หลังจากที่ระรินเจ็บตัววันนั้น เจย์เดนก็ให้คนไปตามระรินมาช่วยงานเอกสารแทบทุกวัน คือเช้าทำสวน บ่ายมาทำเอกสารแทบทุกวัน แต่ระรินก็ยังพักอยู่ที่เดิมคือบ้านพักกลางสวนผักกาด จนทุกวันนี้ระรินได้ฉายาใหม่มาแล้ว คือเด็กของคุณเจย์เดน
“เห้อ เหนื่อยจัง” ระรินที่นั่งมองกองเอกสารรายรับรายจ่ายของคนในไร่ที่ต้องนำมาเช็คทุกวันเครียร์ทุกวันและสรุปส่งคุณเจย์เดนทุกวันเช่นกัน
“มากินข้าวได้แล้ว” เจย์เดนมองไปที่ระรินแล้วตะโกนมาที่ระรินที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาทานข้าว
“แป๊ปค่ะ เดี๋ยวไป” ระรินพูดขึ้นพร้อมปิดแฟ้มเอกสาร
ด้านนอก
“นี้แก ฉันว่าคุณเจย์เดนกับยัยเด็กระรินอะไรนั้นแปลกๆเนอะๆ” พนักงานต้อนรับสองคนนั่งคุ่ยกันอยู่
“นั้นสิปรกติไม่เคยเห็นคุณเจย์เดนใจดีกับใครขนาดนี้มาก่อนเลยนะ นี้อะไร เรียกมาหาเช้า กลางวัน เย็นแบบนี้ ฉันว่ามีกลิ่นแปลกอยู่เหมือนกัน” พนักงานอีกคนพูดขึ้น
“นั้นสินี้ก็สั่งข้าวมานั่งกินกัน 2 คนอีกแล้วอะแก” พนักงานอีกคนเดินมาจับกลุ่มกัน
“พี่วัน พี่คิดว่าไงบ้าง”
“เรื่องของเจ้านาย เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องรู้หรอกนะ บางทีไม่จำเป็นต้องไปป่าวประกาศเรื่องแบบนี้ใครที่เขาไม่รู้ลึกตื้นหนาบางเขาจะเข้าใจผิด” วันนา หัวหน้าแผนกต้อนรับพูดออกมาพรางสอนลูกน้องไปในตัว
“ใครคนอื่นที่ว่านี้หมายถึงคุณแพรวาป่ะคะ” พนักงานอีกคนถามขึ้น
“แก แก พอแล้วแก” พนักงานอีกคนที่มองเห็นแพรวายื่นแอบอยู่รีบห้ามเพื่อนทันที
“อะไรของแก”
“คะ คะ คุณแพรวา” วันนาพึมพำชื่อแพรวาออกมา แพรวาไม่ได้พูดอะไรแต่เลือกที่จะเดินไปที่ห้องทำงานของเจย์เดนทันที
แกร๊กกกก แอ๊ดดดดด ประตูถูกเปิดออกโดยที่ไม่มีการเคาะหรือเรียกอะไรทั้งนั้น แพรวาเดินมาที่โต๊ะอาหาร เห็นเจย์เดนนั่งอยู่บนโต๊ะมีอาหาร 2ชุดวางอยู่
“ปรกติคุณไม่ชอบทานอาหารในห้องนี้นิคะ” แพรวาถามขึ้นพร้อมกับเดินเข้าไปหาเจย์เดน
“ช่วงนี้งานเยอะไม่อยากออกไปไหน” เจย์เดนตอบออกมาพร้อมกับตาที่จ้องมองไปที่ทางเข้าห้องน้ำ
“รอนานไหมอ่ะ โทษทีพอดีมือเปื้อนเลยต้องล้างนานหน่อย” ระรินที่เดินออกมาจากห้องน้ำพูดขึ้น
“เธอเป็นคนงานที่ไร่นิ มาทำอะไรที่นี้เหรอ แล้วทำไมมีอาหาร 2ชุด” แพรวาถามออกไปแต่ตาจ้องไปที่ระรินที่พึงเดินออกมาจากห้องน้ำ
“อ๋อพอดีฉันเอางานมาส่งคุณเจย์เดนนะคะ กำลังจะกลับออกไปพอดี” ระรินยิ้มให้แพรวาแล้วพูดขึ้น
“แล้วนี้คุณทานอาหารกับใครเหรอ” แพรวาหันมาถามเจย์เดนขึ้น
“กะ”
“จะกับใครละคะ ก็คงจะเป็นคุณแพรวานั้นแระ ฉันขอตัวก่อนนะคะปานนี้มะลิรอกินข้าวแล้ว” ระรินพูดจบก็เดินออกไปทันที
“เดี๋ยว ระริน ระริน” เจย์เดนตะโกนตามระรินอออกไปแต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
“ตามไปเลยไหมคะ” แพรวาถามออกไปลอยๆ
“จะตามไม่ตามมันเกี่ยวอะไรกับเธอ” เจย์เดนมองมาที่แพรวาแล้วถามขึ้น
“ก็ไม่เกี่ยว แพรว่าเราออกไปหาอะไรทานกันข้างนอกดีไหมคะ” แพรวาหันมาหาเจย์เดนแล้วถามขึ้น
“ผมบอกไปแล้วว่าช่วงนี้งานผมเยอะไม่สะดวกออกไปไหน” เจย์เดน
“แต่มีเวลามานั่งกินข้าวตรงนี้” แพรวาสวนขึ้นทันที
“แพรวา ผมย้ำกับคุณไปหลายรอยแล้วนะว่าคุณกับผมคือเพื่อนกัน คุณจะมาตามจิกเหมือนกับว่าผมเป็นแฟนคุณแบบนี้ผมว่าเหมาะ” เจย์เดนพูดขึ้น
“แต่ว่ะ”
“คนข้างนอกที่ไม่รู้จักเราเขาจะคิดยังไงปล่อยเขาไป อีกอย่างคุณเป็นคนเสนอข้อเสนอนี้กับผมเองหวังว่าคุณจะเข้าใจใรสิ่งที่ผมพูด” พูดจบเจย์เดนก็เดินออกจากห้องไปทันที
“เป็นเพราะอะไรเหรอ ทำไมอยู่ๆคุณพูดถึงเรื่องนี้ทั้งๆที่ไม่ได้พูดไม่ได้คุยเรื่องนี้กันมานานมากแล้ว เพราะยัยเด็กระรินนั้นเหรอ คุณถึงเลือกที่จะเปลี่ยนไปแบบนี้” แพรวาพึมพำออกมาเบาๆพร้อมกับกำหมันแน่นเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ที่ขุนมัวไว้
“ฉันจะไม่มีทางให้เด็กอย่างแกมาแย่งเจย์เดนไปจากฉันแน่นอน ฉันรักฉันชอบของฉันมาตั้งนาน แกอย่าหวังว่าจะมาแทนที่ฉันได้ง่ายๆ” แพรวาพึมพำจบก็เดินออกไปทันที
ฝั่งระริน
“เห้อ!!!! อยู่ดีๆก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะมีศัตรูยังไงไม่รู้” ระรินพึมพำออกมาพร้อกับเปิดประตูห้องเข้าไป
“ไม่มีอะไรกินอีก ระรินเอ้ย ชีวิตแกนี้นะ เห้อ ต้มมาม่าไปก่อนละกัน” ระรินเดินเข้าไปในครัวหยิบมาม่าออกมาต้มกินเพื่อประทังความหิว
ระริน:
ปานนี้แม่กับพี่โรสจะเป็นยังไงบ้างนะ แม่กับพี่โรสจะคิดถึงหนูบ้างหรือเปล่า แม่ค่ะ แม่จะรู้ไหมว่าหนูต้องเจอกับอะไรบ้าง เพราะหนูเอาตัวรอดได้เหรอคะ อะไรก็ได้แม่เเลยยอมทิ้งหนูไว้ที่นี้ เพื่อให้พี่โรสไม่ต้องลำบากใช่ไหมคะ แต่ไม่เป็นไรนะแม่หนูเอาตัวรอดได้ ไม่ต้องห่วงหนูหรอกนะคะหนูแค่อยากรู้ว่าแม่จะเป็นห่วงหนูเหมือนที่เป็นห่วงพี่โรสบ้างไหม แล้วแม่รักหนูเท่ากับแม่รักพี่โรสบ้างหรือไม่ หนูอยากจะบอกแม่ว่าหนูรักแม่นะคะรักมากถึงแม่จะรักหนูหรือไม่รักหนูก็ตาม
ระรินสาวน้อยที่ภายนอกดูเข้มแข็ง สดใส แต่ภายในใจเศร้าหมองเพราะไม่รู้ว่าตัวเองต้องเจอกับอะไรบ้าง และไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองจะเป็นยังไง ระรินนั่งกินมาม่าไปด้วยน้ำตาก็ไหลอาบสองแก้มลงมา คงไม่ม่อะไรที่จะเศร้าไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ฝั่งมารศรี
ณ บ้านเช่าราคาถูกแห่งหนึ่งแถวชานเมือง
“แม่ มีไรกินบ้างคะ” โรสรินที่เดินลงมาจากชั้น 2ของบ้านถามขึ้น
“นี้ยัยโรส แกไม่คิดที่จะทำงานบ้านทำกับข้าวช่วยฉันบ้างเหรอ” มารศรีถามขึ้น
“แม่ก็รู้ว่าหนูไม่เคยทำ แม่จะให้หนูทำยังไงละคะ” โรสรินหน้าบึ้งพร้อมกับพูดออกมามารศรีไม่ได้ตอบอะไรออกไปแต่กลับหันหน้าไปสนใจไข่เขียวในกระทะต่อ
“สรุปมีอะไรกินคะ” โรสรินยังถามต่อ
“มีแค่นี้แระ ช่วงนี้เราออกไปไหนไม่ได้แว๊บออกไปได้แค่ตลาดตอนเช้าแปปเดียวเท่านัั้น มีให้กินแค่นี้แระ” มารศรียกจานไข่เจียวมาให้ลูกสาวคนที่ตนเองรักมาก มากจนยอมทิ้งระรินลูกสาวคนเล็กของตัวเองให้เผชิญชะตากรรมที่ระรินเองไม่ได้ก่อ
“ไข่เจียวอีกแล้วเหรอแม่ กินไข่เจียวแบบนี้มาจะเป็นอาทิตย์แล้วนะคะ” โรสรินบ่นออกมา
“รู้แบบนี้หนูไปตายเอาดาบหน้าแบบยัยระรินดีกว่าอาจจะได้กินดีกว่านี้ก็ได้” โรสรินเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น
“ทำไมแกไม่คิดได้ให้มันเร็วกว่านี้ละ ยัยรินจะได้ไม่ต้องไปลำบากแทนแก” มารศรีที่เริ่มโมโหพูดขึ้น ทั้งงานบ้าน ทั้งหาเงินเข้าบ้าน ทั้งทำกับข้าว มารศรีต้องทำเองทั้งหมดทำให้มารศรีที่เหนือยมากๆบวกกับแรงกดดันพูดจาที่ไม่ค่อยน่าารักออกมาเท่าไหร่
“คุณแม่ ทำไมพูดแบบนี้ละคะ” โรสรินหันหน้ามาถามผู้เป็นแม่
“ยัยโรส น้องสาวของแกยอมไปลำบากลำบนต้องเจอกับอะไรบ้างก็ไม่รู้ แต่แก แกที่ทิ้งทุกอย่างทิ้งสิ่งที่แกไม่อยากไปจนยัยรินต้องไปแทน พอมาวันนี้แกลำบากแค่นี้แกบ่น น้องแกละ น้องแกต้องเจอกับอะไรบ้าง ยัยรินมีสิทธิ์บ่น หรือมีโอกาสมานั่งบ่นแบบแกไหม” มารศรีที่เก็บทุกอย่างไว้ใจ ตอนนี้ความเหนื่อยล้าที่มีบวกกับสภาพจิตใจที่ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ทำให้มารศรีมีความอ่อนไหวทางด้านความรู้สึกเป็นอย่างมาก มากจนไม่สามารถที่จะเก็บมันเอาไว้ในใจได้อีกต่อไป