“มึงยังเฮิร์ตเรื่องพี่พลอยอยู่หรือไงวะ” คำถามจากไอ้บาสทำให้ผมที่เพิ่งยกเหล้าหมดแก้วต้องเทเหล้าเพิ่มอีก ลืมไปเลยว่าตัวเองควร เฮิร์ตเรื่องพี่พลอย ไม่ใช่เอาแต่มาคิดเรื่องแมงมุม
“ทำใจว่ะ ผู้หญิงคนเดียวไม่ตายก็หาใหม่ได้ แกจะหาทีละสามสี่คนก็ได้”
“ถ้าเป็นคนอื่นมันก็คงทำใจได้ภายในวันเดียวแหละ นี่ดันเทมันไปคบกับพี่ชายตัวเอง”
“ไอ้ฟอนต์มึงก็อย่าย้ำมัน”
“มึงแหละเปิดประเด็น”
“พวกมึงหุบปากทั้งคู่แหละ” ผมบอกเพื่อนด้วยความรำคาญ แล้วก็ยกเหล้าอีกแก้วรวดเดียวหมด
“มึงดื่มคนเดียวจะหมดขวดแล้วนะ” ไอ้ฟอนต์แย่งขวดกับแก้วไป มันไม่ได้ห่วงอะไรผมนักหรอก คงอยากจะเผือกเรื่องผมมากกว่า
“ไหน เล่ามาสิ อะไรทำให้มึงดื่มเหล้าแทนน้ำแบบนี้” เห็นไหมล่ะ เดาผิดเสียที่ไหน
“กูก็ดื่มของกูแบบนี้ปกติ”
“เออ มึงจะดื่มปกติหรือไม่ปกติเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ไหนเล่าเรื่องมึงกับพี่พลอยให้พวกกูฟังซิ มันอะไรยังไง”
ผมทำหน้าเบื่อๆ แล้วก็เล่าในสิ่งที่พวกมันก็รู้อยู่แล้ว
“ก็ยังไงล่ะ พี่เขาเลือกหมอนั่น แบบต้องทำตามความต้องการของพ่อแม่ปู่ย่าตายายเขาอะไรเทือกนั้น”
พี่ชายต่างพ่อผม...ที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันนักแม้จะไม่เคยด่าหรือทะเลาะอะไรกันมากมายก็เถอะ แต่มันรู้สึก...ไม่อยากนับพี่นับน้อง ยอมรับเลยว่ามันเป็นปมในใจ
กีตาร์เป็นพี่ผมเจ็ดปี...เป็นหลานรักของปู่ย่า พอๆ กับที่แม่เขาที่เป็นสะใภ้คนโปรดแม้จะหย่าร้างกับพ่อเป็นยี่สิบกว่าปีแล้วก็ตาม มันเลยเป็นบรรยากาศในครอบครัวที่น่าอึดอัด ผมก็เลยพาลไม่อยากนับพี่นับน้องกับมันเท่าไร แต่ไม่ได้ชวนทะเลาะ ต่างคนต่างอยู่...แต่อะไรที่รู้สึกว่าจะสามารถเอาชนะมันได้ผมก็มักจะให้ความสนใจ
พี่พลอยเป็นหนึ่งในนั้น หลานสาวของเพื่อนคุณย่าที่แวะเวียนมาหาที่บ้านเพราะอยากให้คบหากันกับพี่ชายผม เธอสวยแบบที่ผมรู้สึกชอบได้ตั้งแต่เจอครั้งแรก ยิ่งคิดว่าเป็นคนของพี่ก็ยิ่งชอบ...แล้วก็เหมือนว่าอีกฝ่ายก็น่าจะชอบผมมากกว่า
แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายเพราะเธอฝืนความต้องการของผู้ใหญ่ไม่ได้หรือเธอหลอกให้ผมคิดไปเองตั้งแต่แรกกันแน่เรื่องมันถึงออกมาเป็นแบบนี้
ปีหน้า...เขาสองคนก็คงแต่งงานกัน
“ไม่ๆ กูหมายถึงมีอะไรอัปเดต” ไอ้บาสรีบถาม เหมือนยังไม่พอใจในคำตอบขอบผม
“อัปเดตอะไร”
“ก็ที่มึงบอกพวกกูรู้อยู่แล้ว แต่มึงก็ดูโอเคแล้วนี่ไอ้เบส แล้ววันนี้มึงเหมือนคนอกหัก...ไม่สิเหมือนคนแบกโลกไว้ทั้งโลกมากกว่า”
ผมน่าจะดื่มให้เรื่องนั้นไปสามวันสามคืนเพราะความโมโห เจ็บใจ ไม่ได้ดั่งใจ แต่ผ่านมาเดือนหนึ่งมันก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น
“หรือมึงคิดจะไปแย่งพี่เขากลับมาวะ” ไอ้ฟอนต์ถามอย่างหยั่งเชิง ดูเหมือนว่ามันไม่ค่อยจะสนับสนุนเท่าไร
“มึงคิดว่าไงล่ะ อีกเป็นปีกว่าเขาจะแต่งงานกัน”
“กูว่า...ถ้ามึงไม่ได้ชอบพี่เขาจนจะเป็นจะตายขนาดนั้นก็อย่าเลยว่ะ”
ผมไหวไหล่ ไม่ให้คำตอบพวกนั้นตรงๆ ผม...ไม่ได้เจอพี่พลอยมาเดือนกว่าแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าเจอกันจะมีความรู้สึกอยากแย่งเธอมาจากพี่ชายตัวเองแค่ไหน
“ตกลงมีอัปเดตแค่นี้...แต่ดูมึงหนักนะ” ไอ้ฟอนต์ยังไม่ปล่อยผมง่ายๆ ผมถอนหายใจ ตัดสินใจเล่าเรื่องแมงมุมให้ฟัง...ไม่เล่าตอนนี้ยังไงวันข้างหน้าพวกมันก็ต้องรู้อยู่แล้ว
“มันมีเรื่องน่าปวดหัวกว่านั้นอีกว่ะ” แน่นอนว่าตอนนี้สายตาทุกคนหันมามองผมเป็นจุดเดียว ไม่ใช่แค่ไอ้บาสกับไอ้ฟอนต์ แต่รวมไอ้ยีนส์ที่นั่งเงียบๆ มาตลอด
“แม่กู ไม่รู้กลัวกูเฮิร์ตหนักอะไรนักหนา...หาเมียให้กูเฉย” ผมใช้คำว่า “เมีย” น่าจะเข้าใจง่ายสำหรับพวกมันที่สุดแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกแปร่งๆ หูยังไงไม่รู้
“เฮ้ย ดีสิวะ มีเมีย” จากที่อึ้งกินในตอนแรกไอ้บาสกับไอ้ฟอนต์ก็ตบเข่าฉาด ยิ้มขำด้วยความชอบใจ ผมทำหน้าเซ็งๆ ใส่พวกมัน
“มึงคิดว่ากูอยากได้เหรอ แค่เมีย ถ้าจะมีจำเป็นต้องให้แม่หาให้”
“เออ กูเข้าใจแล้วทำไมมึงเซ็ง ว่าแต่แม่มึงไปหาเมียที่ไหนมาให้มึงวะ พวกกูรู้จักไหม”
“อืม” พอผมตอบแบบนั้นพวกมันก็ทำหน้านึก แต่แค่ไม่กี่วินาทีไอ้บาสกับไอ้ฟอนต์ก็ตาโตแล้วก็เปล่งเสียงออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน
“แมงมุม”
เบส ขนาดเพื่อนยังเดาถูกว่าเป็นแมงมุมอะคิดดู