เจาจื่อจิ้งถอนหายใจ
“เมื่อคืนวิ่งวุ่นไม่น้อยกว่าจะได้พัก วันนี้ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรเจ้าไปพักผ่อนเถอะ”
“อีกเดี๋ยวบ่าวเตรียมน้ำชาให้คุณชายเสร็จแล้วค่อยไปพักขอรับ”
“ใช่ว่าข้าต้มชาเองไม่เป็น” เจาจื่อจิ้งท้วง “จริงสิข้ายังไม่เห็นเสี่ยวไกวเลย มันไปเล่นที่ไหนกัน”
“...เอ่อ...เมื่อเช้ามันยังอยู่แถวหน้าประตูนะขอรับ”
สองคนพูดคุยมาถึงประโยคนี้ เสียงฝีเท้าผู้มาเยือนดึงความสนใจจากเรื่องที่พูดไปจนหมด ใบหน้าเย็นชาสงบนิ่งของแม่นางน้อยสะท้อนอยู่ในสายตาสองบุรุษ สายตาเจาจื่อจิ้งกับสือจ้วงมองไปยังแต้มสีแดงตรงหางตาฝูมู่เสวี่ย เป็นคุณหนูใหญ่ฝู
“ข้ามากะทันหันตั้งใจมาเยี่ยมท่าน หวังว่าคุณชายเจาจะไม่ถือสา”
สายตาคมกริบเย็นชามองไปยังสือจ้วง วาจาเมื่อครู่นี้เย็นชาไม่ต่างกับแววตา เจาจื่อจิ้งมองไปยังสือจ้วงกลับไม่พูดอะไร
“ข้าไม่เคยมาเยี่ยมคู่หมั้นเลย ได้มาสักทีคุณชายเจาคงไม่ถึงกับไม่ให้คนยกน้ำชากระมัง”
สายตาเย็นชาคมกริบกวาดมองไปยังเงาร่างอีกหนึ่งด้านใน ใบหน้าคุ้นตาที่นางเพิ่งไล่ตะเพิดคนไปเมื่อกลางวันนั่นเอง ฝูมู่เสวี่ยเลิกคิ้วสูง ที่แท้บ่าวรับใช้หน้าตาดีเป็นผู้ติดตามของเจาจื่อจิ้ง น่าเสียดายรูปโฉมจอมทรราชน้อยแซ่เจาช่างเรียบง่ายเกินไป ไร้ความโดดเด่นไร้สง่าราศี
ฝูมู่เสวี่ยเชิดหน้าใส่คนเขา “ได้ยินแล้วยังไม่รีบยกน้ำชามาอีก หรือต้องให้ข้าเรียกบ่าวรับใช้ของข้าแทน”
“อ้อ” เจาจื่อจิ้งขานรับในลำคอ “เช่นนั้นคุณหนูใหญ่รอสักเดี๋ยว”
เห็นคนที่เป็นบ่าวรับใช้ยอมขยับกายแล้วฝูมู่เสวี่ยพ่นลมหายใจ ไม่คาดคิดว่าเงาร่างบุรุษอีกหนึ่งในที่นี้กลับเดินตามผู้อื่นไป ฝ่ามือน้อยรีบยื่นออกมาขวางทาง
“ท่านจะไปไหน ข้ายังคุยธุระไม่จบ”
“..เอ่อ...คุณหนูใหญ่...ท่าน....”
