าชอบลูกมาก ระบุว่าต้องเป็นอรเท่านั้น จะให้พ่อทำยังไง”
กำพลเองก็จนปัญญา
“เอางี้ งั้นพ่อก็ตอบตกลงไปก่อนว่าอรโอเค แล้วพอวันส่งตัวค่อยให้นังบีไปสลับตัวกับอร นังบีมันสวยจะตาย ความสวยของมันก็ไม่ได้แพ้อร ลองให้มิสเตอร์อะไรนั่นเห็นก่อน บางทีอาจจะชอบนังบีขึ้นมาก็ได้”
“จะดีเหรอลูก ถ้าหากทางโน้นเค้าไม่พอใจขึ้นมาไม่ส่งมือปืนมาเก็บพ่อเลยรึไง”
กำพลไม่ไว้ใจ เงินที่ติดพนันไว้ก็มากโข แถมพวกนั้นยังเป็นมาเฟียอีกด้วย คงไม่ยอมรามือง่ายๆหากยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
“ไม่หรอกพ่อ เชื่ออรสิ รับรองแผนนี้เวิร์คสุดๆ”
ปากบางเคลือบลิปสติกสีแดงสดยิ้มกริ่มเต็มไปด้วยกลอุบาย เป็นอีกครั้งที่เธอหลอกใช้นะรินทร์ทิพย์ อรณีขอเพียงแค่ให้ตัวเองสบายถึงจะต้องเหยียบหลังใครขึ้นเธอก็ไม่สนใจ
ณ ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร
“ชุดนี้เหรอคะ บีว่ามันโป๊ไปนะ”
ชุดแซ็กแบบคล้องคอโชว์แผนหลังทำให้เธอรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่ว่าจะขยับร่างกายไปทางไหนหน้าอกหน้าใจก็พลันจะทะลักออกมาทุกที
“แกคิดมากไป ฉันว่ามันก็เหมาะกับแกดีออก อย่าคิดมากเลยน่า พี่อุตส่าห์พาแกมาช้อปปิ้งนะบี”
อรณีมองเรือนร่างของน้องสาวด้วยสายตาที่ชื่นชม พอจับนะรินทิพย์แต่งตัวเข้าหน่อย ก็เปลี่ยนจากสาวหวานเรียบร้อย ให้เป็นสาวเปรี้ยวทันตาเห็น
“ถ้าพี่อรว่าดี บียังไงก็ได้ค่ะ แล้วนี่เราจะไปไหนกันต่อคะ?”
การเดินบนรองเท้าส้นสูงนานๆแบบนี้ไม่อะไรที่เธอจะถนัดเอาเสียเลย เธออยากจะกลับบ้านเต็มทนแล้ว
“คือพี่มีเรื่องจะขอร้องให้บีช่วยหน่อย”
อรณีเริ่มเข้าเรื่อง ตีหน้าให้ดูเศร้าสลดตามสเต็ปเดิม
“เรื่องอะไรเหรอคะ บียินดีช่วยพี่อรทุกเรื่องเลยค่ะ”
นะรินทิพย์เป็นเด็กหัวอ่อน และเธอก็รักพี่สาวอย่างอรณีมาก เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่พี่สาวเดือดร้อนเธอก็ไม่เคยนิ่งเฉย
“บีช่วยไปคุยกับมิสเตอร์ลีโอนาร์ดแทนพี่หน่อยสิ คือที่บริษัทติดขัดเลยหมุนเงินไม่ทัน ทางเราเลยอยากจะขอผ่อนผันเงินรายการสินค้าที่สั่งออกไปอีกสองเดือน แล้วพอดีว่าเย็นนี้พี่มีนัดดินเนอร์กับโชคเอาไว้ด้วย นะบี ช่วยพี่หน่อยนะ”
อรณีเอาชื่อของแฟนหนุ่มมาอ้าง เพราะนะรินทิพย์ย่อมรู้ดีว่าปกติแล้วคนรักของเธอนั้นมีนิสัยขี้หึงขนาดไหน
“ที่พี่อรกำลังพูดถึง คือนัดเย็นนี้เลยเหรอคะ”
แล้วอย่างนี้เธอจะเตรียมตัวทันได้ยังไง เธอเองก็ยังไม่รู้รายละเอียดของงานเลยด้วยซ้ำ
“ใช่สิ เนี่ยใกล้ถึงเวลาแล้ว เรารีบไปกันเถอะ ห้องคุยงานอยู่บนโรงแรมนี้เอง”
อรณีรีบคว้าเข้าที่มือของนะรินทิพย์ ดึงลากให้เดินมาตามทางจนถึงหน้าลิฟต์
“แต่บีไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนด้วยนะคะ ชุดนี้คงไม่เหมาะ...”
“ชุดนี้แหละดีแล้ว มิสเตอร์ลีโอนาร์ดเค้าชอบมองสาวๆสวยๆ บีก็อย่าไปถือสาเค้าล่ะ ก็อาจจะถูกลวนลามด้วยสายตาบ้างนิดๆหน่อยๆ โอเคไหม”
คนใจร้อนรีบตัดบท ก่อนที่ยัยน้องสาวจะถามอะไรให้มากความไปกว่านี้
“แต่ว่าบี..”
“เพื่อพี่กับคุณพ่อ แค่นี้บีทำได้ไหม”
ประโยคเด็ดที่เธอมักจะใช้เพื่อขอความเห็นใจจากนะรินทิพย์เป็นประจำ
“ก็ได้ค่ะ บีจะทำเพื่อพี่อรกับคุณพ่อ”
และมันก็ได้ผลเมื่อนะรินทิพย์ตอบตกลง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักหมายเลข ‘019’ ตามที่ได้นัดหมายกับอีกฝ่ายเอาไว้
ร่างบางก้าวผ่านเข้ามาในห้องพักสุดหรูหรา
ที่ดูไม่ต่างจากคอนโดระดับพรีเมียม ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศกระทบผิวกายที่เปิดเปลือยแผ่นหลังไร้อาภรณ์ปกปิดทำให้นะรินทิพย์ถึงกับตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บ ความเงียบสงบเกินกว่าที่จะมีคนอยู่ในห้องนี้ได้ทำให้เธอนึกแปลกใจ สัมผัสได้ถึงแรงกดดันทั้งอำนาจและความหวาดกลัวทั้งๆที่มันเป็นเพียงแค่ห้องเปล่าๆเท่านั้น
“สวัสดีดีครับ”
เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ทำเอาหญิงสาวสะดุ้งตัวโหยง ก่อนจะหันร่างไปทางต้นเสียง เธอไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของชายผู้นี้แต่อย่างใด ถึงแม้จะรู้สึกแปลกใจ แต่เธอก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองยืนนิ่งอยู่นานเพราะมันจะเป็นการเสียมารยาทที่ร้ายแรงมาก
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาพบมิสเตอร์ลีโอนาร์ด”
นะรินทิพย์ยกมือขึ้นไหว้กล่าววาจาสุภาพ ผู้ชายในชุดสูทสีดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอเขาช่างดูน่าเกรงขาม
“คุณไม่ใช่คนที่มิสเตอร์ลีโอนาร์ดนัดเอาไว้ คุณเป็นใคร เข้ามาในนี้ได้ยังไง”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เริ่มซักถาม ใบหน้าคมคายที่ดูเรียบนิ่งทอดสายตามองหญิงสาวร่างบางด้วยความไม่ไว้วางใจ
“ดิฉันเป็นน้องสาวของพี่อรค่ะ พี่อรติดธุระด่วนเลยให้ดิฉันมาพบแทนค่ะ”
นะรินทิพย์ยืดไหล่ทำใจสู้ มันก็ไม่แปลกหากมิสเตอร์ลีโอนาร์ดจะมีลูกน้องที่บุคลิกโหดเหี้ยม เพราะฟังจากชื่อก็ไม่ต่างจากพวกมาเฟีย และเหมือนว่าสิ่งที่เธอคาดเดาเป็นจริง เมื่อมีผู้ชายสวมใส่ชุดสูทสีดำออกมาจากห้องทางฝั่งขวาอีกสามคน
“ผมต้องขอเชิญคุณผู้หญิงออกไปจากห้องด้วยครับ”
ชายชุดสูทสีดำคนเดียวพูดเสียงเรียบ
“แต่ดิฉันยังไม่ได้คุยธุระสำคัญกับมิสเตอร์ลีโอนาร์ดเลยนะคะ”
หากไม่ได้เรื่องกลับไป เธอคงต้องโดนอรณีโมโหใส่อีกตามเคย ยิ่งเป็นเรื่องธุรกิจของบริษัทด้วย
“พวกนายเฝ้าไว้ก่อน”
จากที่เธอสังเกตก็พอจะรู้ว่าผู้ชายที่คุยกับเธออยู่คงจะเป็นหัวหน้าของลูกน้องคนอื่นอีกที เพราะสามารถตัดสินใจและออกคำสั่งให้ชายฉกรรจ์ตัวใหญ่สามคนนี้มายืนอ้อมล้อมอยู่นอกตัวเธอ ก่อนที่คนสั่งจะเดินหายกลับเข้าไปข้างใน ที่ดูเหมือนจะเป็นห้องอะไรสักอย่าง
มือบางกำเข้าหากันเพื่อเตรียมพร้อม หากเกิดการปะทะกันขึ้นเธอจะสามารถเอาตัวรอดได้จากการที่เรียนและฝึกฝนวิชาเทควันโดจนได้สายดำ
และจากนั้นเพียงไม่นานชายคนนั้นก็เดินออกมา ก่อนจะพูดคำสั่งที่ทำให้เธอเบิกตากว้าง
“นายสั่งให้พาผู้หญิงเข้าไป”
ชายฉกรรจ์สามคนพุ่งเข้าไปหาหญิงสาวร่างบาง แต่กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อหญิงสาวตรงหน้ากลับเบี่ยงตัวหลบได้ทันและว่องไวไม่ต่างกับคนที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี
“อย่าเข้ามานะ”
นะรินทิพย์ขยับร่างกายด้วยความยากลำบาก ทว่าเธอกำลังยืนทรงตัวอยู่บนรองเท้าส้นเข็มสูงถึงสี่นิ้ว
“คุณคิดหรือว่าจะรอดพ้นไปได้”
น้ำเสียงของคนพูดที่ฟังสุขุมนุ่มลึก เธอรู้สึกเกลียดรอยยิ้มกระตุกมุมปากของผู้ชายตรงหน้ายิ่งนัก และในจังหวะที่เธอมัวแต่พะวงกับคนตรงหน้าเกินไป จึงไม่ทันระวังตัวจากทางด้านหลัง
“โอ๊ย! ปล่อยฉันนะ! ปล่อย!”
ร่างบางถูกชายฉกรรจ์อีกสองคนเข้ามารวบตัวเอาไว้ และกดให้เธอคุกเข่าลงกับพื้น ก่อนจะถูกจับล็อคท่อนเอาไว้แน่น
“หากคุณยอมทำตามที่ผมบอกตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”
ในมือของเขามีผ้าทางยาวสีแดงผืนหนา เพื่อนที่จะเตรียมมัดปิดตาให้หญิงสาวคนนี้
“จะทำอะไร นี่! ปล่อยฉันนะ”
ถึงแม้เธอจะพยายามดิ้นรนแต่ก็สู้แรงของผู้ชายพวกนี้ไม่ได้ และต่อมาเพียงไม่กี่สินาทีดวงตาของเธอก็มองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืดมิด
“จะพาฉันไปไหน”
คนพวกนี้มีแต่ความป่าเถื่อน คนแบบนี้น่ะหรือ ที่บิดาเลือกทำธุรกิจด้วย
“โอ้ย! เจ็บนะ”
เธอถูกผลักให้นั่งลงบนเก้ากี้ หลังจากที่โดนฉุดกระชากลากถูมาจนถึงในห้องอะไรสักอย่างที่เปิดแอร์ไว้เย็นมาก และมันก็เย็นกว่าข้างนอกหลายเท่า
“เธอรู้หรือเปล่า ว่าการนัดเจอในครั้งนี้มันหมายความว่ายังไง”
เสียงใคร!
เสียงที่เธอได้ยิน มันไม่เสียงของผู้ชายคนที่ใส่ชุดสูทสีดำเมื่อกี้ หรือว่าจะเป็นมิสเตอร์ลีโอนาร์ด ไม่ใช่สิ เสียงนี้ฟังดูหนุ่มมาก ไม่น่าจะใช่เสียงของคนวัยห้าสิบได้
“ฉันไม่ชอบถามคำถามใครซ้ำสอง”
“ขอโทษค่ะ คุณคือมิสเตอร์ลีโอนาร์ดใช่ไหมคะ ดิฉันนะรินทิพย์ค่ะ พอดีพี่อรไม่ว่าง เลยให้ฉันมาคุยกับคุณแทนค่ะ”
ถึงแม้จะมองไม่เห็นแต่เธอก็รู้สึกถึงพลังอำนาจจากน้ำเสียงที่ได้ยิน ซึ่งหากฟังให้ดี... ทำไมเธอจึงรู้สึกคุ้นเสียงทุ้มนี้เหลือเกิน เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“ฉันไม่สนใจว่าเธอจะเป็นใคร ชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร”
เสียงของเขาหนักแน่นทุ่มต่ำแต่กลับก้องกังวานมีอำนาจ ชักอยากจะเห็นหน้าของมิสเตอร์ลีโอนาร์ดขึ้นมาแล้วสินะ
“เราจะคุยกันแบบเปิดตาได้ไหมคะ”
ถึงแม้จะรู้สึกกลัวเขาเพียงใด แต่มันก็ดีกว่าที่เธอจะยอมอยู่นิ่งๆโดยที่ไม่ทำอะไรเลย
“หึ! เอาไปขังไว้ แล้วติดต่อกำพลให้ฉัน”
ร่างใหญ่ขยับตัวจากเก้าอีก ก่อนจะหันไปออกคำสั่งดับลูกน้อง ไม่สนใจคำร้องขอของหญิงสาว
“ครับนาย”
รีบรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย ก่อนจะเข้าประชิดตัวของหญิงสาว
“ขัง? นี่คุณจะกักขังฉันไม่ได้นะ ฉันมาเพื่อคุยธุรกิจ โอ้ย! ปล่อยฉันนะ!”
พูดไปก็เปล่าประโยชน์เมื่อร่างกายของเธอถูกฝ่ามือหยาบกร้านของพวกชายฉกรรจ์จับแขนเล็กดึงลากให้เดินตาม นะรินทิพย์พยายามให้กำลังที่มีอยู่เอาตัวรอด แต่ก็ไม่เป็นผล
หึ่ยยยย! ไผ๋เป็นไผ๋ กันเนี้ย ???
อย่าลืมกดไลค์เพื่อติดตามการอัพเดทนิยาย
เข้ามาพูดคุยกับหญิงแพรวได้ที่ Facebook (เพจ)
พิมพ์ตรงช่องค้นหา >> อรภาวาสิริ หญิงแพรว