บทนำ
หลังจากใช้ชีวิตเร่ร่อนกับน้องชายฝาแฝดเพียงลำพังเป็นระยะเวลาเนิ่นนานกว่า5ปีเต็มๆ ตอนนี้ฉันกำลังนั่งมองหน้าน้องชายที่กำลังตักข้าวคำโตๆ เข้าปากเพื่อดับความหิวโหยจากการอดอาหารเกือบหนึ่งวัน ซึ่งฉันก็หิวเหมือนกัน แต่ทำได้เพียงมองเขากินข้าวอยู่ตรงหน้าเท่านั้น ในเมื่อเงินที่มีอยู่ในตอนนี้สามารถซื้อข้าวได้เพียงจานเดียวเท่านั้น
เอาตามตรงเลยนะ จริงๆ เราสองคนก็มีบ้านอยู่นั้นแหละ แต่เป็นเพราะความหยิ่งยโสโอหังของฉันเองที่ลากน้องชายออกมาลำบากด้วย เพียงเพราะต้องการเอาชนะผู้พันฯ อย่างเดียว
ผู้พันฯ ต้องการให้ฉันและน้องชายเรียนสายอาชีพ แต่ฉันและน้องไม่ต้องการแบบนั้น! ผู้พันฯ เลยไม่ส่งเสียเราสองคนตั้งแต่อายุ 15 เป็นต้นมา และเป็นวันเดียวกันกับที่ฉันออกจากบ้านมาพร้อมกับน้องชายเพื่อตามรอยเท้าของพี่ชายอีกคนที่ถูกผู้พันฯ ไล่ออกจากบ้านไปก่อนหน้านี้แล้ว เหตุผลอะไรนั่นก็คล้ายๆ กัน และฉันก็ไม่อยากจะพูดให้มันมากความ รำคาญ!!
ปัจจุบันเราสองคนอายุใกล้จะ 20 ปีบริบูรณ์ และไม่เคยที่จะคิดติดต่อกับผู้พันฯ คนนั้นตั้งแต่ก้าวขาออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว เพราะฉันคิดว่ามันไม่จำเป็นด้วยซ้ำที่ต้องคอยรายงานกับคนพันนั้น!
ฉันไม่คิดเลยว่าพ่อแท้ๆ จะใจดำกับลูกๆ ทั้งสามได้อย่างลงคอ ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา ผู้พันฯ ไม่เคยออกตามหาพวกเราเลยแม้แต่สักวันเดียว
ตลอดชีวิตของเขา เขาทุ่มเทให้กับงานจนวันที่แม่พวกเราเสีย ฉันไม่เคยเห็นเขาเหยียบเท้าเข้ามาในงานศพเลยแม้แต่วินาทีเดียวก็ตาม และที่สำคัญ ฉันไม่เคยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเฮียนที พี่ชายแท้ๆ ของเราสองคนอีกเลย
อยู่ๆ จานข้าวมันไก่ก็มันหยุดอยู่ตรงหน้าฉันด้วยน้ำมือของ 'น้ำ' น้องชายฝาแฝด ซึ่งเขาแบ่งข้าวให้ฉันครึ่งนึงโดยไม่แตะต้องเพียงนิดเดียว
"หยุดทำตัวแข็งแกร่งต่อหน้าพี่ชายคนนี้ได้แล้วนะเอวา"
เอวาคือชื่อของฉัน น้ำเป็นน้องชายฝาแฝดของฉันแต่เขาไม่เคยเรียกฉันว่าพี่เลยสักครั้งตั้งแต่จำความได้ เพียงเพราะว่าฉันเกิดก่อนเขาประมาณ3นาที มันเลยทำให้เขาหาข้ออ้างไม่เรียกฉันว่าพี่ เพียงเพราะฉันลืมโตดูโลกก่อนแค่3นาทีเท่านั้น
ข้ออ้างช่างลึกซึ่งเหลือเกิน แต่มันจะชอบแทนตัวเองว่าพี่กับฉันอยู่เรื่อย! ไม่รู้ทำไม! มันชอบยัดเยียดให้ฉันเป็นน้องสาวของมันตลอด
"ให้มันน้อยๆ หน่อย เดี๋ยวจะโดนโบกหัวทิ่ม! " ฉันชี้หน้ามันอย่างเชิงหยอกล้อ เพราะฉันไม่ถือสามันอยู่แล้ว ในเมื่อมันเป็นน้องฉันนิ ฉันย่อมไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า
"โด่! คิดว่ากลัวเหรอ โอ๊ย!! " น้ำเล่นหูเล่นตาจนอดทำมือลั่นใส่กลางกบาลไม่ได้ เล่นเอาเจ้าตัวน้ำตาตกในเลย ฝ่ามือฉันไม่ใช่เบาๆ นะจะบอกให้!
ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาทำให้คนอย่างฉันเลวขึ้นมากเลยรู้ไว้ด้วย ตลอดระยะ5ปีที่ผ่านมา ชีวิตของฉันเข้าไปยุ่ง เข้าไปมั่วพัวพันกับพวกผู้คนต่างๆ มากมาย ไม่เว้นแม้กระทั่งสิ่งที่ผิดกฎหมาย ฉันเข้าไปยุ่งเฉพาะผู้คนเท่านั้น สิ่งอบายมุขต่างๆ ฉันไม่เคยแตะต้องเพราะกลัวว่ามันจะกระทบกระเทือนถึงตำแหน่งของผู้พันฯ ได้
เหอะ! ให้ตายเถอะ! ฉันไม่น่าคิดถึงและห่วงเขาคนนั้นเลย!
และมันทำให้ฉันรับรู้หลายๆ อย่างในชีวิตว่ามันไม่ง่ายเลยในสังคมปัจจุบัน ผู้คนมากมายหลายตาย่อมเชื่อใจไม่ดีทั้งนั้น ฉันเจอมาเยอะกว่าบางคนที่มีวุฒิภาวะมากกว่าฉันด้วยซ้ำ ทั้งต่อหน้าดี ลับหลังอีกอย่าง ทั้งเลวต่อหน้า และเลวเสมอต้นเสมอปลาย ฉันเจอมาเกือบทุกรูปแบบ ดังนั้นประสบการณ์ทั้งหลายแหล่ในชีวิตมันทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น
"ไงล่ะ! เจอโบกพระฝ่ามือเข้าไป จอดเลยดิไอ้น้อง! " ฉันหัวเราะเยาะเมื่อเห็นคนตรงหน้ามีน้ำตาซึมขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะผลักจานข้าวกลับคืนไป "ไม่หิว กินไปเถอะ" แต่ในใจหิวแทบบ้า มองจานด้วยสายตาละห้อย
ฟุ่บ!
น้ำมันลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะขยุ้มผมฉันเบาๆ แล้วคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วล้วงของในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาซึ่งมันเป็นธนบัตรสีแดงปรากฏอยู่ตรงหน้า
"เดี๋ยวเลี้ยงเอง ช่วงนี้รวย" มันโบกธนบัตรสีแดงแทบประชิดหน้าฉันอย่างกวนเบื้องล่างก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปจากร้านทันที
ไอ้น้องเวรนี่!!! มีเงินแล้วไม่บอกสักคำ ปล่อยให้ฉันนั่งอดทนอดกลั้นจนน้ำย่อยในกระเพาะจะย่อยตัวเองอยู่แล้ว
ฉันลากจานข้าวกลับมาที่เดิมก่อนจะโกยมันเข้าปากเพียงไม่กี่อึดใจก็หมดจานแล้ว ก่อนจะดื่มน้ำตามสองแก้มเต็มๆ
ประหยัดให้สุด แล้วหยุดที่โรงพยาบาล (เป็นโรคกระเพาะ) ฉันใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินแล้วออกจากร้านไป
"มีเงินแล้วไม่บอกเหรอ! " ฉันกระโดดถีบน้องชายตัวแสบที่กำลังยืนรับลมหน้าร้านค้าด้วยความหมั่นไส้พร้อมกับทึ้งหัวมันไปมาจนพอใจ ไม่ว่าฉันจะประทุษร้ายเขาสักแค่ไหน น้ำมันก็ไม่เคยตีฉันกลับเลยสักครั้งนะ เป็นน้องชายที่เยี่ยมจริงๆ "เอาเงินมาจากไหนวะ! " ก่อนจะถามในสิ่งที่อยากรู้
"เหอะน่า! อย่าไปรู้ให้มากความเลย ไม่พูดเยอะ เจ็บคอ" ไม่พูดเปล่าจับคอตัวเองอีกด้วย มันน่ากระชากไส้มันออกมาตากแดดสักวันสองวันนะ
"เดี๋ยวจะเจ็บไปทั้งตัว ถ้าไม่บอกว่าเงินมาจากไหน! " ที่ฉันอยากรู้ก็เพราะว่าทุกวันนี้หน้าที่ของฉันคือหาเงินเพื่อเอามาให้มันใช้จ่ายในการเรียนหนังสือ ตอนนี้มันก็อยู่ปีสองแล้ว ฉันยอมสละทุกอย่างเพื่อให้มันเรียนคนเดียว ปรบมือสิรออะไร เหนื่อยตัวแทบขาด แต่ดีหน่อยที่มันเรียนดี! ไม่เสียแรงที่ส่งเสียมัน
"บนถนน" น้ำตอบหน้าตายก่อนจะเดินตามท้องถนนซึ่งมีฉันเดินอยู่ข้างๆ "ไม่รู้ใครทำตกไว้ เลยเก็บมา"
"เออ! " ฉันมองหน้ามันก่อนจะกระชากคอมันแล้วตีหัวรัวๆ ด้วยความมันเขี้ยว "อย่าให้รู้นะว่าเงินนี้ได้มาจากสิ่งไม่ได้ ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่ ไอ้น้องชาย! "
"เหอะน่า! " น้ำเซ็ตผมตัวเองที่ยุ่งเหยิงด้วยน้ำมือของฉันอย่างลวกๆ "ไปก่อนนะ แล้วเจอกัน" ก่อนจะโบกมือลาเพื่อข้ามไปยังถนนอีกฝากหนึ่ง
ร่างสูงยาววิ่งข้ามถนนไปอย่างทะมัดทะแมง ฉันมองแผ่นหลังกว้างของน้องชายจนละสายตาไปก่อนจะเดินไปตามทางของฉันแทน
ปัจจุบันฉันอาศัยอยู่ในห้องเช่าเท่ารังหนูเล็กๆ ราคาไม่แรงมากจนเกินไป สามารถอยู่ได้หนึ่งคนเท่านั้น ถ้าสองคนจะอึดอัดมาก ดังนั้น น้องชายของฉันเลยอาศัยอยู่กับเพื่อนที่เรียนมหาลัยเดียวกัน
โชคดีหน่อยที่เพื่อนมันใจดีและไม่คิดค่าใช้จ่ายให้ฉันหางานทำเพิ่ม เพื่อเอามาใช้จ่ายค่าห้องพักอีกหลายบาท ต้องขอบคุณเพื่อนมันนะ ที่คอยดูแลมันแทนฉันอ่ะ
เฮ้อ! เมื่อไหร่จะหายเหนื่อยสักทีนะ ต้องขยันสักแค่ไหนวะถึงจะพอ ถึงจะอยู่อย่างสุขสบาย แค่นี้เลือดแทบกระเด็นหมดตัวอยู่แล้ว แต่อย่างว่า...ในเมื่อคิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็ง ไม่ยอมคนเป็นพ่อแล้ว แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก!
ฉันจะทำให้ผู้พันฯ เห็นว่าฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งเขา ฉัน-ต้อง-ทำ-ได้!! ในเมื่อตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้แล้ว จะไม่หันกลับไปมองอดีตโดยเด็ดขาด!