R : อรุณสวัสดิ์ครับ
อันที่จริงไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ส่งข้อความมาทักทาย แต่นีร หรือ*ซีนีน เลือกที่จะเปิดอ่านของเขาก่อนคนอื่น และส่งคำเดียวกันกลับไป เขาตอบกลับมาทันที ราวกับว่างคุยกับเธอตลอด
R : ตื่นเช้าจัง ทำงานเหรอครับ
N : ใช่ค่ะ
R : ทำงานอะไรครับ
น่าแปลกที่เขาเลือกที่จะถามอาชีพมากกว่าถามชื่อ หญิงสาวหย่อนคิ้วเล็กน้อย ก่อนหลุดขำ
N : เป็นบาริสต้าค่ะ
R :หืมมมม จะมีคนชงกาแฟให้กินแล้ว
“แอะ..”
เธอส่ายหน้าให้กับข้อความของเขา หญิงสาวไม่เข้าใจประโยคที่เขาพิมพ์กลับมาแบบเจาะลึก เพราะคิดว่าใครที่เป็นลูกค้าก็มักจะต้องได้กินกาแฟฝีมือเธออยู่แล้ว แล้วเขาคนนี้มาเพ้อเจ้ออะไร
เธอไม่ได้ตอบกลับ เลือกที่จะปิดหน้าจออีกครั้งเพื่อรับลูกค้า อีกนัยยะการจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มากจนเกินไป เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ นอกจากกล้องวงจรปิดจะจับจ้อง ก็เหมือนไม่เกรงใจเพื่อนร่วมงานด้วย
เธอรอให้ถึงเวลาพักกลางวัน ถึงจะจับโทรศัพท์อีกครั้ง ข้อความของเขาจึงแจ้งเตือนคาหน้าจออยู่สามชั่วโมงก่อน
R : ร้านอยู่ที่ไหนครับ
นีรยิ้มมุมปาก เธอไม่ตอบแต่เลือกที่จะถามเขากลับแทน
N : คุณทำงานอะไรคะ เป็นหมอ?
เพราะเห็นรูปหนึ่งของเขาสวมเสื้อกาวน์ ใส่แว่นกรองแสง และข้างหลังมีฉาก กับบางรูปสวมสูท ที่มีสัญลักษณ์ของชื่อโรงพยาบาล ซึ่งเป็นของเอกชน
ที่พอมาเทียบกับอาชีพของตัวเองแล้ว ถึงกับจะร้องไห้
ไม่ได้เอารูปคนอื่นมาจริงๆใช่ไหม!
ในหัวนีรยังคงคิดเช่นเดิม
R : เปล่าครับ เป็นแค่เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล
N : แล้วต่างกันตรงไหน
R : ต่างตรงที่พี่รักษาใครไม่ได้
พี่?
เธอชะงัก ถึงกับต้องย้อนไปดูรูปโปรไฟล์ของเขาเป็นครั้งที่สาม
“เอ้อ แลดูจะเป็นรุ่นพี่จริงๆแฮะ”
เขาไม่ได้แก่หรอก แต่เธอน่ะยังไงก็เด็กกว่า
N : อยู่ในโรงพยาบาลก็คือหมอหมดแหละ สำหรับหนูนะ
หนู?
ฮะ! นี่เราพิมพ์คำว่าหนูลงไป?
นีรขบริมฝีปาก ใบหน้าร้อนฉ่าเพราะเขินอาย ก้มมองแชทที่ขึ้นเป็นไข่ปลา บ่งบอกว่าอีกฝั่งกำลังพิมพ์อยู่ มือขวาถือช้อนค้าง
R : ครับ
ตกลงไม่คิดจะถามชื่อจริงๆใช่ไหมเนี่ย
หญิงสาวถอนหายใจพรืด กดออกจากแอพพลิเคชั่นนั้นไปดูอย่างอื่น และเขียนนิยายต่อ ไม่สนใจเขาอีก
หมดเวลาพักกลางวัน โทรศัพท์ถูกเมินเหมือนเดิมในเวลางานครึ่งหลัง หญิงสาวจดจ่ออยู่กับการรับออเดอร์ในบริบทแคชเชียร์
“หน้าบึ้งเป็นตูดเลย ลูกค้าเยอะเหรอ”
ลูกค้าคนหนึ่งชิงถาม ไม่ทันที่จะเอ่ยคำว่าสวัสดีก่อนด้วยซ้ำ เธออ้าปากค้าง ถ้าจำไม่ผิดลูกค้าคนนี้คือลูกค้าประจำที่ชอบสั่ง คาปูชิโน่เย็นเพิ่มหวาน
“คะ?”
“ยิ้มหน่อยสิ”
“ยิ้มอยู่ค่ะ แต่ลูกค้าคงไม่เห็น”
เธอย้อน
“อ่อ จะบอกว่าติดแมส ยิ้มหรือไม่ยิ้มดูที่แววตาก็รู้แล้ว”
“อ้อ” สาวเจ้าเลิกคิ้วสูง ก่อนจะฉีกยิ้มให้กว้างที่สุดเท่าที่กว้างได้ “เห็นยังคะ”
คนตรงหน้าถึงกับหัวเราะร่วนตัวงอเป็นกุ้ง นีรเหลือบมองผ่านเขาไปด้านหลัง เมื่อเห็นลูกค้าคนอื่นเริ่มเข้ามาต่อแถว จึงทำหน้าจริงจังขึ้น
“แฮ่ม! รับอะไรดีคะ”
“เหมือนเดิมครับ”
“สตรอเบอรี่ปั่นนะคะ”
“เฮ้ย”
“ล้อเล่นค่ะ รับขนมทานเพิ่มไหมคะ”
“อยากกินอะไรไหมครับ?”
“ลูกค้าจะซื้อให้เหรอคะ?”
“ครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเพิ่งจะทานข้าวไป ขอบคุณค่ะ”
“ถ้ายังไม่ทานข้าว ก็อาจจะกินใช่ไหมครับ”
“ค่ะ อาจจะ..”
“งั้นไว้โอกาสหน้านะ”
ใจหญิงสาวกระตุกเล็กน้อย เมื่อน้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไป
“หกสิบบาทค่ะ ลูกค้าชำระแบบไหนคะ”
“สแกนจ่ายครับ”
และเริ่มก้มหน้า หลุบตาต่ำก็ตอนที่เห็นแววตาของเขา จังหวะช้อนตามอง
“เรียบร้อยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
มาสะดุ้งอีกทีจังหวะที่ยื่นใบเสร็จให้ ปลายนิ้วมือของคนทั้งสองเกิดสัมผัสกัน อีกทั้งหางตาเห็นว่าเขาแอบมองอยู่ก็ยิ่งประหม่ามากขึ้น พฤติกรรมนั้นของเขาทำให้เธอเลือกที่จะปฏิบัติ หลีกเลี่ยงการเรียกคิวพร้อมส่งออเดอร์ของเขา แต่ผลักภาระนี้ให้พนักงานคนอื่นทำหน้าที่แทน
หลังเลิกงานประจำ
เวลา 19.15 นาที
“นีร ...”
“ค่ะป้า”
“อาทิตย์หน้าป้าไม่อยู่ทั้งอาทิตย์นะ”
มือข้างขวากำลังจับเตารีดอยู่ชะงัก ในหัวมีตัวเลขของเงินจำนวนที่หายไป เธอกลั้นหายใจอยู่พัก ก่อนค่อยๆพ่นมันออกมาเบาๆ เป็นการระบายอารมณ์ ทั้งที่ในหัวเต็มไปด้วยเสียงสอดแทรกของคำถาม เกี่ยวกับวิธีการหาเงินจำนวนที่หายไปมาชดเชย กลับเลือกที่จะยิ้มมุมปาก จังหวะเงยหน้าขึ้นมาให้ป้าแทน
“ได้ค่ะ ไปเที่ยวเหรอคะป้า”
“ใช่ ลูกชายจะพาไปเชียงใหม่”
“ดีจัง ป้าจะได้พักผ่อน”
แล้วฉีกยิ้มกว้าง
“ไปกับป้าไหม ลางานได้หรือเปล่า”
มือข้างเดิมชะงักอีกครั้ง ส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่ได้หรอกป้า หลายวันขนาดนั้น”
“เหรอ? งานบริการอะเนอะ ป้าเข้าใจ แต่หาเวลาไปบ้างก็ดีนะ พักร่างกาย เรายังเป็นวัยรุ่น ยังมีแรงเที่ยว ป้านี่สิสังขารไม่ให้ แต่อยากเที่ยวเหมือนเขา ฮ่าๆๆ ลูกสาวบอกไม่เจียมตัว ม๊าปวดหลังอยู่ โดนมันดุอีก”
ป้าพันจีบปากจีบคอ ทำหน้าบึ้งตึงตอนพูดถึงลูกสาว ต่างกับแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก นีรเอียงคอยิ้ม ก่อนหลุดขำภายหลัง
พี่มิลินน่ะนะ?
“อย่างป้าเนี่ยนะ โห เมื่อวานหนูเห็นป้ายกตะกร้าผ้าหนักสิบกิโลเดินตัวปลิวเชียว”
“เออ ก็เลยปวดหลังอยู่นี่ไง”
“อ้าวเหรอ ฮ่าๆๆ ป้าอะ”
ทั้งคู่พากันหัวเราะลั่นบ้าน ขณะเดียวกันป้าพันวางงานในมือแล้วเดินมาหา ทันทีที่ยื่นเงินให้ และนีรเห็นจำนวนเงินนั้น เธอถึงกับนิ่ง
“ป้า..”
“ป้ารู้นะ ไอ้ลินมันเล่าให้ป้าฟัง อีกอย่างป้าเองก็ชอบนะกับเด็กขยัน ป้าเชื่อนีรไม่ทิ้งป้าไปเหมือนคนก่อนๆหรอก ป้าเชื่อใจ”
เธอก้มลงมองเงินในมือที่ถูกยัดมา แล้วกำไว้แน่น เดาจากสายตาไม่ต่ำกว่าสองพัน แน่นอนเมื่อเทียบกับหนึ่งอาทิตย์ที่ขาดรายได้แล้ว เท่ากันพอดี
“ป้า...”
“อะไรอีก”
ป้าพันเห็นนีรทำหน้าจะร้องไห้ จึงขมวดคิ้วแกล้งทำเป็นไม่พอใจ ก่อนสะบัดมือเชิงไล่ให้ทำงานต่อ เพราะแกเองก็มีงานล้นมือ
“ขอบคุณนะคะป้า”
“เอาน่ะ ช่วยกัน ถือว่าค่าจ้างล่วงหน้า”
ป้าพันพยักหน้า เตรียมตัวจะออกเดิน แต่อึดใจเดียวกลับหยุดแล้วหันมาใหม่
“เออนี่ ไปกินข้าวสิ ป้าแกงปูไว้ในครัวแน่ะ ถ้าไม่พอก็ทอดไข่เอานะ กินก่อนค่อยมารีดต่อ กลับไปจะได้ไม่ต้องไปหาอะไรกินอีกไง มันดึก เสียเวลานอน”
ทันทีที่ป้าแกพูดจบ นีร หรือซีนีน จากที่แค่สีหน้าละห้อยในตาแดงก่ำ ตอนนี้น้ำตาซึมเรียบร้อยแล้ว