บทที่ 1.2 - สายเลือดมาเฟีย (พี่ชายที่แสนดี)

1593 Words
“บ้าจริง” พราวน้ำฟ้าสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด ยืนมองจนกระทั่งรถคันหรูขับเคลื่อนพ้นคลองสายตา ผู้ชายร้ายกาจคนนั้นยึดอัฐิของพี่สาวสุดที่รักไปอย่างหน้าด้านๆ เธอไม่สามารถต่อกรอะไรได้เลย ยื้อแย่งได้ไม่เท่าไรบรรดาลูกน้องของเขาก็กรูเข้ามาล็อคแขน ทำให้ไม่กล้าคิดลองดี ยามวิกาลเช่นนี้คงไม่เหมาะนักหากจะทำห้าวหาญ อย่างไรเสียเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในบ้านคนเดียว จำต้องยอมให้เขาได้สิ่งมีค่าไป พราวน้ำฟ้านั่งคิดทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น มีหลากหลายคำถามที่ต้องการคำตอบจากบุคคลที่ล่วงลับ จึงเดินเข้าไปในห้องนอน ยืนมองรูปของพี่สาวที่วางตั้งอยู่บนหลังตู้หนังสือ หน้ากรอบรูปมีพวงมาลัยช่องามวางประดับอยู่บนพานสีเงิน พราวน้ำฟ้าจะนำพวงมาลัยมาเปลี่ยนให้หยาดน้ำค้างทุกวัน กลิ่นหอมชวนชื่นใจของดอกมะลิตลบอบอวลทั่วห้อง แววตาของหยาดน้ำค้างยังคงอ่อนโยนแม้ในวันนี้จะไม่มีสองมืออันอบอุ่นคอยอยู่เคียงข้าง พราวน้ำฟ้ามองรูปนั้นแน่นิ่ง ถ่ายทอดความกังวลผ่านนัยน์ตารวดร้าว “ผู้ชายคนนั้นเป็นพ่อของต้นน้ำใช่ไหมพี่” คำถามที่ไร้ซึ่งคนตอบช่างเจ็บปวดเหลือเกิน พราวน้ำฟ้ากลืนก้อนแข็งๆ ลงลำคออย่างยากลำบาก รู้โดยสัญชาตญาณว่าการเลี้ยงบุตรชายเพียงคนเดียวของพี่สาวร่วมสายเลือดจะไม่ง่ายอีกต่อไป “พี่น้ำค้างต้องช่วยพราวนะ อย่าให้ผู้ชายคนนั้นเข้ามายุ่งกับเราได้อีก พราวจะยอมเขาแค่เรื่องเถ้ากระดูกของพี่เท่านั้น แต่เรื่องอื่นพราวไม่ยอม!” ประโยคสุดท้ายหนักแน่นในอารมณ์ ต้องการสื่อให้วิญญาณของพี่สาวรับรู้ว่าไม่ต้องการให้ผู้ชายคนนั้นเข้ามามีบทบาทในชีวิต ยิ่งนึกถึงสายตาที่เขามองรูปหยาดน้ำค้างและต้นน้ำผ่านภาพถ่าย หัวใจของ พราวน้ำฟ้าสั่นไหว กลัวเหลือเกินว่าผู้ชายคนนั้นจะเคลือบแคลงสงสัย ด้วยว่าต้นน้ำมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงเขามากเหลือเกิน ซึ่งความจริงข้อนี้ไม่อาจหลีกหนีหรือปกปิดได้ ถ้าเกิดผู้ชายคนนั้นอยากรู้หรืออยากพิสูจน์ขึ้นมา เธอจะทำเช่นไร? ริคคาโดเปิดประตูห้องนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง เขามองโกศบรรจุอัฐิของหยาดน้ำค้างแน่นิ่ง ดวงตาวูบไหว ปวดร้าวกลางอกจนแทบหายใจไม่ออก ความตายของหยาดน้ำค้างในวันนี้กับความตายของหยาดน้ำค้างเมื่อห้าปีก่อนช่างแตกต่างโดยสิ้นเชิง เขารู้สึกทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็นเมื่อความหวังสุดท้ายถูกปิดตายลงอีกครั้ง ความหวังที่จะได้พบหน้าหญิงสาวอันเป็นที่รัก ความหวังที่จะได้พาเธอกลับมาอยู่เคียงข้างกัน มันจบลงแล้ว… แสงสว่างเดียวในชีวิตของเขาไม่มีเหลืออีกต่อไป ริคคาโดทิ้งตัวนอนราบกับเตียงทั้งๆ ที่ในมือยังกอดโกศบรรจุอัฐิของหยาดน้ำค้างเอาไว้ น้ำตาลูกผู้ชายรินไหลออกจากหางตาเปียกลงบนหมอน