ผู้คนเริ่มพูดคุยกันเสียงดังมากขึ้น เมื่อเจ้าสาวปรากฏตัว สาวงามใต้ผ้าคลุมหน้าสีแดงมิใช่บุตรสาวคนโตของจวนเสนาบดีแต่กลับเป็นบุตรสาวคนรอง
ไป๋อ๋องปรายตามองเจ้าสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าสีแดง ด้วยสายตาที่แสนเย็นชา เขามิได้สนใจว่าพระชายาของเขาจะเป็นผู้ใดเพราะงานแต่งในครั้งนี้มิได้จัดขึ้นมาเพราะความรักอยู่แล้ว
เขาได้ประโยชน์จากการเกี่ยวดองกับตระกูลฝู เพียงเท่านั้นก็พอ
สตรีที่ยืนอยู่ข้างเขาไม่ว่าจะเป็นฟางเซียนหรือว่าฟางหรง เขาล้วนไม่สนใจทั้งนั้น เอาไว้เรื่องราวที่เขากำลังทำอยู่เสร็จเรียบร้อย ถึงเวลานั้นเขาและสตรีผู้นี้คงจะได้หย่ากันอย่างเป็นทางการ
ฟางหรงเม้มปากแน่น นางพยายามอย่างยิ่งที่จะทำตัวให้ปกติที่สุด พยายามไม่ร้องไห้ออกมาถึงแม้ว่าในหัวใจจะเจ็บปวดจนแสนสาหัส
งานแต่งงานที่ควรจะเต็มไปด้วยความสุขกลับมีแต่ความทุกข์และเจ็บปวดอยู่เต็มไปหมด เจ้าบ่าวที่เดินเคียงข้างควรจะเป็นหนิงหลงแต่กลับเป็นบุรุษที่เธอไม่เคยพบหน้าด้วยซ้ำ
ทว่าในใจกลับไม่คิดโทษใคร นี่คือความเจ็บปวดที่เธอจำต้องทนแบกรับ เพราะว่าเธอมีความสุขมากพอแล้ว หลังจากนี้คงจะต้องเขียนจดหมายไปหาหนิงหลง
เพื่อขอตัดความสัมพันธ์กับเขา
เขาเป็นบุรุษที่ดีเพราะฉะนั้นจะให้เขามามัวเสียเวลากับเธอไม่ได้ ในเมื่อไร้วาสนาต่อกัน มีแต่ต้องปล่อยมือเพื่อให้เขาไปพบเจอสตรีที่ดีพร้อมและเหมาะสมกับเขา
"คำนับฟ้าดิน!"
ช่างน่าตลกยิ่งนัก ฟางหรงนั้นสามารถทำตามพิธีแต่งงานได้ถูกหมด เพราะว่าก่อนหน้านี้เธอเคยเรียนกับแม่นมเอาไว้ เพื่อรอเป็นเจ้าสาวของหนิงหลง...
อย่างน้อยในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ ที่สตรีไม่ได้เรื่องเช่นเธอมิได้ทำให้ตระกูลฝูขายหน้าในวันนี้ เมื่อพิธีต่างๆจบลงก็ถึงคราวที่เธอจะต้องขึ้นเกี้ยวเดินทางไปสู่จวนตระกูลไป๋
ในใจพลันรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย เพราะฟางหรงมิคาดคิดว่าจะต้องจากจวนตระกูลฝูไปไวขนาดนี้
ซูมี่ยื่นมือมาจับมือของฟางหรงเอาไว้
"เจ้า...ใจเย็นๆก่อนนะ ข้าคิดว่าบางที อาจจะมีทางแก้ไข"
"...ไม่มีหรอกซูมี่ ทางแก้ไขก็คือต้องรอให้ท่านอ๋องหย่ากับข้า"
"ข้าว่า เราต้องหาเหตุผล หรือว่าเหตุจูงใจในการแต่งงานครั้งนี้ของท่านอ๋องให้เจอ ท่านอ๋องหาได้เป็นบุรุษที่ชื่นชอบสตรีงาม การแต่งงานในครั้งนี้ต้องมีนัยแอบแฝงเป็นแน่"
คำกล่าวของสหายทำให้ความรู้สึกแย่ในใจของฟางหรงนั้นเริ่มดีขึ้น เธอถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะยกผ้าคลุมหน้าออกเพื่อมองออกไปด้านนอกหน้าต่างของเกี้ยวขนาดใหญ่นี้
"ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่อาจรั้งหนิงหลงให้รอข้าได้ จำต้องเขียนจดหมายไปตัดความสัมพันธ์กับเขา"
แววตาของซูมี่นั้นสลดลงทันทีเมื่อได้ยินคำกล่าวของฟางหรง เธอรู้ดีว่าสหายของเธอนั้นปักใจต่อหติงหลงแค่ไหน
แล้วทั้งสองคบหากันอย่างเปิดเผยถึงขั้นส่งของหมั้นให้กันแล้วด้วย
ฟางหรงคงจะเจ็บปวดไม่น้อยเลย แต่ทว่านางคงจะไม่พูดออกมาเพราะเกรงใจท่านลุงฝูเป็นแน่
"ถึงแม้ไร้วาสนา แต่เจ้าก็ยังสามารถเป็นเพื่อนของหนิงหลงได้นี่นา..."
ฟางหรงส่ายหน้า
"ข้าไม่อาจทำใจเป็นเพื่อนกับเขาได้หรอกซูมี่ ข้าไม่มั่นใจว่าจะสามารถคิดกับเขาแค่เพื่อนได้ เพราะฉะนั้นนับจากนี้จนถึงวันที่ข้าจะหย่ากับท่านอ๋อง ข้ากับหนิงหลงอย่าพบกันเลยจะดีที่สุด"
ความเจ็บปวดนี้ เธอจะขอแบกรับเอาไว้เอง
"วางใจเถอะฟางหรง เจ้ายังมีข้านะ ข้าจะไปเยี่ยมเจ้าบ่อยๆแน่นอนว่าบ่อยขนาดที่เจ้าจะต้องเบื่อข้าเลยล่ะ"
ขบวนแห่เจ้าสาวนั้นหยุดลงที่หน้าจวน ซูมี่พลันรีบดึงผ้าคลุมหน้าลงมาปิดบังใบหน้าของฟางหรงเอาไว้
"ยินดีต้อนรับพระชายา ตามข้าน้อยมาทางนี้ได้เลยเจ้าค่ะ"
อ่า...อย่างน้อยผู้คนที่นี่ก็ดูเป็นมิตรกว่าที่คิดเอาไว้ ซูมี่ลอบถอนหายใจเบาๆ เธอมาที่นี่ในฐานะแม่สื่อ(จำเป็น)
"ท่านแม่สื่อพาพระชายาเข้าไปที่เรือนเก็บตะวันได้เลยเจ้าค่ะ เนื่องจากที่นั่นเป็นที่ประทับของพระชายาอ๋องคนก่อน ท่านอ๋องจึงรับสั่งให้ใช้ที่นั่นเป็นเรือนหอ"
ซูมี่ส่งยิ้มแห้งๆให้กับสาวใช้
ยังมีเรื่องเข้าหอที่ต้องกังวลอีกนี่นา... แต่ท่านอ๋องไม่เคยมีข่าวคราวเกี่ยวกับสตรีที่ไหน อีกทั้งงานแต่งนี่ยังจัดขึ้นมาเพราะมีนัยแอบแฝง
ไม่ว่าจะคิดยังไง คืนนี้ท่านอ๋องก็คงจะไม่มีทางมาเข้าหออย่างแน่นอน
ซูมี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะจูงมือฟางหรงเดินตามสาวใช้เข้าไปด้านในจวน จวนเก็บตะวันคือจวนขนาดใหญ่ที่ตกแต่งอย่างดงาม มีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้นานาชนิดที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นธารน้ำตกขนาดย่อมๆมีเสียงน้ำไหลเบาๆคลอกับสายลม ทำให้รู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลาย
ฟางหรงเปิดผ้าคลุมออกทันทีพร้อมกับนั่งลงที่ด้านหน้ากระจกเพื่อรอคอยให้อิงอิงมาแกะมงกุฎที่แสนจะหนักนี้ออก
"คุณหนู...อ่าไม่ใช่สิ พระชายาควรจะรอท่านอ๋องมาถอดให้..."
"...อย่าเรียกเช่นนั้นอีกอิงอิง อยู่ด้วยกันสองคนช่วยเรียกข้าว่าคุณหนูรองเถิด ข้าไม่ชินกับการถูกเรียกว่าพระชายาเลย"
"แต่เจ้าต้องรีบทำใจให้ชิน เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็แต่งงานเข้ามาแล้ว พระชายาไป๋ฟางหรง..."
ซูมี่กล่าวพร้อมกับยกจอกเหล้ามงคลกรอกใส่ปาก อิงอิงถึงกับกุมขมับที่คุณหนูทั้งสองกำลังทำพิธีเข้าหอพังไม่เป็นท่า
"มาเถอะอิงอิง มันหนักมากจนคอแทบจะหักอยู่แล้ว"
"ไม่หวาดหวั่นหน่อยหรือ นี่คือคืนเข้าหอนะ"
ฟางหรงปรายตามองสหาย
"เขาไม่มาหรอก งานแต่งนี้มิได้จัดขึ้นเพราะความรักหรือความต้องการของข้ากับท่านอ๋อง หน้าข้าเขายังไม่อยากจะมองนับประสาอะไรกับจะมาร่วมเตียง ดูก็รู้ว่าข้าเป็นเพียงบันไดก้าวหนึ่งที่จะพาเขาไปสู่ความยิ่งใหญ่ก็เท่านั้น"
ซูมี่ปรายตามองออกไปด้านนอก ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เธอล้มตัวนอนลงบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง
"นี่มันเหล้าอะไรกันเนี่ย...เหล้าบ้านี่สามารถทำให้ข้าเมาได้ให้ตายเถอะ"
"เหอะ! เจ้านี่นะ มาดื่มเหล้ามงคลของข้าได้ยังไงกัน?"
พูดยังไม่ทันขาดคำซูมี่ก็หลับไปเสียแล้ว ฟางหรงทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