3เดือนผ่านไป...
เบเนดิกยังคงไม่สามารถเค้นความจริงจากคนปากแข็งอย่างแคทนิสได้ว่าทำไมเธอถึงลอบสังหารมาร์คัสเพื่อนของเขาเพียงลำพังแบบนี้ เธอโกรธแค้นอะไรเพื่อนสนิทเขากันแน่ เพราะถ้าแค่ถูกพ่อบุญธรรมเป่าหูให้มาฆ่าเพื่อยึดอำนาจคงไม่ส่งหญิงสาวร่างบอบบางบุกเข้ามาเพียงคนเดียวแน่ ขนาดเขาจับเธอทรมานทุกวัน เช้า-เย็น ก็ยังใจแข็งไม่ยอมเปิดปากบอกแม้แต่คำเดียว เธอไม่แม้แต่จะเกรงกลัวเขาเลยด้วยซ้ำ และไม่เคยเจอผู้หญิงที่มีความอดทนต่อความทรมานสูงแบบนี้มาก่อน
สามเดือนมานี้แคทนิสไม่เคยได้ออกไปจากห้องนอนเลย เธอได้แต่นั่งมองบรรยากาศด้านนอกผ่านหน้าต่างบานใหญ่เพียงเท่านั้น ด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย บางครั้งเธอรู้สึกอยากตายๆ ให้มันจบไปซะเพราะอยู่แบบนี้ก็รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นไม่ต่างกัน
แคทนิสรู้สึกขยะแขยงร่างกายของตัวเองเต็มทน เธอโดนมาเฟียโรคจิตเอาแทบทุกวันไม่เว้นแม่กระทั่งตอนป่วย ‘ถ้ากระโดดจากหน้าต่างนี้ลงไปฉันจะตายเลยหรือเปล่า'
แคทนิสแวบคิดขึ้นมาในสมองแต่เพราะมีโซ่ล่ามข้อเท้าอยู่เธอจึงคิดว่านี่อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ พยายามเดินหาสิ่งของบางอย่างภายในห้อง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เธอยืนจ้องกระจกดูใบหน้าของตัวเองที่ซูบตอบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด
เพล้ง!!
เสียงกระจกแตกกระจุยกระจายหลังจากกำปั้นเล็กต่อยเข้าไปเต็มแรงจนข้อนิ้วเต็มไปด้วยเลือดสีสดไหลออกมา แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหยิบมันขึ้นมากรีดบนข้อมือ มาเฟียหนุ่มก็วิ่งปรี่เข้ามา ก่อนจะจับเข้าที่มือเธอด้วยความแรงแล้วหยิบกระจกชิ้นนั้นทิ้ง จากนั้นเขาก็ฉุดกระชากเธอไปยังเตียงนอนก่อนจะเหวี่ยงร่างคนตัวเล็กลงบนที่นอน ด้วยความแรง
“เธอไม่มีสิทธ์ตายแคทนิส ถ้าฉันยังไม่อนุญาต” ชายหนุ่มพูดเสียงแข็งขึ้นมา ดีที่เขานั่งมองกล้องวงจรปิดอยู่ถึงทันได้เห็นว่าหญิงสาวกำลังคิดจะทำอะไร
“ฉันเกลียดแก ไอ้สารเลว ฉันเกลียดแก ”
“หึ ฉันก็ไม่ได้พิศวาสอยากจะขอให้ผู้หญิงอย่างเธอมารัก แคทนิส” เบเนดิกบีบกรามหญิงสาวเต็มแรงก่อนจะพูดเสียงรอดไรฟันออกมา
“ไปตายซะ”
“หึ ทำไมตรงนั้นไม่เห็นดีเหมือนตรงนี้นะ” ใช้สายตามองไปที่ปากก่อนจะเลื่อนไปยังตำแหน่งล่างของเธอ
“อย่าให้ฉันรอดออกไปได้ แกจะเป็นคนแรกที่ฉันจะยิงกบาล”
“ก่อนจะรอดไปได้ งั้นก็ลุกจากเตียงให้ไหวก่อนแล้วกันแคทนิส”
“แก แกจะทำอะไร” แคทนิสกำลังจะถอยหนีแต่อีกคนก็จับข้อเท้าเธอแล้วกระชากลงมาสุดแรง ก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวเธอออกแล้วหันไปคว้าเครื่องพันธนาการข้อมือ มาล็อกข้อมือทั้งสองข้างของเธอ ก่อนจะจู่โจมด้วยการประกบปากจูบแต่แคทนิสกลับเม้มริมฝีปากแน่นจนคนตัวสูงกัดเข้าที่ริมฝีปากเล็กเพื่อที่จะให้เธอเผยอปากรับเรียวลิ้นของเขา แต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอมที่จะเปิดรับจนกระทั่งมาเฟียหนุ่มล้วงเข้าไปยังจุดกลางกาย แล้วบดขยี้เข้าที่เม็ดติ่งกระสัน
“อ้ะ” เมื่อแคทนิสเผยอปากครางมาเฟียหนุ่มใช้โอกาสนั้นสอดเรียวลิ้นเข้าไปในทันทีก่อนจะโดนแคทนิสกัดแต่เขากลับไม่สนใจแล้วปล่อยให้เธอกัด
“อื้อ ไอ้เลว” แคทนิสพูดน้ำเสียงผ่านลำคอขณะที่ยังถูกริมฝีปากหนาประกบปิดไว้ เบเนดิกส่งนิ้วทั้งสามกดเข้าไปด้านในโพรงสวาทสีหวานทีเดียวสุดปลายนิ้ว พร้อมกับแม่โป้งที่ขยี้อยู่ที่ติ่งกระสันด้านนอก แคทนิสเริ่มอารมณ์กระเจิดกระเจิง ถึงสมองจะต่อต้านแต่ร่างกายกลับทรยศตอบสนองเขาอย่างน่าไม่อาย ริมฝีปากบางเผยอปล่อยให้เขาบดจูบอยู่ฝ่ายเดียว มือหนาเลื่อนลงไปรูดซิบกางเกง ก่อนจะงัดแท่งเอ็นไซซ์64ออกมา เขาชักมือออกจากร่องสวาทแล้วเปลี่ยนมาบีบขยำสองเต้าอวบอย่างรุนแรง ริมฝีปากหนาเลื่อนลงมางับเข้าเม็ดทับทิมสีชมพูแล้วกัด แคทนิสแอ่นอกรับด้วยความเจ็บ สองมือเล็กขยำเส้นผมมาเฟียหนุ่มก่อนจะกระซากออก เบเนดิกจับตรึงแขนเรียวขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนจะก้มลงไปซุกไซ้ กัดตามเรือนร่างที่ขาวผุดผาด เมื่อแก่นกายใหญ่ขยายเต็มที่เขารีบจับคนตัวเล็กพลิกในท่าคลานเข่าแล้วล็อกข้อเท้าไว้ด้วยเครื่องพันธนาการกันเธอถีบก่อนจะกดแท่งเอ็นที่แข็งเป็นหินเข้าไปในโพรงสวาทอ่อนนุ่มในคราเดียว
“อ๊ะ อื้อออ” เบเนดิกกำผมของแคทนิสแล้วกระชากจนใบหน้าสวยเชิดขึ้นก่อนจะโน้มตัวลงไปบดจูบเธออีกครั้งอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่ท่อนเอ็นด้านล่างสาวเข้าออกอย่างหนักหน่วง
“ฉ ฉันเกลียดแก” แคทนิสพยายามกัดฟันอดทนกับการกระทำอันหยาบโลนของคนด้านหลัง ที่กระแทกกระทั้นโดยไม่สนความเจ็บปวดทรมานของเธอเลยสักนิด
“อ่าส์ ฟัค” มาเฟียหนุ่มตอกแท่งเอ็นเข้าไปจนสุดลำแล้วกดมันค้างไว้ก่อนเขาจะก้มลงไปบีบขย้ำหน้าอกอวบพร้อมกับริมฝีปากที่งับกัดเข้าที่ลำคอสวย แคทนิสนอนนิ่งปล่อยน้ำตาไหลออกจากหางตา ราวกับเธอได้ตายไปแล้วจริงๆ เธอรู้สึกว่าร่างกายไม่ใช่ของเธออีกต่อไป แก่นกายใหญ่กดฝังลึกจนสัมผัสกับมดลูกก่อนจะกระตุกสั่นปลดปล่อยน้ำพุพุ่งกระฉูดเข้าไปในโพรงสวาทที่ตอดรัดเขาตุบๆ แล้วมันก็ไม่จบเพียงแค่นั้น เบเนดิกถอนแก่นกายออกมาแล้วจับแคทนิสนอนหงายก่อนจะขึ้นมานั่งคร่อมบนอกเธอ เขาบีบกรามสวยเพื่อให้เธออ้าปาก แคทนิสพยายามอดทนแต่ด้วยแรงบีบที่เต็มกำลังมือทำให้เธอต้องพ่ายแพ้ให้กับเขา
“เธอมันก็เป็นได้แค่นี้แคทนิส เป็นได้แค่ที่ระบายน้ำออกจากเอ็นของฉัน” สิ้นเสียงทุ้มแท่งเอ็นไซซ์ใหญ่ก็กดเข้าไปในโพรงปากเล็ก แคทนิสหวังจะกัดดุ้นเนื้ออวบแต่ด้วยความใหญ่ที่คับแน่นทำให้ไม่สามารถกัดมันได้แถมยังทำเธอพะอืดพะอมจนอยากจะอ้วก
แคทนิสน้ำตาคลอเบ้าเมื่อแก่นกายซอยเข้าออกจนส่วนหัวไปกระทุ้งโดนกับผนังลำคอของเธอซ้ำๆ ด้วยความทรมาน
“ซี้ด~ ปากอุ่นชิบหาย” มาเฟียหนุ่มเร่งสะโพกซอยเร็วระรัวขึ้นจนแคทนิสทำท่าจะอาเจียนอยู่หลายครั้งแต่เขาก็ไม่สนใจ ยังคงกระแทกแท่งเอ็นอย่างเอาแต่ใจก่อนจะกดมันสุดลำจนแคทนิสตาเหลือกขึ้นมา ทันใดนั้นเองแก่นกายใหญ่ก็เกร็งกระตุกปลดปล่อยลาวาระอุเข้าสู่โพรงปากของหญิงสาว
“กลืนมันลงไป” แคทนิสทำท่าจะอ้วก แต่เมื่อมาเฟียหนุ่มตอกแก่นกายเข้าไปเธอก็จำใจต้องกลืนมันทุกหยาดหยด
“ก็แค่นั้น” เมื่ออีกคนกลืนมันเรียบร้อย เบเนดิกจึงถอนแก่นกายออก
“ฉันเกลียดแก ไอ้สารเลว ขอให้ลูกให้เมียแกโดนแบบที่ฉันโดน”
“หึ ไม่มีวันนั้นหรอกแคทนิส เพราะฉันไม่คิดที่จะมีเมีย”
“สาระเลว ขอให้ชีวิตแกดิ่งสู่นรกอย่างที่ฉันเจอ” เบเนดิกยักไหล่ราวกับไม่รับรู้คำสาปแช่งของเธอ ก่อนจะลงมาป้วนเปี้ยนกับด้านล่างต่อ แล้วเย็นวันนั้นเขาก็ใช้เรือนร่างของเธอสำเร็จความใคร่ยันตีสามก่อนจะกลับห้องตัวเองไป เพราะเตียงที่สกปรกเต็มไปด้วยน้ำคาวคละคลุ้ง เขาไม่สามารถที่จะทนนอนได้ส่วนเธอก็ปล่อยไว้แบบนั้นปล่อยให้นอนท่ามกลางน้ำคาวที่เปียกโชนไปทั่วทั้งที่นอน
เช้าวันต่อมา
แม่บ้านยกถาดอาหารเช้าเข้ามาเมื่อเห็นว่าแคทนิสยังหลับอยู่ เธอจึงวางไว้เพราะคิดว่าเมื่อหญิงสาวตื่นเดี๋ยวคงมากินเองกระทั่งผ่านไปสิบโมงเช้า ปาลีนาขึ้นมาดูแคทนิสก่อนจะไปมหาลัย
“คุณแคทนิส!!” ปาลีนาตะโกนเรียกแคทนิสลั่นห้องก่อนเธอจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรหาเบเนดิก
Calling…
(ว่าไงปาลิน)
(พ พี่เบ็นคะ) หญิงสาวยืนกำขอบกระโปรงแน่นเอ่ยน้ำเสียงสั่นกลัว สายตามองไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้นพร้อมกับกองเลือด
(เป็นอะไรหรือเปล่าปาลิน)
(ค คุณแคทนิสค่ะ คุณแคทนิส เลือด)
(พูดให้รู้เรื่องปาลิน พี่ไม่เข้าใจ)
(ค คุณแคทนิสนอนจมกองเลือด ป ปาลินกลัวค่ะ)
(ชิท!!) เบเนดิกสบถออกมาพร้อมกับรีบวิ่งออกไปหามือขวาคนสนิททันที
(กุญแจอยู่ในห้องพี่ ให้คนมาช่วยใส่เสื้อผ้าให้แคทนิส พี่กำลังไป)
(ป ปาลินกลัวคุณแคทนิสตายค่ะ ให้ปาลินพาไปโรงพยาบาลก่อนเลยมั้ยคะ)
(ไม่ต้อง...รีบไปตามคนมาใส่เสื้อผ้าให้แคทนิส) มาเฟียหนุ่มกดตัดสายทิ้งก่อนจะตะโกนเรียกมือขวา จากนั้นทั้งสองก็รีบขับรถบึ่งกลับคฤหาสน์ทันที
เมื่อมาถึงคฤหาสน์มาเฟียหนุ่มก็รีบขึ้นไปอุ้มหญิงสาวลงมาเพื่อที่จะพาไปโรงพยาบาลโดยมีเหล่าแม่บ้านแอบยืนมองกันอย่างตื่นตระหนก แคทนิสร่างกายอ่อนแรง ใบหน้าที่เคยมีเลือดฝาดแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด ริมฝีปากไร้สีชมพูอย่างที่เคย ราวกับคนที่ตายไปแล้วจริงๆ
“เธอไม่มีสิทธ์ตายแคทนิส” เบเนดิกกัดฟันพูดออกมาขณะที่อุ้มร่างหญิงสาววิ่งไปที่รถเพื่อไปยังโรงพยาบาลใกล้ๆ บ้านโดยมีปาลีนานั่งไปด้วย