ฉันกลับมาในห้องด้วยความเซ็งก่อนจะกดโทรหาแหวน แล้วนั่งเล่าเรื่องหลังจากที่พี่เอ็กซ์คิวเดินจูงมือฉันออกมาพร้อมกับนั่งกินข้าวผัดหมูที่เขาอุตส่าห์ซื้อมาให้ไปพลาง ๆ ด้วย
งื้อออ ข้าวจากเงินของพี่เอ็กซ์คิวช่างอร่อยเหาะอะไรเช่นนี้
นึกถึงพี่เอ็กซ์คิวทีไรก็รู้สึกเสียดายทุกที ฉันน่าจะตั้งสติแล้วแทรกตัวเข้าไปในลิฟต์ ถึงเขาจะไม่ให้เข้าฉันก็น่าจะใจกล้าหน้าด้านทำไปเลย นึกแล้วก็เศร้าใจ
[เออพิ้งค์ เสาร์นี้มึงกลับบ้านป่ะ?] แหวนถามฉันขึ้นหลังจากที่เราสองคนโทรคุยกันมาเกือบจะสามชั่วโมงได้แล้ว
“น่าจะกลับมั้ง กูว่าจะไปช่วยงานที่ร้านขนมของแม่อ่ะ”
ปกติถ้าฉันว่างก็จะไปช่วยที่ร้านเบเกอรี่ของแม่เป็นประจำอยู่แล้ว เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์น่ะ
[โห คนดีว่ะ กูว่าจะชวนไปเที่ยวห้างสักหน่อย มีของต้องซื้อเยอะแยะเลย] แหวนพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายเสียดาย
“เอาไว้วันหลังแล้วกันมึง กูว่าจะกลับไปเอาของที่บ้านพอดีอ่ะ”
[อะเค ๆ] แหวนตอบฉัน แล้วถามต่อ [เออ ว่าแต่พรุ่งนี้มึงจะไปเรียนยังไงคะ ทิ้งรถไว้ที่โรงจอดรถที่คณะไม่ใช่เหรอฮะ]
“เออ จริงด้วยว่ะ”
ฉันลืมไปเลยว่ากลับคอนโดมาพร้อมกับพี่เอ็กซ์คิว แล้วลงทุนทิ้งรถเอาไว้ที่คณะเพราะอยากให้เขามาส่ง พรุ่งนี้คงต้องนั่งวินมอเตอร์ไซต์ไปเรียนจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย!?
สมพรปากจริง ๆ
[ทำไมมึงไม่ไปพร้อมกับพี่เอ็กซ์คิวล่ะ อยู่คอนโดเดียวกันพอดีด้วยนี่]
“ก็จริง!” ฉันเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่ฉันบอกเขาไปว่านั่งวินมอเตอร์ไซต์ไปเรียนนะ แล้วจะหาเหตุผลอะไรไปกับเขาดีน้าาา
"กูบอกเขาไปว่านั่งวินไปอ่ะ แล้วกูจะหาเหตุผลอะไรไปเรียนพร้อมกับเขาดีวะ”
[ไม่ยาก มึงไม่ต้องหาเหตุผลอะไรทั้งนั้น แค่มึงตื่นเช้า ๆ แล้วไปดักยืนรอเขาที่หน้าคอนโด ทำท่าเหมือนกำลังจะรีบไปเรียนตอนที่เห็นเขาเดินออกมาจากลิฟต์ จากนั้นก็ทำเป็นทักทายเขา เดี๋ยวเขาก็ชวนมึงไปด้วยกันเองแหละ]
“แผนมึงนี่ดีเนอะ แต่มึงคงลืมไปว่าพี่เอ็กซ์คิวไม่มีทางชวนกูไปด้วยแน่ ๆ ถ้าไม่รำคาญลูกตื๊อ” ฉันพูดออกไปแบบปลงตก ปกติเขาออกจะเย็นชานิดหน่อย อะไรที่ทำให้เขารู้สึกรำคาญหรือหงุดหงิด เขาจะค้านหัวชนฝาจนกระทั่งเกินต้านทานจึงจำจำยอม และที่วันนี้เขายอมมาส่งกับซื้อข้าวให้ฉันกินนี่คงเป็นเพราะสมเพชเวทนาให้ฉัน ไม่ได้พิศวาสอะไรเท่าไหร่หรอกมั้ง...หรือว่าจะพิศวาสนะ! (อันนี้เผลอคิดเข้าข้างตัวเองแวบหนึ่ง)
[เฮ้อ งั้นมึงก็บอกไปเลยว่าขอไปด้วย รุกเขาไปเลย บ่ต้องไปกลัว]
“ได้เหรอวะ แต่ก็ดีนะ ฮ่า ๆๆๆ” ปกติฉันก็ทำนะ รุกไปเลย จะไปกลัวอะไร หน้าเราด้านซะอย่าง ฮ่า ๆๆ
[ด้านได้อายอด คติประจำใจมึงอ่ะ เอาออกมาใช้]
แหม่ ช่างรู้ใจจริง ๆ เพื่อนของช้านนนน
“จัดไปเพื่อน!”
ฉันวางสายจากแหวนแล้วก็มานั่งคิดว่าจะโทรไปหาพี่เอ็กซ์คิวหรือส่งไลน์ไปหาดี
ไลน์?
โทรหา?
เดี๋ยว ๆ แกจะคิดเยอะทำไมเนี่ยพิ้งค์! อะไรก็ได้เลือกมาสักอย่าง
หลังลังเลอยู่หลายนาที ฉันก็ตัดสินใจได้ว่าจะส่งไลน์ไปหาเขาก่อนแล้วกัน โทรไปเดี๋ยวเขาไม่รับ อย่างน้อยไลน์ก็ต้องมีเผลอกดอ่านบ้างแหละ ส่งไปรัวๆ เดี๋ยวเขาก็ตอบ
PINK : Hi พี่เอ็กซ์คิว
อ่าน
PINK : นี่ไลน์พิ้งค์เองนะ
PINK : พรุ่งนี้พิ้งค์ไปเรียนพร้อมพี่ได้เปล่า?
PINK : พิ้งค์ ขก. ออกไปรอวินมอเตอร์ไซต์อ่า
เงียบ...
PINK : Hi พี่อยู่ไหมเนี่ย ตอบไลน์หน่อย
เงียบ...
PINK : พี่เอ็กซ์คิว!!
เงียบ...
PINK : เฮ้ T..T
เงียบ...
เขาอ่านข้อความไลน์ฉันเเค่ข้อความแรกข้อความเดียว เเล้วจากนั้นก็ไม่อ่านอีกเลยค่ะ แงงง ไม่ใช่ว่าเขาบล็อกไลน์ฉันไปแล้วเรอะ ม่ายน้าาาา
ฉันพยายามส่งข้อความไปอีกซ้ำ ๆ แต่ทว่าเขาก็ไม่อ่านแล้วก็ไม่ตอบเหมือนเดิม แน่ ๆ เลย เขาต้องบล็อกฉันแน่ ๆ เลย ฮืออออ
งั้นโทรเลยแล้วกัน ไม่รับสายก็จะโทรจนกว่าจะรับนั่นแหละ
ตรืดดดด ตรืดดดด
ตู้ดดดด!
แง เขาไม่รับสายฉันเลยอ่ะ
โอ๊ยยยยย! ฉันจะบ้าตาย
หรือเขาจะบล็อกเบอร์ฉันไปด้วยนะ ถ้าเขาทำอย่างนั้น นี่โคตรใจร้ายกับฉันเลยนะ
หรือเขาจะนอนแล้ว แต่จะบ้าเหรอ นี่มันเพิ่งจะสองทุ่มเองนะ!!
ตอนนี้คือฉันกระวนกระวายใจแบบสุด ๆ คิดไปเรื่อยเปื่อยมาก เพราะฉันไม่อยากให้เขาเฉยชาหรือเมินเฉยใส่ฉันเลย
ฉันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงนอนพยายามส่งไลน์กับโทรหาเขาไปด้วย แต่ผ่านมาเกือบหนึ่งชั่วโมงเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะอ่านข้อความกับรับสายฉันเลยสักนิด เฮ้อ~
ในที่สุดฉันก็เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของคนที่ถูกบล็อกแล้วสินะ ปกติเวลาที่ผู้ชายทักเฟซบุ๊กหรือไลน์มาชวนคุยแล้วฉันรู้สึกรำคาญฉันก็จะบล็อกไปเลยค่ะ ไม่ได้รู้สึกเห็นใจหรือยี่หระอะไรเลยสักนิดเดียว วันนี้กรรมคงตามทันฉันแล้วล่ะ ฮือ ๆๆๆ
ฉันนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนผล็อยหลับไป ตื่นมาอีกทีก็เที่ยงคืนกว่า และฉันก็รู้สึกหิวมาก ๆ ข้าวมื้อล่าสุดที่กินไปก็คือตอนบ่ายสองที่พี่เอ็กซ์คิวซื้อให้นั่นแหละ แล้วห้องฉันก็ไม่มีอะไรที่กินได้เลย เพราะฉันไม่ได้ซื้อมาตุนไว้สักอย่าง แต่ใกล้ ๆ คอนโดของฉันมีร้าน 7-11 อยู่พอดี ลงไปหาอะไรกินที่นั่นดีกว่า
ว่าแล้วฉันก็เปิดประตูออกมาจากห้อง แต่ก็ปะเข้ากับร่างของเจ้าของห้องตรงข้ามที่กำลังยืนแตะคีย์การ์ดอยู่ ฉันจะไม่เอะใจอะไรเลยถ้าหากคนที่กำลังแตะคีย์การ์ดอยู่นี่คือคนที่ฉันรู้สึกคุ้นเคยดี และเขาก็คือคนเดียวกับที่ฉันส่งไลน์กับโทรไปหาเขาตั้งหลายชั่วโมงแต่เขาก็ไม่ยอมรับสายและไม่ยอมตอบข้อความเลย
“พี่เอ็กซ์คิว” ฉันเอ่ยเรียกพี่เอ็กซ์คิวด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจ ทำให้เขาที่กำลังจะเปิดประตูเข้าห้องต้องหยุดชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะหันมามองฉันด้วยแววตาเรียบเฉยและใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนทุกครั้งที่เจอ ฉันจึงเดินเข้าไปใกล้ ยิ่งใกล้มากเท่าไหร่กลิ่นเหล้าอ่อน ๆ จากตัวเขาก็ยิ่งโชยมาปะทะกับจมูกของฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฉันหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่เอ็กซ์คิว เว้นระยะห่างระหว่างเราพอประมาณ ก่อนจะมองจ้องหน้าและทำหน้ามุ่ยให้เขาไปเหมือนจะร้องไห้ ฉันไม่ได้แกล้งทำให้ตัวเองดูน่าสงสารหรือน่าเห็นใจ หากแต่มันรู้สึกจะร้องไห้จริง ๆ
เขามองจ้องหน้าฉันกลับแบบนิ่ง ๆ และไร้อารมณ์ ไม่ได้สะทกสะท้านกับสีหน้ามุ่ยหรือแววตาน้อยอกน้อยใจของฉันเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมพี่ถึงไม่ตอบไลน์กับรับสายพิ้งค์?” ฉันถามเขาไปด้วยเสียงสั่นเครือ พยายามที่จะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาจากดวงตา ฉันทรมานมาก ๆ เลยนะตอนพยายามติดต่อหาเขาอ่ะ
“แบตหมด” เขาตอบมาเบา ๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่คำตอบของเขากลับทำให้ฉันแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจและรู้สึกโล่งใจไปด้วยอย่างบอกไม่ถูก
แบตฯ โทรศัพท์มือถือของเขาหมด ทุกคนได้ยินไหม!!
“งั้นเหรอ แปลว่าพี่ไม่ได้บล็อกพิ้งค์ใช่ป่ะ?” ฉันถามเขาเพื่อยืนยันคำตอบที่อยากรู้ในใจว่าเขาไม่ได้บล็อกฉันจริง ๆ
“อื้อ” เขาครางตอบเบา ๆ แม้เขาจะทำหน้าติดรำคาญหน่อย ๆ แต่ฉันกลับฉีกยิ้มแก้มแทบปริให้เขาไปด้วยความดีใจ แม้จะไม่ได้รอยยิ้มจากเขาตอบกลับมาก็ตาม ฉันชินแล้วล่ะ ฮ่า ๆๆ
“ว่าแต่พี่อยู่ห้องนี้เหรอ?” ฉันถามเขาไปด้วยความแปลกใจปนสงสัย แต่มันจะบังเอิญไปแล้วมั้งที่เขาจะมาอยู่ห้องตรงข้ามกับฉัน หรือว่าสวรรค์จะลิขิตเป็นใจให้ฉันได้ใกล้ชิดกับเขา (อันนี้เรียกคิดไปเองหรือเพ้อเจ้อจ้ะ!)
“อือ” เขาครางตอบมาอีกครั้ง
หึ ๆ ดีแท้ โชคดีชะมัด
พี่เอ็กซ์คิวตอบฉันเสร็จก็ทำท่าจะเปิดประตูเข้าห้องไป แต่โอกาสมาถึงแล้วฉันต้องรีบคว้าไว้ จึงรีบดึงแขนเขารั้งเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“ห้องพี่มีอะไรให้พิ้งค์กินไหม พิ้งค์หิว” ฉันพูดพลางทำตาปริบ ๆ ให้ดูน่าสงสารและน่าเห็นใจส่งให้พี่เอ็กซ์คิวไป
ฉันไม่ได้ฉวยโอกาสเข้าห้องพี่เอ็กซ์คิวนะ แต่ถ้าเขามีอะไรให้ฉันกินก็ดีกว่าเดินลงไปหาอะไรกินที่ 7-11 ดึก ๆ ดื่น ๆ คนเดียว แม้ว่าทางจะไม่เปลี่ยวก็ตาม
พี่เอ็กซ์คิวพอได้ยินฉันพูดออกไปดังนั้นก็หันมามองหน้าฉันแบบรำคาญปนดูง่วง เขาก็คงจะเมานิด ๆ ละมั้ง เพราะดื่มเหล้ามาด้วยนี่นา
“มี แต่ไม่ให้เข้าไปในห้อง”
“อ้าว ทำไมอ่ะ พี่ซุกแฟนไว้ด้วยเหรอ?” ฉันเอียงคอถามพี่เอ็กซ์คิวไปแบบยียวน ฉันรู้ดีว่าเขาไม่มีทางมีแฟนแล้วอย่างแน่นอน ก็เขาเป็นซะแบบนี้อ่ะ ดูไม่แยแสหรือสนใจใคร
“ไม่ ฉันง่วง จะนอน” พี่เอ็กซ์คิวตอบมาแบบปัด ๆ น้ำเสียงราบเรียบแกมรำคาญนิด ๆ ทว่าฉันเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่ละความพยายามอย่างง่าย ๆ
“แงงงงง พี่จะปล่อยให้พิ้งค์หิวจนไส้ขาดเหรอ” ฉันตีหน้าเศร้าและทำเสียงอ้อนออเซาะให้เขา เผื่อเขาจะนึกเห็นใจฉันบ้างสักหน่อย
“จะออกไปข้างนอกไม่ใช่?” เขาหรี่ตาถามฉัน เพราะน่าจะเดาจากการที่เห็นฉันออกมาจากห้องดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้ แถมถือกระเป๋าเงินในมือด้วย
“ใช่ แต่ว่ามัน...” ฉันยังพูดไม่ทันจบพี่เอ็กซ์คิวก็พูดแทรกขึ้นก่อน
“ก็ไปสิ” พูดแบบไม่ใส่ใจเสร็จก็เดินเข้าห้องไปและปิดประตูใส่หน้าฉันอย่างทันที โดยที่ไม่สนใจไยดีฉันที่กำลังยืนทำหน้าเอ๋ออยู่เลยสักนิดเดียว
เขามันคนใจร้าย
ไอ้ผู้ชายเย็นชาเอ๊ย!!