บทที่ 3

1965 Words
ชุนเยว่เห็นเด็กชายดูมีพลังเต็มเปี่ยมจึงลอบยิ้มเอ็นดู มองสภาพที่ผอมบักโกรกให้สงสาร ชุนเหนียงช่างใจร้ายทารุณ จิตวิญญาณของนางต้องชั่วร้ายขนาดไหนถึงไม่เคยเปลี่ยน หัวใจมืดบอดยากจะล้างจนสะอาดผ่องใส เดินกันมานานจึงมองเห็นผู้คนกับสิ่งปลูกสร้าง ชุนเยว่กวาดตามองอาคารบ้านเรือนที่เปลี่ยนไป เสื้อผ้าการแต่งกายของพวกเขา ก้มลงมองเสื้อผ้าของตน มันไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อย ‘นี่ข้าอยู่ข้างล่างนั่นเป็นร้อยปีพันปีหรือ ทำไมจึงไม่มีสิ่งใดเหมือนเดิมเลยสักอย่าง แม้คำพูดของบางคนที่เดินผ่านยังฟังไม่คุ้น มีเรียกคุณเรียกฉัน นั่นสรรพนามอะไรกัน’ “แม่เราเข้าเขตเมืองแล้ว ท่านจะไปที่ใดต่อ” “ไปร้านรับซื้อสมุนไพร ต้องเป็นร้านที่เปิดมานานมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรหลากหลาย เจ้าพอรู้จักไหม” “ถึงข้าจะไม่ได้เข้าเมืองบ่อย แต่เคยได้ยินมาบ้าง คงหาร้านที่ว่าได้ไม่ยาก” เจ้ารองเกาหัวอย่างอายๆ วันนี้ท่านแม่ดูแปลกไปมาก มักจะถามเขาด้วยคำพูดปกติไม่แสดงใบหน้าดุร้าย “ไปเถอะ เวลาไม่เช้าแล้ว” นางไม่อยากเสียเวลาไปเปล่า ยังต้องเอาของที่แบ่งไว้กลับไปปลูกอีก ขณะนี้ทั้งคู่มาถึงร้านที่ว่า... แต่ยังไม่ได้เข้าไป เพราะต้องรอดูท่าทีของผู้อยู่ด้านใน เนื่องจากมีเสียงโหวกเหวกด่าทอชุดใหญ่ กระทั่งมีไม้กวาดอันหนึ่งลอยละลิ่วมาทางพวกตน ชุนเยว่มือไวดึงคอเสื้อเจ้ารองหลบได้หวุดหวิด “เป็นอะไรมั้ย” “ไม่ขอรับ แค่เกือบ” ไม่อยากจะคิดเลย หากมารดาดึงตนไม่ทันไม้ด้ามนั้นจะตกใส่หัวเขาแน่ “หลีกไป! หลีกสิ!” ก่อนจะเห็นชายผู้หนึ่งวิ่งพรวดพราดออกมาผ่านหน้าพวกตนไป มีคนที่สูงวัยกว่ายังถือกล่องยาปาไล่หลัง “อย่าหนีนะเจ้าคนไม่เอาไหน!” “แฮกๆ ไปเลย! ให้ตายก็ไม่ต้องกลับมา!” เขายืนก่นด่าอยู่ครู่หนึ่งจนเหนื่อยหอบ จึงค่อยหันกลับมามองพวกนางตาเขม็ง “พวกแกมีอะไร” “เอาของมาขาย แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ว่าง เช่นนั้นพวกข้ากลับแล้ว” “ไม่ต้อง! ร้านยังเปิด จะขายอะไรก็ตามมา” ชุนเยว่พยักหน้า รู้สึกชายผู้นี้ยังแยกแยะเป็น หากเป็นคนอื่นคงไล่พวกนาง ปิดประตูไม่ต้อนรับแขก “ตกลงได้อะไรมาขาย บอกไว้ก่อน ข้าไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น” “เพียงสมุนไพรทั่วไป คือหญ้าหยาดน้ำค้างกับกล้วยไม้สีทอง” “ฮะ ฮ่า ฮ่า! เจ้าไม่คิดว่ากำลังหาเรื่องใส่ตัว ของแบบนั้นมันมีที่ไหนกัน” จากที่หัวเราะกลับแสดงใบหน้าดุร้ายจนเจ้ารองหวาดกลัว ชุนเยว่รู้สึกไม่ถูกต้อง ทำไมเขาจึงมีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ “ท่านอายุมากขนาดนี้ น่าจะพอรู้เรื่องสมุนไพรไม่มากก็น้อย แต่เหตุใดถึงบอกไม่รู้จักเล่า” นางไม่ทันได้นำของออกมาเลย เขากลับแสดงความโกรธเช่นนี้ หากนำออกมาแล้วไม่ถูกทำให้เสียหายแย่ ถึงอย่างนั้นนางยังอยากทราบเหตุผล “เจ้ามันคนโง่! ข้าคือเซียนสมุนไพร รู้จักทุกอย่างบนโลกแต่ไม่เคยได้ยินเรื่องหญ้าประหลาดมาก่อน ปู่ย่าตาทวดหลายรุ่นล้วนทำร้านยาทั้งสิ้น อย่าได้มีความคิดจะมาหลอกขายของ” “ข้าเดินป่าหาของดีอยู่ครึ่งค่อนวัน ยังต้องเดินเท้าเข้าเมืองไกลนับยี่สิบสามสิบลี้ คิดว่าข้าทำเพื่อความสนุกหรือ ช่างเถอะ! ไม่ซื้อก็ช่าง ข้าไปที่อื่นก็ได้” ชุนเยว่ไม่คิดเสียเวลาจึงดึงมือเจ้ารองว่าจะออกไป แต่กลับถูกเสียงอันดังตวาดกร้าว “จงหยุด!” “ทำบ้าอะไรของท่าน!” นางหันไปเหลือบมองโดยไร้ความกลัว เพื่อดูว่าเขาจะทำอันใด แต่กลับต้องกระโดดโหยง เมื่อชายสูงวัยกลับทำจมูกฟุดฟิดจนบานกระพือ “นี่ๆ ข้าได้กลิ่นหอม มันช่างคุ้นพิกล” “ท่านออกห่างๆ แม่ข้านะ อย่ามาทำเจ้าชู้” กลัวก็กลัว แต่เขาจะยอมให้คนอื่นมาล่วงเกินมารดาได้อย่างไร แขนที่เล็กดุจตะเกียบยังกางออกเพื่อกันไม่ให้คนเข้าใกล้ “บ๊ะ! ข้าไม่ได้ดมแม่เจ้า แต่ข้ากำลังตามหากลิ่น” “บอกให้รู้... จมูกของข้านั้นวิเศษมาก! สามารถแยกออกระหว่างสิ่งที่เป็นพิษกับสิ่งที่เป็นยา ข้ามั่นใจว่าที่ได้กลิ่นอยู่ตอนนี้มีสองอย่าง คือหอมบริสุทธิ์กับหอมเย็น นั่นคือยาไม่ผิดแน่” ชุนเยว่คิดว่าแบบนั้นดีมาก เขาไม่รู้จักสมุนไพรที่นำมา กลับมีประสาทดมกลิ่นที่ยอดเยี่ยม! จึงหยิบหญ้าหยาดน้ำค้างออกมาต้นหนึ่ง ยื่นไปตรงหน้าเขา พอเห็นว่านี่คือที่มาของกลิ่นหอมเย็นจึงคิดจะคว้าไป แต่ชุนเยว่ไวกว่ามาก นางชักมือกลับ “จะทำอะไร? ข้าเอาให้ดูเท่านั้นไม่ได้มอบให้สักหน่อย ในเมื่อบอกว่าไม่รู้จัก มันก็หาใช่ของที่เราจะซื้อขายกัน” “เจ้าจะบอกว่าคือสิ่งนี้ เจ้าเรียกมันว่าอะไรนะ” “มันคือหญ้าหยาดน้ำค้าง มีสรรพคุณดับร้อนรักษาไข้หวัดตั้งแต่ธรรมดาไปจนถึงไข้ป่าที่รุนแรง หนึ่งใบต่อหนึ่งหม้อยา และยังช่วยบำรุงคนที่มีหยินรุนแรงอย่างสตรีม่าย ลดความกระตือรือร้น หรือพูดอีกนัยคือ...” “ใช้ได้ดีสำหรับคนที่ถูกยากำหนัด ถูกแมลงกัดต่อยโดยเฉพาะคนที่มีอาการแพ้รุนแรง ล้างสารพิษออกจากร่างกายจำพวกยาขับเลือด ยาคุมกำเนิด ปรับธาตุปรับสมดุลร่างกายเพื่อคนที่ทำงานอย่างว่า ตอนเตรียมพร้อมสำหรับตั้งครรภ์” “ดีปานนั้น?” นั่นมันยาวิเศษแล้ว “เชื่อหรือไม่ต้องทดลองดู ข้าจะมอบมันให้ท่านหนึ่งต้นก่อน ทำตามที่ข้าบอก พิสูจน์ว่าที่ข้าพูดนั้นถูกต้องไหม แต่ของดีมีน้อยหายาก ราคาย่อมสูง” “เฮ้! ยังไม่ทันไรเจ้าก็โก่งราคาเสียแล้ว” ตอนนี้เขาเชื่อไปหกส่วนว่ามันคือยาดี แต่ถึงอย่างนั้นยังต้องดูว่าที่นางพูดจริงแท้แค่ไหน “ท่านบอกว่ารู้เรื่องสมุนไพรมาจากบรรพบุรุษ แต่กลับไม่รู้จักสิ่งนี้ นั่นก็หมายความว่ามันคือของหายากที่หายสาบสูญไปนาน เช่นนั้นแล้วจะกดราคาข้าหรือ” “ก็ได้ ไว้ข้าจะทดลองดู หากมันดีอย่างที่เจ้าบอก แพงแค่ไหนข้าก็จะรับไว้ทั้งหมด” ชุนเยว่โบกมือ นางหาที่นั่งเพื่อรอเขาพิสูจน์ เจ้าของร้านเดินหายไปด้านหลังครู่หนึ่ง นางเองก็เพิ่งทราบว่าข้างในมีห้องพักผู้ป่วย ที่เรียกว่าห้องพักคนไข้ ซึ่งมีหญิงคนหนึ่งกำลังพักรักษาตัวด้วยอาการมีหยินรุนแรง เนื่องจากอายุล่วงเลยมาไกลแต่ยังไม่ได้แต่งงาน หรือเรียกอีกอย่างว่าโรคขาดสามี อาจเกิดขึ้นได้กับสตรีวัยทองหลายคน และที่เขาไล่ตีชายรุ่นลูก เพราะคนผู้นั้นคิดฉวยโอกาสกับคนป่วย เป็นสตรีร่ำรวย หวังตกลงในถังข้าวสาร อาศัยความเชื่อใจที่เป็นเด็กในร้านย่องจะขึ้นเตียงคนไข้ แต่ดันถูกพบเข้าจึงยังไม่ทันได้แตะต้องหญิงที่ว่า หาไม่แล้ว คนที่จะซวยย่อมหนีไม่พ้นเถ้าแก่ร้านยา “ท่านแม่ มันจะได้ผลจริงหรือ” “คอยดูไปเถอะ เจ้านะอย่ากลัวให้มาก” “แต่ว่า... หากมันไม่สำเร็จ พวกเราอาจถูกจับก็ได้” “เป็นผู้ชายหัดยืดอกเข้าไว้ เจ้าคิดว่าข้าจะหาเรื่องใส่ตัวรึไง” เจ้ารองถูกมารดาตำหนิจึงนั่งรอเงียบๆ แอบชำเลืองมองในร้านนอกร้าน หากว่าจวนตัวจะได้วิ่งหนี น้องสาวรอเขาอยู่ไม่ยอมให้ถูกจับแน่ “แม่นาง” “ทะ... ท่านแม่ เรารีบหนีกันเถอะ” เจ้ารองเห็นสีหน้าถมึงทึงของเถ้าแก่จึงเห็นท่าไม่ดี เอ่ยเสียงเบาพร้อมกระตุกมือชวนวิ่งหนี ทว่าชุนเยว่กลับปัดมือเขาออก “ว่าอย่างไร การค้านี้ยังจะทำต่อหรือไม่” “เจ้ายังไม่ได้บอกข้า ว่าอีกชนิดหนึ่งมีสรรพคุณใดบ้าง” จากที่บึ้งตึงบัดนี้กลับยิ้มแฉ่งทำหน้าประจบ เขาคิดคำนวณอยู่นาน หญ้าต้นหนึ่งมีใบไม่ต่ำกว่ายี่สิบใบ ขายยาได้หลายหม้อเชียว ที่ทำหน้าดำทะมึนออกมาเพราะกลัวไม่พบคน แต่พอเห็นยังนั่งอยู่จึงผ่อนลมหายใจลง “หญ้าหยาดน้ำค้างขับความร้อนส่วนเกินได้ดีมาก แต่ไม่ทำให้ตัวเย็นจนเสียสมดุล คนป่วยด้านในที่บอกด้วยว่าสบายตัวไม่รู้สึกอึดอัดหรือเจ็บที่ใดเลย” “แหะๆ เมื่อครู่ที่ข้าเสียงดังใส่ คงไม่ทำให้เจ้าตกใจใช่หรือไม่” คนแก่คนนี้ช่างดีนัก จากที่เอะอะเอาแต่ไล่กลับท่าเดียว กลายเป็นอ่อนน้อมแล้ว ชุนเยว่กลอกตาไปมา ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีนิสัยผู้คนไม่ได้เปลี่ยนตาม พอมีประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องก็พูดดีเชียว เจ้ารองอ้าปากอีกแล้ว แหงนมองหน้ามารดาอย่างเทิดทูน แม่พูดถูก ดีนะที่ไม่เชื่อเขาแล้ววิ่งออกจากร้านไป แบบนั้นจะไม่ได้เงินแล้ว เกือบทำเสียเรื่องแน่ะ “นี่คือกล้วยไม้สีทอง ที่ใช้ทำยาได้มีเพียงส่วนของดอกเท่านั้น ทว่าท่านต้องรู้ไว้ด้วย ส่วนอื่นห้ามนำมาใช้เด็ดขาด เพราะมันจะกลายเป็นยาเบื่อทันที ยังมีอีก” “อย่าได้ทะลึ่งเอาไปกินคู่ของรสหวานเช่นน้ำตาล ห้ามนำไปผสมกับน้ำผึ้งทุกกรณี จากช่วยคนมันจะกลายเป็นฆ่าคน” “ร้ายแรงปานนั้น!” “สิ่งนี้มีสรรพคุณถอนพิษ บำรุงความเยาว์วัย และช่วยในเรื่องการโคจรลมปราณ ผู้ที่ฝึกยุทธหากได้กินเดือนละครั้งมันทำให้เส้นชีพจรไม่ติดขัด ฝึกวิชาก้าวหน้าง่ายกว่าเดิม” “โอ้! แล้วต้องกินมากน้อยเท่าใด” “หนึ่งดอก ใช้เม็ดบัวสองชั่ง เลือดนกแห้งตวงถ้วยเหล้า กับละอองทองคำหยิบมือ บดผสมหลอมจนเป็นเนื้อเดียว จะได้ยาดีที่ว่า แต่จำไว้ ต้องหลอมในโถกระเบื้องด้วยเทียนหนึ่งเล่มเท่านั้น ห้ามใช้หม้อทองเหลืองหรือหม้อยาทั่วไป มันจะเสียของ ใช้เวลาหลอมราวครึ่งก้านธูป” “อย่ามักง่ายต้มในเตาฟืน มันจะทำให้สรรพคุณลดลงกึ่งหนึ่ง” “มีสูตรยาเช่นนี้! แม่นาง หากมันดีอย่างที่เจ้าพูดมา ข้ารับรองว่าจะตอบแทนเจ้าอย่างงาม” เถ้าแก่ยิ้มร่า เขาเชื่อหมดใจถึงสิ่งที่นางบอก เพราะคนไข้ที่รักษามาร่วมเดือนบัดนี้ได้หายดีจากสูตรยาของนาง “เช่นนั้นเรามาทำการค้าได้แล้วสินะ ข้ายังต้องกลับไปดูลูกสาว นางเล่นซนจึงหกล้ม ข้าจะต้องนำอาหารกับของเล่นไปให้” “ได้! เช่นนั้นเจ้าเรียกมา บอกเท่าไหร่ข้าจะจ่ายเท่านั้น” “แน่ใจหรือว่าจ่ายไหว” “ข้ามีเงินจ่ายน่า อย่าดูว่าร้านข้าเล็ก กิจการข้าเปิดมาหลายชั่วคนแล้ว แต่กินอยู่อย่างสมถะ” “ข้าจะขายเพียงห่อนี้ สักห้าเป็นอย่างไร” “ฮ่า ฮ่า! แค่ห้าเองรึ” “ได้ เดี๋ยวข้าจ่ายให้เลยห้าพันเหรียญเงิน” “ใครบอกว่าหลักพัน ข้าหมายถึงหลักหมื่นต่างหาก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD