ตอนที่ 1 เพื่อนชาย

1495 Words
หนึ่งปีต่อมา “มารีน ลงมากินข้าวได้แล้วลูก เดี๋ยวจะไม่ทันขึ้นเครื่อง” ปลาดาว เอ่ยเรียกลูกสาวที่ยังเตรียมตัวอยู่บนห้องนอน หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จทะเลและปลาดาวก็เดินทางไปส่งมารีนที่สนามบิน คราแรกตั้งใจจะไปส่งถึงที่หมาย ทว่าลูกสาวกลับโตแล้วแถมมีความใจกล้าอยากเดินทางด้วยตัวเอง เนื่องจากเคยนั่งเครื่องบินมาแล้วหลายครา เมื่อปรึกษากันแล้วจึงได้ยอมใจอ่อนทำตามที่ลูกร้องขอ มารีนไหว้ลาผู้มีพระคุณก่อนจะเข้าไปสวมกอดพ่อและแม่ แล้วลากกระเป๋าเข้าไปนั่งรอขึ้นเครื่องพร้อมกับเพื่อนสนิทอย่างเมษา เครื่องบินได้ลงจอดหลังเคลื่อนตัวอยู่บนท้องฟ้านานกว่าหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที ทั้งสองสาวก็ไปรอรับกระเป๋าสัมภาระ แล้วเดินออกไปหาคนที่บอกว่าจะมารับ “ไอ้วา” ทันใดที่ดวงตาคู่สวยเห็นเศษเสี้ยวใบหน้าของเพื่อนชายก็ยกมือขึ้นโบกไปมาด้วยรอยยิ้มดีใจ พลางส่งเสียงเรียกชื่อสั้น ๆ อย่างคนสนิทกัน “นั่นวายุที่มึงพูดถึงเหรอ” เมษาหันไปถามเพื่อนรัก วายุในวัยย่างเข้าสิบเก้าปี ใบหน้าหล่อเหลา สันกรามได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็หล่อและดูดีไม่มีที่ติ แม้ว่าเมษาจะเป็นเพื่อนรักที่เรียนกับมารีนมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็ไม่เคยพบเจอตัวจริงของวายุเลยสักครั้ง เพราะช่วงปิดเทอมต่างฝ่ายก็อยู่แต่บ้านของตนเอง มีเพียงครอบครัวของมารีนกับวายุที่ไปมาหาสู่กัน “อืม นี่ไอ้วายุ คนที่เล่าให้ฟังว่าเจอกันครั้งแรกก็คิดว่าเป็นหัวขโมย แถมแค่โดนหอยบาดเท้าก็ร้องไห้ขี้มูกโป่ง จนกูต้องทำแผลให้ถึงจะหยุดร้อง คิกคิก ไม่คิดเหมือนกันว่าโตมาแล้วหน้าตาจะพอไปวัดไปวากับเขาได้เหมือนกัน” มารีนเอ่ยถึงเพื่อนชายอย่างขำขันเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวัยเด็ก ทว่าเมษากลับไม่ได้คิดอย่างนั้น “นี่ไม่ได้เรียกว่าไปวัดไปวาแล้วมึง นี่มันโคตรหล่อเลย แถมยังเป็นหนุ่มเนิร์ดซะด้วย” เมษาทอดสายตาไปยังเพื่อนชายของมารีน นอกจากใบหน้าจะหล่อได้รูปแล้ว เขายังสวมแว่นตาอีกด้วย “แหนะ เห็นหน้ามันแค่ครั้งเดียวก็ชมกันเลยนะ ขอบอกไว้ก่อนว่าห้ามคิดอะไรกับมันเด็ดขาด ไอ้นี่มันไม่ชอบผู้หญิงหรอก” “อ้าวเหรอ ผู้ชายหน้าตาดี ๆ สมัยนี้ทำไมเป็นเก้งกวางกันไปหมด” “กูล้อเล่น คิกคิก” มารีนเปล่งเสียงหัวเราะชอบใจด้วยใบหน้ายิ้มร่า “เฮ้อ ไอ้เราก็นึกว่ามันจะเป็นเกย์จริง ๆ ไม่งั้นเสียดายของแย่” สองสาวส่งเสียงซุบซิบถึงบุคคลที่สามจนกระทั่งมายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าตัว มารีนจึงได้เอ่ยทักคนที่มารอรับก่อน “ไม่เจอกันตั้งนาน มึงไม่คิดจะทักทายกูหน่อยเหรอ” “หวัดดี” “แค่เนี้ย” หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย วายุเป็นคนพูดน้อยมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ไม่คิดว่าพอมาเจอกันตอนโต ทั้งที่ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งสองปี เขาจะพูดกับเธอแค่คำว่าสวัสดี “อ้อ นี่เมษา เพื่อนสนิทกูเอง” “อืม ยินดีที่ได้รู้จัก” วายุขานรับน้ำเสียงเรียบ ก่อนจะยื่นมือมาคว้ากระเป๋าไปจากมือของมารีนแล้วเดินนำออกไป ทำให้ทั้งสองสาวต่างหันมองกันอย่างงุนงงกับท่าทีประหลาดของชายหนุ่ม แล้วรีบก้าวเท้าเดินตามหลังกันไปติด ๆ “วันนี้ว่างใช่ปะ ไปส่งหาคอนโดหน่อยดิ” มารีนที่นั่งเบาะหน้าก็ได้หันไปเอ่ยถามเจ้าของรถหรู เนื่องจากพวกเธอยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่ ช่วงนี้คงต้องพึ่งพาไอ้เพื่อนหน้านิ่งคนนี้ไปก่อน “อือ” เขาขานรับในลำคอ ขณะที่สายตายังจับจ้องถนนเบื้องหน้าอย่างไม่ละสายตา รถบีเอ็มดับเบิลยูราคาสี่ล้านกว่าได้แล่นเข้าไปหยุดที่ลานจอดรถของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง วายุก้าวลงจากรถเป็นคนแรก ก็เดินอ้อมไปยังกระโปรงด้านหลัง หยิบกระเป๋าของทั้งสองสาวออกมาวางไว้บนถนนคอนกรีต “เอากระเป๋าลงมาทำไม ไม่รู้ว่าจะมีห้องว่างรึเปล่า” มารีนรีบท้วงเพื่อนชาย ยังไม่ทันได้เข้าไปถามเลย ไอ้นี่ก็รีบขนของออกมาจัง “กูจัดการให้แล้ว” “อ้าว มึงหาห้องให้แล้วเหรอ แพงปะ ถ้าแพงมากพวกกูจ่ายไม่ไหวนะเว้ย” แม้ว่าเธอจะเอ่ยออกไปอย่างนั้น แต่สำหรับลูกสาวเจ้าของรีสอร์ตและลูกสาวของบริษัทผลิตสื่อโฆษณา ย่อมต้องจ่ายไหวอยู่แล้ว “เดือนละเจ็ดพันห้า แถวนี้มันย่านธุรกิจ ถ้าจะเอาถูกกว่านี้คงยาก” มารีนหันมองใบหน้าของเพื่อนสาว เมื่อเห็นเมษาพยักหน้ารับว่าจ่ายไหว เธอจึงไม่ได้คัดค้านอะไร เดินตามหลังเพื่อนชายเข้าไปในคอนโด มือหนากดปุ่มหมายเลขสามเพื่อขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพักที่เขาจัดหาเอาไว้ให้ เมื่อไปถึงหน้าห้องวายุก็หยิบคีย์การ์ดออกมาสแกนเปิดประตู แล้วยื่นให้กับเจ้าของห้องเช่าคนใหม่ “นี่ห้องของเธอ” เมษายื่นมือออกไปรับคีย์การ์ดด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนที่ทั้งสองสาวจะพากันเข้าไปสำรวจในห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยและเฟอร์นิเจอร์อย่างครบครัน โดยที่วายุก็เดินตามกันเข้าไป “แล้วห้องของกูล่ะไอ้วา ได้อยู่ชั้นเดียวกับเมษารึเปล่า” “ห้องมึงอยู่ชั้นหก ไปกันได้ละ” “อะ อ้าว ไอ้เวรนี่ คิดจะไปก็ไป” มารีนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เมื่อเพื่อนชายเอ่ยกับเธอเสร็จ ก็หันหลังเดินออกจากห้องอย่างไม่รีรอ เธอจึงรีบหันมาเอ่ยกับเพื่อนสาว “กูขึ้นไปดูห้องก่อนนะเมษา เดี๋ยวเก็บของเสร็จแล้วจะลงมาหา” “เออ ๆ รีบไปเถอะ” เมษาสะบัดมือให้มารีนรีบตามเพื่อนชายออกไป วายุดูค่อนข้างถือตัว แล้วก็เข้าถึงยากมาก ๆ แต่ทั้งสองสนิทกันแบบนี้ เธอจึงไม่ได้คิดอะไร เพื่อนของมารีนก็คือเพื่อนของเธอเหมือนกัน เมื่อไปถึงห้องที่ว่า วายุก็เปิดประตูเดินนำเพื่อนสาวเข้าไปข้างใน มารีนสังเกตเห็นว่าชั้นนี้ห้องมีขนาดใหญ่กว่าชั้นล่าง แถมเฟอร์นิเจอร์ก็ยังดูดีกว่ากันมาก “ทำไมห้องนี้ไม่เหมือนห้องของเมษา ค่าเช่าเดือนละเท่าไหร่” “ห้องนี้ของแม่กูเอง มึงอยู่ฟรีไปเถอะ” “นี่ห้องของคุณป้านับดาวเหรอ ถึงว่าดูสะอาดและตกแต่งเหมือนสไตล์ผู้หญิง แล้วให้กูมาอยู่แบบนี้ทางบ้านมึงไม่ว่าเหรอ” “ถามมาก จะอยู่หรือไม่อยู่” ที่จริงก่อนหน้าห้องนี้ได้ถูกปล่อยเช่า เนื่องจากผู้เป็นแม่ได้แต่งงานและย้ายไปอยู่กับพ่อตั้งนานแล้ว และเมื่อทราบว่าเพื่อนสาวจะมาเรียนที่กรุงเทพฯ เขาจึงได้คุยกับมารดาเรื่องยุติการปล่อยเช่า แล้วให้เพื่อนสาวเข้ามาพักอาศัยแทน ซึ่งแม่ของเขาก็เห็นดีด้วย เนื่องจากท่านก็เอ็นดูมารีนมาตั้งแต่เจอหน้ากันเมื่อครั้งวัยเด็ก “อยู่ดิ ของฟรีใครจะไม่ชอบ ขอบใจมึงมากนะไอ้วา ว่าแต่มึงล่ะพักอยู่ที่ไหน กูขอไปเที่ยวห้องมึงบ้างได้ปะ” มารีนเอ่ยด้วยรอยยิ้มกริ่มราวกับแกล้งหนุ่มหล่อตรงหน้า ถึงจะสนิทกันตั้งแต่เด็ก ทว่าตอนนี้เธอก็ได้โตเป็นสาว แถมยังสวยมากด้วย เพื่อนชายคนนี้จะแอบหวั่นไหวกับคำพูดของเธอบ้างไหมนะ “อยู่เพนท์เฮาส์ของพ่อ ส่วนมึงน่ะเป็นผู้หญิง มาขอเข้าห้องผู้ชายแบบนี้มันใช้ได้เหรอ อย่าลืมล่ะว่าคุณน้าปลาดาวส่งให้มาเรียน ไม่ได้ให้มาหาผัว” “มึงคิดมากเองปะ กูไปเที่ยวห้องเพื่อนมันผิดตรงไหน เราสองคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก หรือว่ามึงแอบคิดกับกูเกินเพื่อน” “...” วายุได้แต่ลอบถอนหายใจ เขาไม่เคยเถียงมารีนชนะเลยสักครั้ง จึงทำได้แค่เงียบ แล้วเธอก็จะเงียบตามถ้าเขาไม่โต้ตอบ เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ก็ถึงวัยเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้ว แต่เขาก็มักจะเป็นฝ่ายยอมให้เธออยู่เรื่อยมา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD