เวลา 05.30 น.
เสียงไก่แจ้ขันเจื้อยแจ้วประสานกับเสียงคลื่นวิทยุ AM ที่กำลังเปิดเพลงลูกทุ่งจังหวะสามช่าดังกระหึ่ม ปลุกทุกสรรพสิ่งบนเกาะธาราให้ตื่นมารับเช้าวันใหม่... ยกเว้นแต่ก้อนกลมๆ ที่ยังคงขดตัวอยู่บนฟูกของคุณชายภาคิน อัศวเมธา
ภายในมุ้งสีหม่นหลังเก่า เขายังคงหลับสนิทชนิดที่ต่อให้ระเบิดลงกลางอู่ก็คงไม่ตื่น ใบหน้าหล่อเหลาที่ปกติจะเคร่งขรึมและหยิ่งผยองจนพนักงานในบริษัทยำเกรง ตอนนี้กลับซุกไซ้อยู่กับ 'หมอนข้าง' ที่ทั้งอุ่น ทั้งแน่น และแข็งแกร่งยิ่งกว่าหมอนยางพาราเกรดพรีเมียมที่ห้องนอนของเขาซะอีก
ท่อนขาแกร่งก่ายทับหมอนข้างที่กอดอยู่เต็มแรง แถมเขายังถูไถใบหน้าไปกับความอบอุ่นนั้นอย่างสบายอารมณ์
"อือ... หมอนข้างรุ่นนี้แข็งไปหน่อย... แต่ก็อุ่นดีแฮะ..." ภาคินละเมอพึมพำ มุมปากยกยิ้มด้วยความพอใจ
"อุ่นบ้าอะไร หนักจะตายชัก"
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือหัว พร้อมกับแรงดีดที่หน้าผากดัง เปาะ!
"โอ๊ย!"
ภาคินสะดุ้งตื่นเต็มตา เขารีบยกมือขึ้นกุมหน้าผากด้วยความเจ็บปวด "ใคร! ใครกล้าลอบสังหารฉัน!"
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา ก็พบกับแผงอกสีแทนเปลือยเปล่าที่ห่างจากปลายจมูกของเขาไปเพียงคืบเดียว ภาคินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สบเข้ากับสายตานิ่งๆ ของตะวัน ซึ่งกำลังก้มมองดูสภาพการนอนอันน่าอนาถของเขาอยู่
"ตื่นได้แล้วคุณชาย จะกอดไปถึงไหน? หรือเปลี่ยนใจ อยากจะจ่ายค่าเช่าด้วยร่างกายแทน?"
"เฮ้ย!" ภาคินตาถลน รีบดีดตัวผละออกจากอกตะวันจนกลิ้งหลุนๆ ไปชนมุ้ง
"ใครกอด! ฉันเปล่า! นายต่างหากที่มานอนเบียดฉัน!" ภาคินโวยวายแก้เก้อ เมื่อรู้ว่าตัวเองเอาขาไปก่ายเอวสอบของอีกฝ่าย แถมยังซุกอกไปเต็มรัก หน้าของเขาก็แดงก่ำจนลามไปถึงหู "แล้วนาย... นายทำไมไม่ใส่เสื้อนอนฮะ!!"
"ร้อน" ตะวันตอบสั้นๆ เขาเลิกมุ้งออกแล้วเดินไปหยิบเสื้อยืดมาสวม บิดขี้เกียจโชว์กล้ามเนื้อหลังลอนสวย "ลุก... ไปล้างหน้าล้างตา วันนี้มีงานต้องทำ สายกว่านี้เดี๋ยวแดดออก ผิวขาวๆ ของคุณชายจะไหม้เกรียมซะก่อน"
"ตีห้าครึ่งเนี่ยนะสาย?" ภาคินยกนาฬิกาเรือนละล้านขึ้นมาดูแล้วโอดครวญ "ปกติเวลานี้ฉันเพิ่งจะได้นอนด้วยซ้ำ! ไม่ตื่น! ฉันจะนอนต่อ!"
"ตามใจ..." ตะวันยักไหล่ เดินไปที่ประตู "งั้นผมคงต้องปล่อย 'มงคล' เข้ามาปลุกแล้วแหล่ะ มันชอบเลียปากคนมาก โดยเฉพาะปากคนที่ยังไม่อาบน้ำแปรงฟัน"
"มงคล?" ภาคินชะงัก
"หมาน่ะ... บางแก้วผสมร็อตไวเลอร์ เขี้ยวคมกริบ กัดไม่ปล่อย"
"ลุกแล้วโว้ย! ลุกเดี๋ยวนี้แหละ!"
CEO หมื่นล้านรีบตะเกียกตะกายออกจากมุ้ง วิ่งแจ้นไปทางโอ่งน้ำหลังบ้านทันทีโดยไม่หันกลับมามอง
.
.
หลังจากผ่านศึกสงครามกับน้ำเย็นเจี๊ยบในโอ่งมังกรจนตาสว่าง (และปากสั่น) ภาคินก็เดินกลับมาที่แคร่ไม้ไผ่หน้าบ้านในสภาพที่ตื่นเต็มตา
บนโต๊ะมีถาดใส่อาหารเช้าวางรออยู่แล้ว... ในนั้นมีปาท่องโก๋ตัวใหญ่ยักษ์ที่ดูชุ่มน้ำมัน กาแฟควันฉุยและนมข้นหวานในถ้วยเล็ก
"กินซะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง" ตะวันนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟดำอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนเก้าอี้ไม้
ภาคินนั่งลงตรงข้าม มองแก้วกาแฟด้วยสายตาประเมิน "นี่กาแฟอะไร? อาราบิก้าคั่วกลาง หรือเปล่า? ถ้าเป็นโรบัสต้าเกรดต่ำฉันไม่แตะนะบอกก่อน คาเฟอีนมันดีด ดื่มแล้วใจสั่น"
"โอยั๊วะ" ตะวันตอบโดยไม่ละสายตาจากหน้ากระดาษ "อาราบิกง อาราบิก้าอะไรไม่มีทั้งนั้น ที่นี่มีแต่กาแฟโบราณสูตรอากงตลาดท้ายเกาะ ถ้ากลัวใจสั่นนัก เชิญน้ำเปล่าในโอ่งครับคุณชาย ฟรี"
"กวนตีน!" ภาคินพึมพำในลำคอ ก่อนหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมาส่องกับแสงแดด "ดูสิ... น้ำมันเยิ้มขนาดนี้ คอเลสเตอรอลพุ่งกระฉูดแน่ นายควรบอกร้านให้ใช้หม้อทอดไร้น้ำมันนะ"
"จะกินไม่กิน?" ตะวันลดหนังสือพิมพ์ลง จ้องเขม็ง
"กินก็ได้!" ภาคินฉีกปาท่องโก๋จิ้มนมข้นหวานเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ "อื้ม... กรอบดีนี่ แต่หวานไปหน่อย"
"เรื่องมากจริงคุณ" ตะวันส่ายหัว "รีบกิน วันนี้ผมจะซ่อมรถคุณ"
คำว่า 'ซ่อมรถ' ทำให้หูภาคินผึ่งทันที "จริงเหรอ! นายจะซ่อมน้องริชชี่เหรอ! งั้นฉันช่วย! ฉันเคยดูคลิปประกอบเครื่องยนต์ V8 ของ Aston Martin มาแล้ว ฉันมีความรู้ทฤษฎีแน่นปึ้ก!"
"ดี..." ตะวันยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ภาคินเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดีแปลกๆ "งั้นคุณก็มาเป็น 'ลูกมือ' ผมละกัน ผมเตรียมชุดไว้ให้ด้วยล่ะ ไปเตรียมตัวให้พร้อม"
***
30 นาทีต่อมา... ที่อู่ซ่อมรถ
"ตะวัน! นี่นายแกล้งฉันใช่ไหมฮะ!"
ภาคินเดินออกมาจากห้องแต่งตัวด้วยท่าทางอึดอัด เขาอยู่ในชุดช่างแบบจั๊มสูทสีน้ำเงินเข้ม แต่ประเด็นสำคัญก็คือ... ชุดมัน 'ฟิตเปรี๊ยะ' จนน่ากลัว!
เนื่องจากตะวันมีรูปร่างสูงโปร่งแบบสายลีน แต่ภาคินเป็นพวกชอบเข้ายิมปั๊มกล้าม ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นหายนะทางสายตา (ที่ดีต่อใจคนมอง)
กระดุมช่วงอกแทบจะดีดออกมากระแทกตา แขนเสื้อรัดต้นแขนล่ำๆ ช่วงเป้าและสะโพกก็รัดตึงเปรี๊ยะจนแทบเห็นสัดส่วนความเป็นชาย ชัดเจนชนิดที่ว่าถ้าก้มเก็บของ เป้ากางเกงมีสิทธิ์ระเบิดตู้มกลายเป็นโกโก้ครั้นช์แน่นอน
"โอ๊ย... หายใจไม่ออก" ภาคินพยายามดึงคอเสื้อ "ทำไมนายไม่มีไซซ์ XXL ฮึ! นี่มันชุดตุ๊กตาหรือไง!"
ตะวันหันมามองแล้วถึงกับชะงัก สายตาไล่มองตั้งแต่แผงอกที่แน่นจนเห็นกล้ามเนื้อเป็นลูกๆ ทะลุผ้า ลงไปถึงช่วงล่างที่... แน่นไม่แพ้กัน
ชายหนุ่มเจ้าของอู่เผลอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก ลิ้นดันกระพุ้งแก้มเพื่อเรียกสติ ก่อนจะรีบเบนสายตาหนีไปทางอื่น
"ก็... มีแค่ชุดเดียว..." เสียงของตะวันแหบพร่าไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกระแอมไอแก้เก้อ "ใครใช้ให้คุณไปปั๊มกล้ามมาซะตัวหนาเป็นตู้เย็นแบบนั้นล่ะ ใส่ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวก็ชิน"
"นี่เขาเรียกว่าหุ่นเพอร์เฟกต์โว้ย!" แม้จะหายใจลำบาก แต่ภาคินก็เชิดหน้าพูดด้วยความภาคภูมิใจ "แล้วลูกมือที่นายว่าคืออะไร? จูนกล่อง ECU หรือเช็กระบบหัวฉีด? ส่งแท็บเล็ตมาเลย ฉันพร้อม!"
ตะวันชี้ไปที่กองภูเขาขนาดย่อมตรงมุมอู่ มันคือกองอะไหล่เก่าและน็อตตัวเมียที่เต็มไปด้วยคราบสนิมและน้ำมันดำเมี่ยม
"ล้างน็อต"
"หา?"
"เอาน็อตพวกนั้นไปแช่น้ำมันเบนซิน แล้วเอาแปรงสีฟันขัดคราบจารบีออกให้หมดทุกตัว... นั่นแหละงานของคุณ"
ภาคินมองกองน็อตนับร้อยตัว แล้วหันขวับมามองหน้าตะวัน "นายล้อเล่นใช่ไหม? ฉันจบโทบริหารธุรกิจจากอังกฤษนะ! ค่าตัวฉันนาทีละเป็นหมื่น! ลายเซ็นฉันมีมูลค่าหลักล้าน! นายจะให้ฉันมานั่งขัดน็อตเนี่ยนะ!"
"ถ้าไม่ขัด ก็ไม่มีอะไหล่เปลี่ยนให้รถคุณ เพราะผมต้องใช้น็อตพวกนี้ไปแปลงใส่ช่วงล่าง อะไหล่ซูเปอร์คาร์มันหาซื้อที่ร้านโชห่วยหน้าปากซอยไม่ได้หรอกนะคุณชาย ถ้าคุณไม่อยากทำ ก็รอสั่งอะไหล่แท้จากอังกฤษ อีกสามเดือนของถึง ระหว่างนั้นก็นอนมุ้งสายบัวไปก่อน... เลือกเอา?" ตะวันโกหกหน้าตาย จริงๆ เขาก็แค่หมั่นไส้และอยากแกล้งดัดนิสัยอีกฝ่ายเฉยๆ
"ก็ได้วะ! เพื่อลูกสาวของฉัน!"
ภาคินเดินกระแทกเท้าไปนั่งจุมปุ๊กหน้ากะละมังใส่น้ำมันเบนซินอย่างระมัดระวัง(เป้า) จากนั้นก็หยิบแปรงสีฟันเก่าๆ ขึ้นมาขัดน็อตอย่างเก้ๆ กังๆ
"ขัดแรงๆ หน่อยคุณ เดี๋ยวสนิมไม่หลุด" ตะวันสั่ง แล้วเดินไปเปิดฝากระโปรงรถแอสตัน มาร์ติน เพื่อเช็กระบบอย่างจริงจัง
"รู้แล้วน่า! สั่งจัง! เป็นพ่อฉันหรือไงนายเนี่ย!" ภาคินบ่นอุบอิบ ขัดๆ ถูๆ ไปสักพัก น้ำมันเบนซินก็กระเด็นเข้าหน้า
"โอ๊ย! แสบโว้ย!" ภาคินรีบเอามือเช็ดหน้า แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งเลอะ กลายเป็นว่าคราบน้ำมันดำๆ ติดเต็มแก้มจนดูเหมือนหมาหน้ามอม
ตะวันแอบเหล่มองแล้วหลุดขำจนไหล่สั่น
"ขำอะไร! มาช่วยกันสิฟะ!" ภาคินแว้ดใส่
จังหวะนั้นเอง เสียงมอเตอร์ไซค์ก็ดังเข้ามาจอดเทียบที่หน้าอู่
"ตะวันเอ้ย! อยู่ไหมลูก!"
หญิงวัยกลางคนร่างท้วม สวมเสื้อลายดอก แต่งหน้าจัดเต็มเดินเข้ามาพร้อมถุงกล้วยแขก "ป้าเอากล้วยแขกมาฝาก... อุ๊ยตาย! ใครล่ะนั่น!"
ป้าน้อย ขาเมาท์ประจำเกาะตาโตเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นชายหนุ่มหุ่นล่ำบึ้กในชุดช่างฟิตเปรี๊ยะ แถมผิวก็ยังขาวโอโม่ทะลุคราบน้ำมัน กำลังนั่งแยกขาขัดน็อตอยู่
ตะวันเดินออกมาเช็ดมือ "เด็กฝึกงานใหม่ครับป้า... ชื่อทึ่ม"
"ทึ่มกะผีสิ! ฉันชื่อภาคิน!" ภาคินลุกขึ้นยืนเถียงทันควัน เขายืดอกพยายามวางมาดจนกระดุมเสื้อแทบจะดีดใส่หน้าป้าน้อย "แล้วก็ไม่ใช่เด็กฝึกงานด้วย! ฉันเป็น..."
สภาพนี้... จะบอกว่าเป็น CEO ก็คงไม่มีใครเชื่อ
"เป็น... เป็นญาติห่างๆ ของตะวันครับ มาจากกรุงเทพฯ!" ภาคินแก้ต่างเสียงแข็ง
ป้าน้อยมองสำรวจชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยเฉพาะช่วงอกและต้นแขนแน่นๆ
"อ๋อเหรอจ๊ะ... แหม งานดีนะเนี่ยพ่อหนุ่ม ผิวพรรณผู้ดีเชียว หุ่นก็แซ่บ..."
ในขณะที่ป้าน้อยกำลังเจ๊าะแจ๊ะ ตะวันกลับไม่ได้สนใจบทสนทนาตรงหน้าเลยสักนิด
หูของเขาจับเสียงเครื่องยนต์ดีเซลที่ดังแว่วมาแต่ไกลได้... มันไม่ใช่เสียงมอเตอร์ไซค์ชาวบ้าน แต่เป็นเสียงเครื่องยนต์กระบะแต่งซิ่งที่กำลัง 'ชะลอความเร็ว' ลงเมื่อใกล้ถึงหน้าอู่
นัยน์ตาคมกริบของตะวันหรี่ลงเล็กน้อย เขาละสายตาจากป้าน้อย ตวาดมองข้ามไหล่หล่อนไปจ้องเขม็งที่ถนนหน้าบ้าน ร่างกายที่เคยผ่อนคลายเกร็งขึ้นโดยอัตโนมัติราวกับสุนัขที่ได้กลิ่นศัตรู
"หล่อขนาดนี้มีแฟนหรือยังล่ะ? สนใจลูกสาวป้าไหม? หรือสนใจแบบป้า?" ป้าเดินเข้าไปใกล้ภาคิน เอื้อมมือไปหมายจะจับต้นแขนแน่นๆ
หมับ!
มือหนาของตะวันคว้าไหล่ภาคินแล้วกระชากเบาๆ ให้ไปหลบอยู่ด้านหลังของตนทันที เร็วจนภาคินเซถลาไปชนแผ่นหลังกว้าง
"เฮ้ย! อะไรของนาย..." ภาคินร้องทัก แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นแผ่นหลังของตะวันที่เกร็งจนเห็นมัดกล้ามชัดเจน
"ป้าครับ พอเลยๆ เดี๋ยวเด็กมันตื่น"
น้ำเสียงของตะวันราบเรียบผิดปกติ และสายตาของเขาก็ไม่ได้มองป้า แต่มองคุมเชิงไปที่ถนนใหญ่ตาไม่กะพริบ เขาเอาตัวแทรกกลางบังภาคินไว้อย่างมิดชิดจนผิดสังเกต
"แล้วรถป้าเป็นอะไรครับ?" เขาถามตัดบท หางตาเหลือบเห็นเงาสีดำวูบผ่านหน้าอู่ไปช้าๆ
"อ๋อ... ท่อมันดังแปลกๆ น่ะ" ป้าน้อยตอบแบบงงๆ ที่จู่ๆ ก็โดนขัดจังหวะ แต่ก็ยังชะโงกหน้าพยายามมองลอดไหล่ตะวันไปหาหนุ่มหล่อ
ขณะที่ตะวันคุยกับป้าน้อยแบบถามคำตอบคำ ภาคินที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังเริ่มรู้สึกทะแม่งๆ...
ตะวันดูเครียดแปลกๆ แล้วทำไมถึงต้องมายืนบังเขาซะมิดขนาดนี้ด้วย? แม้ปากจะร้ายและชอบแกล้ง แต่ท่าทางที่เหมือนกางปีกปกป้องลูกนกนี่มัน... ดูพึ่งพาได้ชะมัด
"ไว้วันหลังป้ามาใหม่นะจ๊ะพ่อหนุ่มรูปหล่อ!" ป้าน้อยทิ้งทายอย่างเสียดายเมื่อเห็นเจ้าของอู่ทำหน้าดุใส่ ก่อนจะบิดมอเตอร์ไซค์จากไป
ทันทีที่เสียงรถป้าน้อยลับหายไป... บรรยากาศรอบตัวตะวันก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที!
เขาเดินตรงดิ่งเข้ามาหาภาคิน คว้าข้อมืออีกฝ่ายให้ลุกขึ้นแล้วลากเข้าไปในมุมอับสายตาหลังกองยางรถยนต์เก่า
"เฮ้ย! จะทำอะไร! จะลวนลามฉันเหรอ! บอกไว้ก่อนนะว่าฉันแพง!" ภาคินตกใจ รีบยกแขนกอดอกตัวเอง
"เงียบก่อน!" ตะวันกดเสียงต่ำ สีหน้าจริงจังจนน่ากลัว "เมื่อกี้ตอนป้าน้อยมา... มีรถกระบะสีดำวิ่งผ่านหน้าอู่ ชะลอรถแล้วถ่ายรูป"
"ห๊ะ? ถ่ายรูป? แฟนคลับฉันหรือเปล่า? หรือปาปารัสซี่?"
"ไม่ใช่..." ตะวันส่ายหน้า เขาหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเปิดภาพจากกล้องวงจรปิดที่แอบติดไว้หน้าอู่ให้ภาคินดู
แม้ภาพจะเบลอ แต่เห็นได้ชัดว่าคนในรถกระบะลดกระจกลง แล้วยกกล้องเลนส์ยาวขึ้นเล็งมาทางภาคิน
"พวกมันตามกลิ่นคุณมาเร็วกว่าที่คิด" ตะวันเม้มปากแน่น นัยน์ตาคมกริบฉายแววอันตราย "ไอ้เรื่องที่รถคุณโดนวางยาเนี่ย... มันเป็นแค่ตัวล่อ ของจริงกำลังเริ่มต่างหาก"
ภาคินหน้าซีด ขนแขนลุกซู่ ความสนุกกับการเป็นเด็กฝึกงานหายวับไปกับตา เขามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง
"ตะวัน... ฉัน... ฉันต้องทำยังไง?" ภาคินถามเสียงเครียด เผลอเอามือกำแขนเสื้อตะวันแน่นโดยไม่รู้ตัว "มันจะมาฆ่าฉันงั้นเหรอ?"
ตะวันก้มมองมือที่สั่นเทานั้น ก่อนจะถอนหายใจแล้ววางมือหนาลงบนศีรษะภาคิน โยกเบาๆ เหมือนปลอบเด็ก
"ทำตัวเป็นเด็กฝึกงานทึ่มๆ ต่อไป... อย่าออกไปเพ่นพ่าน ให้คนเข้าใจว่าคุณเป็นแค่ลูกมือผมก็พอแล้ว"
เขาจ้องมองมาด้วยสายตาที่ทำให้ภาคินรู้สึกเหมือนมีกำแพงเหล็กกล้าตั้งตระหง่านขวางกั้นภยันตรายอยู่ตรงหน้า
"อยู่ที่นี่ไปก่อน อยู่กับผม... ผมสัญญาว่าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายคุณได้แม้แต่ปลายเล็บ... เข้าใจไหมคุณชายภาคิน?"
พูดจบ ตะวันก็ใช้นิ้วชี้ดีดหน้าผากเขาเบาๆ หนึ่งทีเป็นการเรียกสติ ก่อนจะเดินผิวปากกลับไปทำงาน ทิ้งให้ภาคินยืนกุมหน้าผากด้วยหัวใจที่เต้นแรงอยู่คนเดียว
ไอ้บ้าตะวัน... บทจะเท่ก็เท่จนน่าหงุดหงิดชะมัด!