งานมงคลของจวนตระกูลฝูและจวนอ๋องไป๋ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บรรดาผู้มีอำนาจและราชวงศ์ต่างมาแสดงความยินดีที่จวนเสนาบดีกันอย่างคับคั่ง
ฝูฮูหยินและฝูเกอออกมารับแขกด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
"ท่านเสนาบดีช่างน่าอิจฉา มีบุตรีผู้งดงามตั้งสองแถมยังได้เกี่ยวดองกับตระกูลใหญ่อย่างจวนอ๋องไป๋ และตระกูลแม่ทัพที่มีชื่อเสียงอย่างตระกูลหนิงอีกด้วย ทั่วทั้งเมืองหลวงแห่งนี้คงไม่มีใครไม่อิจฉาท่านเสนาบดีหรอกนะขอรับ"
ฝูเกอยกยิ้มให้น้องร่วมสาบานอย่างบัณฑิตฟู่หนาน น้องชายผู้นี้นั้นอ่อนน้อมและถ่อมตนยิ่งนัก แถมยังชอบพูดจายกยอและเอาใจเขาเป็นที่สุด นั่นทำให้ฝูเกอชื่นชอบในตัวฟู่หนานอยู่ไม่น้อย
"เกินไปแล้วน่าฟู่หนาน ผู้เป็นบิดาเพียงเห็นลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝาก็ดีใจแล้ว"
"ฟางเซียนนั้นเป็นสตรีที่เพียบพร้อม นางเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาในจวนอ๋องไป๋ที่แสนจะยิ่งใหญ่แล้วล่ะขอรับท่านเสนาบดี"
ฝูเกอยกจอกสุราขึ้นมาดื่ม
"เป็นเช่นนั้น ฟางเซียนเป็นเด็กดี นางจะเป็นพระชายาที่ดีของจวนไป๋อย่างแน่นอน..."
เสียงพูดคุยดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงโห่ร้องยินดี แต่ทว่าสาวใช้ทางด้านหลังจวนกลับวิ่งวุ่นกันไปมา แต่ละนางมีสีหน้าไม่ค่อยดี บางรายก็วิ่งไปด้วยหยาดน้ำตาที่คลอเคลียอยู่บนใบหน้า
"หาทั่วแล้วหรือยัง พวกเจ้าอาจจะถูกประหารกันหมดหากมิสามารถหาคุณหนูใหญ่ให้พบ!!!"
แม่นมวัยชรารู้สึกได้เลยว่ามือของนางกำลังสั่นเทา ในชีวิตวัยหกสิบกว่าปีไม่เคยมีวันไหนที่รู้สึกหวาดหวั่นใจเท่าวันนี้มาก่อนเลย
คุณหนูใหญ่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีแม้แต่เงา มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน เมื่อวานหญิงชรายังนั่งปักผ้าเช็ดหน้ากับคุณหนูใหญ่อยู่เลย
คุณหนูใหญ่นั้นมิได้แสดงท่าทีหวาดหวั่นต่อการแต่งงานในครั้งนี้เลยด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดถึงได้หนีไปเช่นนี้กันเล่า!!
"แม่นมคะ ข้าคิดว่าเราควรจะบอกกล่าวเรื่องนี้กับนายท่านและฮูหยิน อีกไม่นานทางจวนไป๋จะส่งเกี้ยวมารับแล้ว เราควรจะต้องรีบแก้ปัญหาเรื่องนี้..."
หญิงชรากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
"ข้าก็คิดว่าต้องทำเช่นนั้น ไปบอกกล่าวกับนายท่านและฮูหยินก่อนเถิด บอกกล่าวอย่างลับๆอย่าให้ผู้มางานคนใดได้ยินเรื่องนี้เด็ดขาด"
"เจ้าค่ะ แม่นม"
......
"นี่ฟางหรง เจ้าสวมชุดสีฟ้าอ่อนเช่นนี้ก็ดูงดงามไม่น้อย เหตุใดถึงชอบใส่ชุดสีน้ำเงินเข้มอยู่ตลอดเล่า เป็นสตรีก็ต้องแต่งกายให้งดงามและสดใสสิ"
ซูมี่กำลังหวีผมให้ฟางหรง ฟางหรงนั้นคือสตรีที่งดงามมากผู้หนึ่ง เรียวคิ้วโก่งรับเข้าหากันอย่างได้รูป ดวงตากลมโตรับกับจมูกที่โด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางได้รูป ยกยิ้มขึ้นมาแต่ละครานั้นย่อมทำให้ผู้พบเห็นหวั่นไหว
แต่ว่าฟางหรงนั้นมิชอบแต่งตัว นางชอบสวมอะไรง่ายๆ
ไร้เครื่องประดับราคาแพงที่ผมจึงมีเพียงแค่ปิ่นไม้เรียบๆอันหนึ่งเท่านั้น
"....เพราะข้ามิรู้ว่าจะงดงามไปเพื่อผู้ใด ในเมื่อข้าเป็นสตรีที่มีคนรักแล้ว ข้าไม่ต้องการให้บุรุษผู้ใดมาสนใจข้าอีกแล้วซูมี่ เพราะฉะนั้นเป็นเจ้าต่างหาากที่ควรจะแต่งกายให้งดงามมากกว่านี้อีกหน่อย"
ซูมี่เป็นองค์หญิงที่เกิดจากสนมที่เป็นนางกำนัล ฐานะของนางจะเรียกว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะฮ่องเต้นั้นจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทรงมีองค์หญิงอยู่ตรงนี้อีกคน
ปัจจุบันนางใช้เงินที่ท่านแม่ให้ไว้มาเปิดร้านขายสุราอยู่ใจกลางเมือง เรียกได้ว่ากิจการของนางไปได้ดีทีเดียว
"บุรุษรูปงามคือของหวาน ข้ามิต้องการเป็นที่หมายปองของเหล่าบุรุษ แต่บุรุษต่างหากที่ต้องพยายามทำให้ข้าหมายปอง จะบอกอะไรให้นะฟางหรง แค่มีเงิน เงินเท่านั้นที่จะนำพาบุรุษดีๆมานอนกับเจ้า"
ฟางหรงมองหน้าสหายผ่านทางกระจกเงา
"เจ้านี่นะ แปลกประหลาดผิดวิสัยสตรี"
"โถ...กล้าพูดนะฟางหรง เจ้าเองเป็นกุลสตรีเหลือเกินล่ะ กินเหล้าเข้าบ่อน นี่หากว่าหนิวหลงรู้ว่าภรรยาในอนาคตของเขาเป็นสตรีที่กินเหล้าเข้าบ่อนทุกวันเขาจะว่าอย่างไรกันนะ"
ฟางหรงยกยิ้ม อาจจะเป็นเพราะว่าเราสองคนคือสตรีประหลาด ถึงสามารถคบหากันเป็นสหายได้อย่างนั้นสินะ
"เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะคุณหนูรอง!!"
อิงอิงวิ่งมาหาเจ้านายด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
"เกิดอะไรขึ้นอิงอิง ทางจวนไป๋ไม่ส่งเกี้ยวมารับพี่สาวของข้าหรืออย่างไร"
สาวใช้ร่างท้วมรีบโบกมือปฏิเสธ นางกำลังพักหายใจเพราะตัวเองเผลอวิ่งมาที่นี่ด้วยความรวดเร็วจนร่างกายเกือบหายใจไม่ทัน
"คะ...คุณหนูใหญ่หายตัวไปเจ้าค่ะ นายท่านให้ข้ารีบมาตามคุณหนูรองไปพบเป็นการเร่งด่วน!!!"
เป็นครั้งแรกที่ฟางหรงนั้นรู้สึกว่าใบหน้าของนางนั้นกำลังชา หัวใจพลันบีดรัดขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
นกที่แสนเชื่องและอยู่ในกรงทองมาตลอด บัดนี้ได้โบยบินหนีไปเพื่อตามหาอิสรภาพที่จางหายไปตั้งแต่แรก...
ในใจไม่กล้าแม้แต่จะโทษพี่สาวกับการกระทำในครั้งนี้ เพราะฟางหรงรู้ว่าพี่สาวของเธอนั้นก็อดทนมาเนิ่นนาน
และคนที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเธอ...
ชุดแต่งงานสีแดงสดปักลายหงส์ถูกสวมลงมาที่ร่างของเธอ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินของท่านแม่และใบหน้าที่เจ็บปวดของท่านพ่อ
ทุกคนทั้งร้องไห้และเจ็บปวดกันไปหมดแล้ว เธอจะยังร้องไห้ออกมาอีกได้อย่างไรกันเล่า อย่างน้อยชุดแต่งงานที่แสนงดงามนี้พี่สาวของเธอก็บรรจงปักมันขึ้นมาด้วยตัวเอง
ส่วนผ้าคลุมหน้าและมงกุฎหงส์นี้ ท่านแม่เป็นคนสั่งทำให้พิเศษ
"...ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่เป็นไร"
สหายที่ดูจะไม่ได้เรื่องของเธอ กำลังลูบหลังปลอบใจเธออยู่ สาวใช้ในจวนฝูต่างก็คุกเข่าและก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด...
ทั้งที่นี่คืองานมงคล แต่กลับไม่มีใครที่มีสีหน้าที่แสดงความยินดีเลยสักคนเดียว
พี่ฟางเซียน...ข้าไม่โทษพี่เลยแม้แต่น้อย
พี่เองก็รู้สึกเช่นนี้ใช่ไหม รู้สึกเจ็บปวดแต่ทว่าก็แสดงความเจ็บปวดออกมามิได้ เพราะว่าพี่คือความหวังของคนในตระกูลฝู
อาจจะเป็นเพราะว่าที่ผ่านมา เป็นข้าที่มีความสุขแต่พี่กลับเป็นฝ่ายทุกข์ทรมาน ในวันนี้หัวใจของข้านั้นเฝ้าภาวนา
ข้าเฝ้าภาวนาอย่างแรงกล้าว่าให้ปีกของพี่นั้นพาพี่บินไปให้ไกลแสนไกล ขอให้พี่บินไปพบเจอกับความสุขที่พี่ไม่เคยพบเจอในคราที่พี่อยู่ที่จวน
ข้าขอให้พี่มีความสุข
ส่วนเรื่องงานแต่งในครั้งนี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง