EP.1
เช้าวันเสาร์
ผมตื่นเช้ามาทำข้าวเช้าให้พี่ไม้ พอพ่อกับแม่จากไปก็เหมือนจะกลายเป็นหน้าที่ผมไป ช่วงเสาร์อาทิตย์ถ้าผมไม่มีธุระที่ไหนก็จะเป็นผมที่เป็นคนทำครัวและงานบ้านบางอย่างให้ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของป้าเพ็ญซึ่งเป็นแม่บ้านประจำให้เรามาตั้งแต่ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่ ตอนที่ทุกคนกำลังยุ่งเรื่องงานศพของพ่อกับแม่ผมก็ได้ป้าเพ็ญนี่แหละที่เป็นคนดูแลและปลอบใจสารพัด จำได้ว่าตอนนั้นผมร้องไห้จนตาบวมแทบปิด ตอนหลับก็มักจะฝันเห็นพ่อกับแม่เสมอเพราะผมคิดถึงพวกท่านตลอดเวลา ตื่นเช้ามาก็มักจะนั่งร้องไห้เงียบๆคนเดียวในห้อง เป็นอย่างนี้อยู่เกือบปีจนพี่ไม้แทบพาไปพบจิตแพทย์ แต่สุดท้ายผมก็ผ่านมาได้เพราะคำพูดของพี่เธนส์ที่ทำให้ผมคิดตาม "ไอ้ไม้มันเหลือชาคนเดียวแล้วนะ" นั่นแหละที่ทำให้ผมคิดได้และยิ่งทำให้ผมชอบพี่เธนส์จนโงหัวแทบไม่ขึ้น
"ชา"
"เชี่ย!!!!" ผมตกใจเมื่ออยู่ๆพี่เธนส์ก็โผล่เข้ามาในครัวแถมยังกระซิบชื่อผมข้างๆหูอีก ดีที่ไม่ได้ถือมีดอยู่ไม่งั้นคงได้ขว้างมีดเข้าผนังครัวกันบ้าง
"ไม่เจอแป๊บเดียวชาสนิทกับพี่ขึ้นเยอะเลยนะ" พี่เธนส์พูดเสียงเรียบตามประสาคน cool พี่เธนส์ จริงๆชื่อเอเธนส์ แต่ชอบให้เรียกว่าเธนส์เพราะง่ายกว่า พี่เธนส์เป็นเพื่อนต่างคณะที่สนิทยิ่งกว่าเพื่อนในคณะของพี่ไม้เพราะชอบอะไรคล้ายๆกันหลายอย่างเลยทำให้สนิทกันเร็วมาก
"ขอโทษครับ ชาตกใจ พี่เธนส์ก็รู้ว่าชาขี้ตกใจ" ผมหัวเราะแหะๆ และหันไปสนใจไข่ลวกของพี่ไม้แทน
"ช่างมันเถอะ พี่แกล้งชาเล่นเฉยๆ ว่าแต่ทำข้าวเช้าเหรอ เผื่อพี่บ้างสิ" พี่เธนส์ยื่นใบหน้าคมเข้มมาใกล้เตา ผมลอบมองเสี้ยวหน้าของคนตัวสูงและยิ้มบางๆ พี่เธนส์เป็นคนมีเสน่ห์ รูปหน้าหล่อเข้ม ผิวสีน้ำผึ้ง ผมตรงตัดทรงอันเดอร์คัตเหมือนหนุ่มยุโรปและมันเข้ากับโครงหน้าของพี่เธนส์ได้อย่างหน้าประหลาด รวมถึงจมูกโด่งสวยที่รับกับริมฝีปากบางได้อย่างน่าอัศจรรย์ พี่เธนส์เป็นหนุ่มหล่อรวย สมบูรณ์แบบเกือบจะทุกอย่างจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเพื่อนกับพี่ไม้คนห่ามได้
"ได้ครับ พี่ไม้ยังไม่ตื่นเลย พี่เธนส์นั่งรอที่ห้องรับแขกก่อนได้ครับ เดี๋ยวเสร็จแล้วชาจะยกไปตั้งโต๊ะให้" ผมบอกและตักไข่ลวกของพี่ไม้ขึ้นแช่น้ำเย็น และใส่ไข่อีกฟองให้พี่เธนส์ตามที่ขอ
"ขอบใจนะชา เดี๋ยวพี่ขึ้นไปปลุกไอ้ไม้ให้ ใกล้เสร็จแล้วใช่มั้ย"
"ครับพี่เธนส์ ขอบคุณมากครับ" ผมยิ้มให้และตักโจ๊กใส่ชาม 3 ใบ ใส่เครื่องทั้งหมดก่อนจะยกไปที่โต๊ะกินข้าว ไม่นานนักพี่ไม้ในสภาพหัวฟู ใส่กางเกงบ๊อกเซอร์กับเสื้อกล้ามย้วยๆก็เดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับพี่เธนส์ ผมมองภาพตรงหน้าและคำว่าเทวดากับซาตานก็วิ่งเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว คงไม่ต้องบอกว่าใครคือเทวดาและใครคือซาตาน...
"พี่ไม้ พี่เธนส์ มาพอดี ชาตักโจ๊กมาให้แล้ว กินได้เลยครับ"
"หอมดี" พี่เธนส์บอกและนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับผม
"พี่ไม้แปรงฟันหรือยัง" ผมหันไปถามคนข้างๆที่เหมือนยังเมาขี้ตาไม่เลิก เอาแต่นั่งหาวเหมือนไม่ได้นอนมาหลายปี
"ขี้เกียจ เดี๋ยวกินข้าวแล้วแปรงทีเดียว"
"พี่ไม้ สกปรก" ผมเบะปากนิดๆด้วยความเอือมระอากับความชิวของพี่ชายตัวเอง อะไรคือการกินข้าวเช้าโดยไม่แปรงฟัน ตอบ!
"พูดมากน่าชา แปรงทีเดียว ประหยัดน้ำไง รัฐบาลรณรงค์เรื่องนี้จะตาย"
"เหม็นปาก หยุดพูดไปเลยพี่ไม้ จะกินก็กิน กินแล้วไปแปรงฟันอาบน้ำให้มันเรียบร้อยด้วย" ผมบอกพี่ชายด้วยความหงุดหงิดนิดหน่อย แต่รู้ดีว่าแก้นิสัยนี้ของพี่ชายไม่หาย
"จ้าแม่" พี่ไม้พูดก่อนจะตักโจ๊กเข้าปาก ผมเลยมองพี่ไม้ตาขวาง ก่อนจะเผลอเบนสายตาไปเห็นพี่เธนส์ที่มองมายิ้มๆ นั่นทำให้ผมใจเต้นผิดจังหวะทันทีเพราะพี่เธนส์ไม่ใช่คนที่ยิ้มบ่อยนัก ทว่ากลับเป็นรอยยิ้มทำให้คนเห็นใจสั่นได้ง่ายๆ
"ถ้ามีน้องพี่อยากมีน้องแบบชา" พี่เธนส์บอกก่อนจะตักโจ๊กกินต่อเงียบๆ นั่นทำให้อาการใจเต้นด้วยความลิงโลดของผมหยุดลงแทบจะทันที น้อง...คำว่าน้องของพี่เธนส์เป็นคำพี่ผมเกลียดที่สุดในชีวิต เพราะผมหวังเสมอว่าวันนึงผมจะมีสิทธิ์ได้ใช้คำอื่นที่มีความหมายมากกว่านั้น และยังคงหวังมาจนถึงตอนนี้ ผมสลัดความคิดยุ่งยากนั่นออกแล้วยิ้มบางๆให้พี่เธนส์ และกินโจ๊กของตัวเองไปเงียบๆ
"อยากได้ก็เอาไปเลี้ยงเลย กูยกให้เดือนนึง แล้วมึงจะรู้ว่าน้องกูแม่งบ่นยิ่งกว่าแม่" พี่ไม้พูดขึ้นทำลายบรรยากาศ ผมหันไปมองหน้าพี่ชายช้าๆแล้วถอนใจ
"อ้าว จิ๋ว พี่พูดเรื่องจริงนะ ฮ่าๆๆ" พี่ไม้หัวเราะจนโจ๊กแทบกระเด็นออกมาจากปาก และนั่นทำให้ผมหันหน้าหนีและถอนหายใจอีกครั้ง ผมคิดว่าพี่ไม้ควรได้รับการอบรมมารยาทบนโต๊ะอาหารอีกสัก 3 รอบ
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ก็เป็นหน้าที่ผมอีกเช่นกันที่ต้องเก็บล้างของในครัวทุกอย่างและมีพี่เธนส์อาสามาช่วย ส่วนพี่ไม้คนห่ามก็อ้างว่าต้องอาบน้ำเลยหนีขึ้นชั้นบนไปอาบน้ำอย่างสบายใจ ผมยืนล้างจานเงียบๆ พยายามไม่หันไปมองพี่เธนส์ที่ช่วยเช็ดเคาท์เตอร์ครัวให้ ให้ตายสิ มองมุมไหนก็ดีไปหมด จนมือผมหยุดสั่นไม่ได้แล้ว ทั้งๆที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่ทำไมพี่เธนส์ดูดีได้ขนาดนี้ ต่างจากผมลิบลับ
"ชาเรียนเหนื่อยมั้ยช่วงนี้"
"ครับ?" ผมสะดุ้งและรีบเบนสายตาไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้พี่เธนส์รู้ว่าผมแอบมองอยู่
"พี่ถามว่าชาเรียนเหนื่อยมั้ยช่วงนี้"
"อ๋อ ช่วงใกล้สอบก็เหนื่อยแบบนี้ปกติแหละครับ เรียนสายสุขภาพก็ต้องเคร่งนิดหน่อยเพราะทำงานกับชีวิตคน ต้องลดความผิดพลาดให้เหลือน้อยที่สุด อาจารย์พูดแบบนี้ทุกวันเลยครับ"
"นั่นสินะ พี่ว่าชาดูผอมลงนิดหน่อย"
"ชาเพิ่งหายป่วยน่ะครับ" ผมบอกเบาๆตอนที่ก้มหน้าก้มตาล้างจานด้วยความตั้งใจจนเกิดเหตุ เพราะเขินกับการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของพี่เธนส์
"ชา ก้มจนหน้าจะติดจานแล้วนะ" ผมชะงักแล้วค่อยๆเงยหน้ามองพี่เธนส์ช้าๆ ก่อนจะยิ้มแห้งๆให้ พี่เธนส์อมยิ้มเล็กน้อยและหันไปทำงานของตัวเองต่อ ผมชอบช่วงเวลาแบบนี้ เวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆพี่เธนส์ เวลาที่ได้เห็นเค้ายิ้ม แม้จะน้อยแต่ก็เป็นคนเดียวที่ได้เห็นมันในตอนนี้ สำหรับผมพี่เธนส์เป็นคนพิเศษ พิเศษมากจนไม่อยากยกให้ใคร แม้รู้ว่าไม่มีสิทธิ์และไม่เคยได้รับสายตาที่มากไปกว่าพี่ชายจากพี่เธนส์เลยก็ตาม แต่คนเราก็มีสิทธิ์ที่จะหวังไม่ใช่เหรอ? และนั่นอาจเป็นเป็นสิทธิ์เพียงอย่างเดียวที่ผมได้รับ...