“ใจเย็น ๆ” พี่เอ็กซ์คิวพูดออกมาเบา ๆ และจับแขนฉันรั้งไว้แน่น
“แต่มันสาดน้ำใส่พิ้งค์อ่ะ พิ้งค์จะตบมัน!” ฉันเถียงกลับไป ฉันไม่ยอมง่าย ๆ หรอก ต้องเอาคืนอย่างสาสม!
“พอได้แล้ว” พี่เอ็กซ์คิวที่เห็นว่าฉันไม่ยอมหยุดก็พูดเสียงเข้มและทำหน้าดุใส่ เพื่อปรามให้ฉันสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง
ฉันยอมสงบสติอารมณ์ของตัวเอง แต่สายตาก็ยังจ้องมองเขม็งไปที่ยัยเจ๊ปากแดงนั่นตลอด แต่ดูเหมือนว่ายัยเจ๊เองก็กลัวพี่เอ็กซ์คิวเหมือนกัน เพราะนางหน้าซีดเผือดและไม่กล้ามองมาที่ฉันเหมือนในตอนแรก
พี่เอ็กซ์คิวเมื่อเห็นว่าสติอารมณ์ของฉันสงบลงแล้ว เขาก็จูงมือพาฉันเดินออกมาจากโรงอาหารและตรงมายังลานจอดรถของคณะบริหารฯ ทันที
พี่เอ็กซ์คิวพาฉันเดินมายังรถยนต์ของเขา เปิดประตูรถและดันตัวฉันให้เข้าไปนั่งในรถ ซึ่งฉันก็ยอมแต่โดยดี ไม่ดื้อ ไม่ซน และเชื่อฟังอย่างดี
หลังฉันเข้ามานั่งในรถแล้ว พี่เอ็กซ์คิวก็ตามเข้ามานั่งตรงเบาะคนขับแล้วยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ฉัน
“ให้พิ้งค์ทำไมอะ?” ฉันถามเขาไปอย่างไม่เข้าใจ
“เช็ดเสื้อเธอที่มันเลอะซะ ฉันนึกว่าเลือด”
พอได้ยินพี่เอ็กซ์คิวพูดดังนั้น ฉันก็รีบก้มดูสภาพของตัวเองทันที น้ำเเดงที่เปรอะเปื้อนตามตัวเป็นจุด ๆ มองผ่าน ๆ ก็ดูเหมือนเลือดจริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ
“ขอบคุณน้า~” ฉันพูดขอบคุณเขาไปด้วยเสียงหวานใส แล้วรับผ้าเช็ดหน้าจากมือเขามาเช็ดตามตัว มันเช็ดคราบไม่ออกหรอก ฉันเลยใช้มันมาซับตรงที่ยังเปียก ๆ อยู่แทน
“ฉันไม่คิดว่าเธอก็มีมุมนี้เหมือนกัน” พี่เอ็กซ์คิวพูดขึ้นขณะที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดอยู่
“ปกติพิ้งค์ก็ไม่สู้ใครหรอกนะ ถ้าคน ๆ นั้นไม่มาหาเรื่องก่อน”
“ฉันไม่ชอบผู้หญิงใช้กำลังและปากร้าย” เขาบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ แต่ฉันกลับได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้ง และคำพูดของเขาก็ทำให้ฉันอยากจะกรอเทปกลับไปก่อนหน้านี้ รู้อย่างนี้ฉันไม่ตอบโต้ยัยเจ๊ปากแดงนั่นไปหรอก น่าจะทำตัวอ่อนแอเป็นนางเอกผู้แสนดีที่โดนตัวร้ายรังแก ฮืออออ
“แล้วไงคะ?” ฉันตีหน้าซื่อถามกลับไป ในเมื่อย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว ก็พุ่งชนเข้าใส่เลยแล้วกัน
“ไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอ?”
“พอจะเข้าใจ แต่ไม่เป็นไรเพราะพิ้งค์ชอบพี่...ชอบแค่คนเดียว” ฉันพูดออกไปแบบจริงจังและไม่เเคร์ ไม่ชอบแล้วไง สักวันฉันจะทำให้ชอบฉันจนโงหัวไม่ขึ้นเลยคอยดู หึ ๆ
“อะไรของเธอเนี่ย!” พี่เอ็กซ์คิวทำหน้างุนงงที่ฉันดูไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้านี้เลย ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามสื่อให้รู้ว่าไม่ชอบฉัน
“เอ้า ก็ถึงพี่ไม่ชอบพิ้งค์แต่ยังไงพิ้งค์ก็ชอบพี่อยู่ดีไง”
“แต่ฉันไม่ชอบเธอ ยัยเด็กน่ารำคาญ!”
“ไม่ชอบวันนี้ สักวันพิ้งค์จะทำให้พี่หันมาชอบพิ้งค์ให้ได้” ฉันพูดอย่างมาดมั่น เรื่องมั่นหน้ามั่นโหนกต้องยกให้ฉัน เพราะเป็นที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใคร
“เธอแม่งดื้อด้านฉิบ!” พี่เอ็กซ์คิวบ่นออกมาอย่างหัวเสีย และดูจะหงุดหงิดให้กับความดื้อรั้นของฉันไม่น้อย แต่ถามว่าฉันแคร์ไหม ขอตอบอีกครั้งว่าไม่แคร์เลยสักนิด หัวใจแข็งดุจดั่งหินผาของเขามีเอาไว้ให้ฉันพุ่งชน!
“ดื้อด้านกับพี่แค่คนเดียวน้าาา” ฉันยียวนพี่เอ็กซ์คิวกลับไป แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา นั่งทำหน้านิ่งเหมือนอย่างปกติ คงจะกำลังปวดหัวเพราะฉันอยู่ละมั้ง หรือไม่ก็พยายามข่มกลั้นอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ก็ได้ ไม่แน่ถ้าเขายังเถียงฉันต่ออีกไมเกรนได้ขึ้นสมองพอดี ฮ่า ๆๆ
นั่งนิ่งอยู่สักพักหนึ่งพี่เอ็กซ์คิวก็เริ่มสตาร์ตรถเตรียมจะขับออกไป
“พี่จะพาพิ้งค์ไปไหนอะ?” ฉันรีบถามออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่รถจะขับเคลื่อนออกไป
“ไปส่งบ้านไง!” พี่เอ็กซ์คิวหันมาตอบฉันด้วยน้ำเสียงติดรำคาญนิด ๆ แต่ฉันก็ไม่ใส่ใจ เพราะมันเรื่องเล็กน้อยเอง
“ตอนนี้พิ้งค์ย้ายมาอยู่คอนโดแล้ว” ฉันตอบพี่เอ็กซ์คิวไป ที่ฉันเลือกย้ายไปอยู่คอนโดเพราะมันอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยค่ะ เวลาฉันตื่นสายจะได้ไปเรียนแบบไม่ต้องรีบมาก อ้อ พ่อซื้อรถยนต์ให้ฉันขับมาเรียนด้วยแหละ แต่เมื่อเขาเสนอจะไปส่งฉันก็ไม่ปฏิเสธและไม่จำเป็นต้องบอกว่าตัวเองก็มีรถอยู่ โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้หากันได้ง่าย ๆ ไง ฮ่า ๆๆ
“ย้ายทำไม?” เขาถามฉันด้วยเสียงราบเรียบ
“ก็มันจะได้สะดวกไง”
“แล้วมาเรียนยังไง?” พี่เอ็กซ์คิวถามฉันเยอะกว่าทุกครั้งที่เราคุยกันซะอีก จนฉันรู้สึกหัวใจพองโต ปลื้มปริ่มในใจ
“นั่งวินมอไซต์มา” ฉันเลือกที่จะโกหกไปเพราะอยากให้พี่เอ็กซ์คิวไปส่งฉันที่คอนโด ทิ้งรถไว้ที่นี่สักคืนคงไม่เป็นอะไรหรอกเนอะ พรุ่งนี้ค่อยนั่งวินมอเตอร์ไซต์มาเรียนก็ได้
ดูทุ่มเทจังเลยฉัน คุ้มไหมเนี่ย!?
คุ้มแหละเนอะ งื้ออออ
“งั้นก็บอกทางไปคอนโดเเล้วกัน” พี่เอ็กซ์คิวพูดบอกพลางขับเคลื่อนรถออกมาจากลานจอดรถ
“พิ้งค์จำทางไม่ได้อ่ะ พี่เปิดจีพีเอสได้หรือเปล่า”
“คอนโดอะไร?” พี่เอ็กซ์คิวพูดถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ฟังดูจากน้ำเสียงก็พอจะรู้ว่าเขากำลังหงุดหงิดให้ฉันที่เด๋อด๋าและไม่รู้อะไรเลยอยู่
“คอนโด IW” ฉันตอบเขาไป อย่างน้อยก็จำชื่อคอนโดของตัวเองได้ละวะ
“คอนโดเดียวกับฉัน” เขาพูดออกมาเบา ๆ และพอฉันได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มหน้าแป้น อะไรจะช่างบังเอิญเช่นนี้ หึ ๆ สาบานว่าฉันไม่รู้มาก่อนว่าเขาอยู่คอนโดเดียวกัน
“ยิ้มอะไร?” เขาที่เห็นว่าฉันยิ้มอย่างออกนอกหน้าก็ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ก็แค่คิดว่าบังเอิญจังเลยเนอะ” พูดพลางฉีกยิ้มร่าให้เขาแบบที่คิดว่าตัวเองดูสวยและน่ารักสุด ๆ
“เวรกรรมจริง ๆ” เขาบ่นออกมาเบา ๆ แต่ฉันได้ยินชัด
เวรกรรมอะไรกัน เขาเรียกว่าฟ้าลิขิตประทานพรบวกความบังเอิญต่างหาก หึ ๆๆ
LINE!
เสียงข้อความไลน์ดังขึ้น ฉันจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู และเห็นว่าเป็นแหวนนั่นเองที่ส่งมาหา
WEANRING : มึงเป็นไงบ้างคะ โดนผู้ชายที่ชอบจูงมือออกไปแบบนั้น!
PINK : กูโอเคมาก รู้สึกดีสุด ๆ 555
WEANRING : กูยอมเลยค่า อ๊ายยยย กูเขินแทน
PINK : 555 เดี๋ยวกูถึงห้องแล้วจะโทรไปเม้าท์มอยนะ
พอฉันพิมพ์คุยกับแหวนเสร็จก็หันมานั่งจ้องหน้าพี่เอ็กซ์คิวที่กำลังตั้งใจขับรถอยู่ต่อ
ทำไมมุมด้านข้างเขาดูดีอย่างนี้นะ จมูกโด่งที่รับกับริมฝีปากหยักได้รูป คางยาวที่เห็นเป็นสันกรามคมชัด ดวงตาที่คมกริบไม่บ่งบอกหรือแสดงถึงความรู้สึกใด ๆ ออกมา รวมกันแล้วคือดีส์ม้ากกกก
ฉันพินิจพิจารณาเขาไปด้วยหัวใจที่เต้นรัวไปด้วย ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้เพอร์เฟกต์ไปหมด แถมยังมีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจของฉันด้วย
โครกคราก...
ในขณะที่ฉันเอาแต่มองพิจารณาพี่เอ็กซ์คิว จู่ ๆ เสียงท้องร้องของฉันก็ประท้วงขึ้นมา โคตรน่าอายเลย ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวไปหมด และพอเขาได้ยินเสียงก็เหล่ตามองฉันแวบหนึ่งแล้วหันกลับไปสนใจเบื้องหน้าต่อ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อะ..เอ่อ” ฉันไม่รู้จะพูดอะไร แต่ใจก็สั่งให้พูดอะไรออกไปสักอย่างเพื่อแก้เขินและกลบเกลื่อนการกระทำที่แสนจะน่าอับอายนี้
“เอ่อ...พิ้งค์หิว” ฉันหิวมากจริง ๆ เมื่อเช้าก็รีบไปเรียนเพราะกลัวสายจนไม่ได้กินข้าวเช้า แถมข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กินอีกเพราะมัวแต่ทะเลาะกับยัยเจ๊ปากแดงนั่น นึกแล้วก็โมโห!
“แล้ว?” เขาพูดออกมาแบบไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับการที่ฉันบอกว่าหิวเนี่ย!
ใจจืดใจดำ!
แต่ถ้าถามว่ายังชอบเขาไหม ก็ชอบเหมือนเดิม
“พี่ก็พาพิ้งค์ไปกินข้าวหน่อยจิ” ฉันพูดแล้วทำตาปริบ ๆ ให้พี่เอ็กซ์คิวเห็นใจ ทว่าพอเขาเห็นฉันทำตาปริบ ปากยื่น ๆ ก็ทำหน้าผวาคล้ายหวาดกลัวทันที
นี่เขาเว่อร์ไปไหมเนี่ย!
“วันนี้ทั้งวันพิ้งค์ยังไม่ได้กินข้าวเลยอ่ะ” ฉันบ่นอุบ พยายามพูดให้ตัวเองดูน่าสงสารและน่าเห็นใจที่สุด
“เออ ๆ ก็ได้ เลิกทำหน้าตาแบบนั้นด้วย ฉันหลอน” เขาพูดมาแบบจำยอม คงจะหวาดกลัวกับหน้าตาของฉันไม่น้อย ถึงขนาดบอกว่าหลอนอะคิดดู ฮ่า ๆๆ
เขาพาฉันมาที่ร้านอาหารร้านหนึ่งที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย เป็นร้านที่ดูดีพอตัวเลยถ้ามองจากภายนอก
มาถึงร้านแล้วแต่เรายังไม่ได้ลงจากรถเพราะว่าฉันไม่กล้าเข้าไปในร้านด้วยสภาพที่เสื้อเปื้อนไปด้วยน้ำสีแดงแบบนี้ ขืนเข้าไปคนได้พากันตื่นตระหนกเพราะคิดว่าฉันโดนแทงมาแน่ ๆ
“ถ้าไม่กล้าลงไปเดี๋ยวฉันไปซื้อใส่กล่องให้” พี่เอ็กซ์คิวพูดบอกฉันก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไป
ทำไมฉันรู้สึกเสียดายจังแฮะ อุตส่าห์ได้มาร้านอาหารกับพี่เอ็กซ์คิวทั้งทีแต่ลงไปไม่ได้ ฉันเคยมีภาพในหัวที่เรานั่งกินข้าวด้วยกัน ต่างคนต่างผลัดกันป้อนให้กัน มันช่างโรแมนติกเหลือเกิน (แกเพ้อเจ้อนังพิ้งค์!)
พี่เอ็กซ์คิวเดินหายเข้าไปในร้านสักพักหนึ่งก็เดินออกมาพร้อมมีถุงใส่กล่องข้าวถือติดมาด้วยหนึ่งกล่อง พอเขาเข้ามานั่งในรถก็ยื่นถุงกล่องข้าวให้ฉัน
“พี่ไม่กินเหรอ?” ฉันถามพี่เอ็กซ์คิวไปเพราะเห็นว่าเขาซื้อมาแค่กล่องเดียว
“ฉันกินแล้ว” พี่เอ็กซ์คิวตอบแบบนิ่ง ๆ แล้วสตาร์ตรถขับออกมา
“พี่อยู่ชั้นไหนอะ?” ฉันเอ่ยถามพี่เอ็กซ์คิวขึ้นเมื่อเราเดินเข้ามาถึงหน้าล็อบบี้ของคอนโดแล้ว
“ไม่จำเป็นต้องบอก” ทว่าเขากลับหันมาตอบแบบนิ่ง ๆ และเย็นชา
“โถ่~” ฉันทำเสียงเสียดาย
ตริ่ง! (เสียงลิฟต์เปิด)
ไม่บอกก็ไม่เห็นจะเป็นไร ยังไงเขาก็ต้องกดชั้นที่เขาอยู่อยู่แล้ว
พี่เอ็กซ์คิวเดินนำเข้าไปในลิฟต์ ฉันที่กำลังจะเดินตามเขาเข้าไป แต่ก็ถูกเขายกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามไม่ให้ฉันเดินตามเข้าไป
“อะไรอะ?” ฉันถามพี่เอ็กซ์คิวไปแบบงง ๆ กับการกระทำของเขา
“เธอไปขึ้นลิฟต์อีกตัว” พี่เอ็กซ์คิวพูดบอกฉันเสร็จก็รีบกดลิฟต์ปิดใส่หน้าฉันแบบทันที ฉันมัวแต่อึ้งอยู่ก็ไม่มีสติที่จะคิดได้ว่าควรจะแทรกตัวหรือรั้งเขาไว้ รู้ตัวอีกทีลิฟต์ก็ปิดไปเป็นที่เรียบร้อย
อะไรเนี่ย!?
กลัวฉันรู้จักห้องของเขาขนาดนั้นเลยเหรอ!!?