“นั่งก่อนสิ”
อากัปกิริยาของฝูมู่เสวี่ยวันนี้แฝงท่าทีคุกคามผู้อื่นเห็นชัด สือจ้วงไม่กล้าขยับเท้าได้แต่ปล่อยให้นางออกคำสั่ง สายตาอดมองไปยังทิศทางที่คุณชายจากไปไม่ได้
“คุณชายมองอะไร เหตุใดต้องมองเขาด้วย คนของท่านชงชาไม่เป็นหรือ”
“..เอ่อ....คุณหนูใหญ่ใจเย็นก่อนดีหรือไม่ขอรับ สาวใช้ของคุณหนูอยู่ที่ใดเหตุใดปล่อยคุณหนูมาเอง”
“นางเฝ้าอยู่หน้าประตู ข้าเป็นคนสั่งเองท่านไม่พอใจหรือ”
แววตาเอาเรื่องคนของฝูมู่เสวี่ยมองจ้องใบหน้าขาวซีดของสือจ้วง หน้าตาเช่นนี้มองแวบเดียวก็รู้ว่าเขาสุขภาพไม่ดี น่าแปลกหากเจาจื่อจิ้งสุขภาพไม่ดี เหตุใดชิวอี้ไม่พูดถึงสักคำ
“ท่านเจ็บป่วยมีคนตามหมอให้หรือไม่ หากไม่มีข้าให้คนไปตามหมอมาให้ก็ได้ คุณชายถือเป็นแขกของสกุลฝู เจ็บป่วยเล็กน้อยไม่นับเป็นอะไรหรอก”
“คุณหนูใหญ่มีน้ำใจ ผู้น้อยขอรับด้วยใจขอรับแต่โรคของข้ารักษาไม่หาย ทำให้คุณหนูเป็นกังวลแล้ว”
แววตาจับจ้องมองประเมินใบหน้าบุรุษขี้โรค “อันที่จริงท่านนิสัยดีไม่น้อยเลย เอาเถอะวันหน้าหากมีเรื่องใดไม่สะดวกพูด ให้คนไปบอกข้าที่เรือนจี๋ฟางก็แล้วกัน ส่วนน้ำชาในเรือนคุณชายข้าไม่ดื่มแล้วขอลา”
เงาร่างบอบบางมาเยือนเรือนชิงฟงและจากไปเช่นนี้ เจาจื่อจิ้งยืนถือกาน้ำชาที่ต้มเสร็จแล้วแอบดูการกระทำฝูมู่เสวี่ย พอตัวคนจากไปสือจ้วงถอนหายใจราวกับวิญญาณหลุดลอย คุณชายเจาจื่อจิ้งตัวจริงเดินเข้ามารินน้ำชาดื่มลงท้อง ไม่ลืมรินส่งให้สือจ้วงอีกจอก
“นางเป็นบ้าอะไรกันแน่ สือจ้วงนางพูดอะไรกับเจ้า”
“เมื่อครู่คุณชายแอบฟังอยู่ ยังต้องถามอีกหรือขอรับ”
“แอบฟังคือแอบฟังจะนับรวมกันได้อย่างไร อย่างไรเสียก็ไม่อาจแจ่มแจ้งเท่าพูดคุยต่อหน้า เจ้าว่าจริงหรือไม่”
สือจ้วงรินชาให้ผู้เป็นนายเพิ่ม “คุณหนูใหญ่บอกว่าคุณชายนิสัยดี วันหน้าหากมีเรื่องลำบากใจ ให้คนไปบอกนางยินดีช่วยเหลือขอรับ”
“นางบอกเจ้าต่างหาก ไม่ใช่ข้า”
ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจความคิดคุณหนูใหญ่ฝู นางไม่เคยพบสือจ้วงก็แล้วไปแต่กับเขาจะทักคนผิดเชียวหรือ เจาจื่อจิ้งลูบใบหน้าตนเองหรือว่าวันนี้หน้าตาเขาดูเปลี่ยนไป ไม่แน่อาจเป็นเพราะเสื้อผ้าเก่าชุดนี้ทำฝูมู่เสวี่ยจำผิดขึ้นมา จะเป็นไปได้อย่างไรกันคุณหนูใหญ่ฝูแค่ไม่ชอบพูดคุย นางไม่ได้โง่งมเสียหน่อย ต่อให้คิดเช่นนี้ออกมาได้ยังคงมีข้อติติงตรงสายตาฝูมู่เสวี่ยไม่คล้ายล้อเล่น หรือนางสรรหาวิธีคิดใหม่มาขอถอนหมั้นกับเขาอีก
เจาจื่อจิ้งดื่มชาลงท้องไปสองถ้วยยังคงหาคำตอบไม่ได้ ส่วนสือจ้วงยามนี้ไม่รู้หายไปที่ใดเขาคงไปพักผ่อนแล้ว ไหนเลยตัวคนรีบร้อนเดินเข้ามาในห้องโถง
“คุณชายขอรับ เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”
“เรื่องอะไร?”
“อาตงบอกว่าเมื่อกลางวัน สาวใช้คุณหนูใหญ่อุ้มหลางไกวออกไป บอกว่าคุณหนูอยากเสี่ยงสัตว์ตัวเล็ก”
“อะไรนะ! นางบ้าไปแล้วหรือ”
“ไม่แน่บางทีคุณหนูใหญ่อาจไม่รู้จักลูกหมาป่า ทางที่ดีคุณชายรีบไปรับหลางไกวกลับมาก่อน”
“เหอะ!” เจาจื่อจิ้งพ่นลมหายใจ “ฝูมู่เสวี่ยตั้งใจหาเรื่องข้าใช่หรือไม่”
“เรื่องนี้คุณหนูใหญ่คงไม่ได้ตั้งใจ เมื่อครู่นางยังสั่งเอาไว้ หากคุณชายมีเรื่องลำบากใจสามารถไปพบนางได้”
ฟังคำแก้ต่างแทนของสือจ้วง นี่สมควรเป็นวาจาบ่าวรับใช้ผู้ใดกันแน่ แค่ฝูมู่เสวี่ยพูดจาไม่กี่คำ สือจ้วงคนของเขาคำก็คุณหนูใหญ่เข้าใจผิด สองคำก็คุณหนูใหญ่ไม่ได้ตั้งใจ หางตาเจาจื่อจิ้งมองตำหนิสือจ้วงเข้าแล้ว อย่าได้ลืมเชียวว่าคราวก่อนฝูมู่เสวี่ยก่อเรื่องอะไรไว้ นางถือหนังสือถอนหมั้นปาใส่หน้าเขาต่อหน้านายท่านฝู! ผลสุดท้ายเป็นอย่างไรนางโดนไล่ไปอยู่อารามชี เดือดร้อนคุณหนูรองก้มกราบคลานขอขมานายท่านฝูแทนพี่สาว เจาจื่อจิ้งยังจำได้ คุณหนูรองผู้อ่อนโยนอ่อนหวานเนื้อตัวเป็นรอยถลอกเต็มไปหมด ฝูมู่เสวี่ยกลับจวนมาได้วันเดียว รุ่งขึ้นมาหาเรื่องผู้อื่นอีกแล้ว
“หากคุณชายไม่อยากไปเรือนจี๋ฟาง เช่นนั้นให้ข้าไปรับหลางไกวกลับมาแทนท่านก็ได้ขอรับ”
“หมาป่าปีศาจไม่มีทางเชื่อฟังผู้อื่น ส่งเจ้าไปจะได้กลายเป็นอาหารเสี่ยวไกวล่ะไม่ว่า ข้าแค่แปลกใจเสี่ยวไกวยอมให้สาวใช้อุ้มไปได้อย่างไรกัน”
สองบุรุษมองสบสายตา ธรรมชาติหมาป่าปีศาจไม่มีทางยอมเชื่องเป็นสัตว์เลี้ยง เห็นเสี่ยวไกวตัวเล็กแค่นั้น ร่างจริงของมันสูงเกือบหนึ่งจั้ง[1] ทีเดียว เรื่องเร่งด่วนตอนนี้ยังคงต้องไปรับหลางไกวกลับมาโดยเร็ว เจาจื่อจิ้งถอนหายใจก่อนเดินเชิดหน้าตรงไปยังเรือนจี๋ฟาง
[1] หน่วยวัดความยาวสมัยโบราณ หนึ่งจั้ง กะประมาณสามเมตร