ไม่เหลือมาดของความเป็นเสือร้ายแห่งอิตาลี ถ้าพวกศัตรูได้มาเห็นเขาในสภาพนี้ พวกมันคงหัวเราะเยาะกันน่าดู ริคคาโดยิ้มรับความโชคร้ายด้วยหัวใจที่แตกสลาย พระเจ้าคงกำลังลงโทษคนบาปอย่างเขา ท่านคงเล็งเห็นว่าเขาไม่คู่ควรกับหยาดน้ำค้างถึงได้พรากเธอไปจากชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า “น้ำค้าง” ริคคาโดเหม่อลอย ภาพของหยาดน้ำค้างยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เขายื่นมือออกไปตรงหน้าหมายจะคว้าร่างงามมาสวมกอด แต่สุดท้ายก็คว้าได้เพียงความว่างเปล่า ไม่มีอีกแล้วผู้หญิงที่มอบรอยยิ้มสดใส ไม่มีอีกแล้วคนที่คอยปลอบใจในยามที่เขาล้มและหมดแรงจะต่อสู้กับเรื่องราวเลวร้าย ไม่มีอีกแล้วน้ำเสียงอ่อนหวานที่คอยกระซิบข้างหู ไม่มีอีกแล้ว… “ไม่มี ฮึก ไม่มีเธอแล้วจริงๆ” พราวน้ำฟ้าตื่นนอนแต่เช้าตรู่ลงมาเตรียมกับข้าวใส่บาตรก่อนออกไปทำงาน เธอทำเช่นนี้ทุกวันจนติดเป็นนิสัย เมื่อใส่บาตรเสร็จสิ้นก็กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับหยาดน้ำค้าง หวังเพียงแรงบุญช่วยส่งผลให้พี่สาวผู้ล่วงลับได้ไปอยู่ในที่ๆ สงบ ไม่ทนทุกข์ทรมานตามความเชื่อ “แม่จ๋า! ต้นน้ำกลับมาแล้ว” พราวน้ำฟ้าหันไปมองก็พบเด็กน้อยวัยห้าขวบสวมเสื้อยืดสีขาวพร้อมด้วยกางเกงยีนส์ตัวเก่งยิ้มแฉ่งวิ่งตรงมาที่เธอ หนูน้อยผู้มากับรอยยิ้มไร้เดียงสาสวมกอดพราวน้ำฟ้าด้วยความคิดถึง ทั้งสองหอมแก้มกันไปมา ช่างเป็นภาพน่ารักน่ามองสำหรับชายหนุ่มที่เดินตามเข้ามาติดๆ “น้องต้นน้ำ แม่จ๋าคิดถึงจังเลย” “ต้นน้ำก็คิดถึงแม่จ๋าครับ” แค่ได้ยินลูกบอกว่าคิดถึง พราวน้ำฟ้าก็ตื้นตันจนน้ำตาไหล “อะไรกันพราว ลูกพูดแค่นี้ก็ร้องไห้เลยเหรอ” พอล พี่ชายคนสนิทที่รู้จักกันมานานถึงสิบปีเอ่ยแซว พราวน้ำฟ้ารีบปาดน้ำตาหัวเราะแก้เก้อ “เสียดายจัง ต้นน้ำมาไม่ทันแม่จ๋ากรวดน้ำเลย” ทุกเช้าน้องต้นน้ำจะตื่นมาใส่บาตรกรวดน้ำร่วมกับพราวน้ำฟ้า พอหัวค่ำก็พากันสวดมนต์ก่อนเข้านอน ทำเช่นนี้จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ด้วยว่าพราวน้ำฟ้าต้องการปลูกฝังให้บุตรชายวัยห้าขวบได้ซึมซับกับวัฒนธรรมทางศาสนา ใช้ธรรมมะเป็นตัวช่วยในการเลี้ยงดู สอนให้เขารู้จักบาปบุญคุณโทษ เพื่อที่อนาคตจะได้มีสติในการดำรงชีวิต “แม่จ๋ากำลังจะไปทำงานใช่ไหมครับ” “ใช่ครับ” สีหน้าของหนูน้อยเศร้าลงถนัดตา พราวน้ำฟ้าเงยหน้ามองพอลที่สละเวลาพาน้องต้นน้ำไปเที่ยวบ้านที่ต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เพราะพอลรู้ว่าเธอมีงานด่วนที่ต้องเร่งทำจึงกลับบ้านดึกทุกคืน “ต้นน้ำอยากไปเที่ยว เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้ว” คำพูดที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกบาดลึกหัวใจคนฟัง พราวน้ำฟ้าดึงร่างของหลานชายวัยห้าขวบมาสวมกอดอีกครั้ง “แม่รู้… แต่ช่วงนี้แม่จ๋ามีงานต้องทำเยอะแยะเลย ไว้ถ้าแม่จ๋าทำงานเสร็จเมื่อไร แม่จ๋าจะพาต้นน้ำไปเที่ยวทะเลดีไหมครับ” พราวน้ำฟ้าพยายามหลอกล่อไปก่อน ตอนนี้งานรัดตัวจนแทบไม่มีเวลากระดิกไปไหน แต่ถ้าไม่พูดเช่นนี้น้องต้นน้ำก็อาจงอแงถึงขั้นร้องไห้ได้ “จริงนะครับ” พอรู้ว่าจะได้ไปเที่ยวทะเล แววตาของหนูน้อยไร้เดียงสาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที “จริงสิ แม่จ๋าให้สัญญา” คำสัญญาของพราวน้ำฟ้าเชื่อถือได้เสมอ เธอไม่เคยละเลยหน้าที่ของความเป็นแม่ ความดีงามตรงส่วนนี้ทำให้พอลรู้สึกชื่นชมและมองเธอเป็นผู้หญิงที่มีคุณค่าเสมอมา “สวยจ๊ะ พาต้นน้ำไปทีจ้ะ” พราวน้ำฟ้าเรียกให้พี่เลี้ยงมารับน้องต้นน้ำเข้าบ้าน หนูน้อยไม่งอแงเวลาอยู่กับสวย เพราะว่าสวยทำงานอยู่ที่นี่มานาน ตั้งแต่ตอนที่หยาดน้ำค้างยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นความสัมพันธ์ของสวยกับน้องต้นน้ำจึงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง “ขอบคุณพี่พอลมากนะคะที่ช่วยดูแลต้นน้ำแทนพราวตั้งสามวัน” เมื่อมองจนกระทั่งร่างของเด็กน้อยลับสายตาแล้ว พราวน้ำฟ้าก็ไม่ลืมหันกลับมาขอบคุณพอล “ไม่เห็นต้องขอบคุณเลยพราว พี่เองก็เอ็นดูต้นน้ำเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง พี่ยินดี” สำหรับพราวน้ำฟ้า ให้ทำมากกว่านี้เขาก็พร้อมเสมอ “แล้วคืนนี้กลับบ้านดึกอีกหรือเปล่า” “ไม่แล้วพี่ พราวเคลียร์งานไปได้มากกว่าครึ่งแล้ว เหลือแค่เก็บรายละเอียดนิดๆ หน่อยๆ ก็จะเอามาทำต่อที่บ้าน” “ดีแล้ว” พอลพยักหน้าโล่งอก เวลาพราวน้ำฟ้ากลับบ้านดึกดื่นทีไรเขาไม่สบายใจทุกที อดเป็นห่วงไม่ได้ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พี่กลับบ้านก่อนนะ” ใจลึกๆ พอลอยากอาสาไปส่งพราวน้ำฟ้าที่บริษัทฯ แต่รู้ดีว่าสาวเจ้าคงปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง เขาจึงไม่กล้าเอ่ยปากชวน ไม่อยากหน้าแตกเหมือนที่แล้วๆ มา “เดี๋ยวค่ะพี่พอล” พอลชะงักมือที่กำลังเปิดประตูรถหันมองคนเรียก พราวน้ำฟ้ากัดริมฝีปากราวกับชั่งใจอะไรบางอย่าง สีหน้าแววตาดูกังวลเห็นได้ชัด “ครับ?” “วันนี้พี่ไปส่งพราวที่บริษัทฯ ได้ไหมคะ” พราวน้ำฟ้าเอ่ยในสิ่งที่พอลอยากจะฟังมาตลอดหลายปี คนถูกไหว้วานดีใจจนเนื้อเต้น แทบเก็บอาการไม่อยู่ “ได้สิครับ” แน่นอนว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธ “เชิญครับ” พอลรีบเปิดประตูเชิญหญิงสาวขึ้นรถ ขณะเดินอ้อมมายังฝั่งคนขับเขาก็ยิ้มแย้มไม่หุบ หารู้ไม่ว่าที่พราวน้ำฟ้ายอมขึ้นรถมาด้วยเป็นเพราะต้องการคำปรึกษาเรื่องสำคัญ ไม่ได้มีจิตพิศวาสหรือความรู้สึกใดๆ แอบแฝง เพราะถึงอย่างไร พอลก็เป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีของพราวน้ำฟ้า ไม่มีทางได้เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นอย่างอื่นแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD